ผบช.ภ.1 อัปเดตคดีแตงโม ถามดังๆ กมธ.ฯ แนะนำ 3 เรื่อง แทรกแซงตำรวจหรือไม่
ผบช.ภ.1 แถลงข่าวชี้แจงความคืบหน้าคดีแตงโม พร้อมถามดังๆ ต่อหน้ากองทัพสื่อมวลชนว่า การที่กรรมาธิการสิทธิมนุษยชนฯ วุฒิสภา มาแนะนำให้ดำเนินการ 3 เรื่องนั้น เข้าข่ายแทรกแซงการทำงานของตำรวจหรือไม่
วันนี้ (25 มี.ค.) พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ผบช.ภ.1 เปิดเผยว่า ตอนนี้ได้สอบสวนพยานไปแล้ว 118 ปาก มีกล้อง 70 ตัว 200 ไฟล์, ผู้เชี่ยวชาญ 18 ปาก, วัตถุพยาน 51 ชิ้น,พยานแวดล้อม 92 ปาก, ผู้ถูกกล่าวหา 2 คน, พยานในที่เกิดเหตุ 3 คน และโทรศัพท์มือถือ 13 เครื่อง
ส่วนกรณีที่เมื่อวานนี้ (24 มี.ค.) กรรมาธิการสิทธิมนุษยชนฯ วุฒิสภา มาตรวจสอบเรือที่เป็นของกลางในคดีแตงโม แล้วได้มีการแนะนำ 3 เรื่อง ซึ่งทางตำรวจขอชี้แจงว่า 3 เรื่องที่แนะนำมานั้น ทางตำรวจได้ทำหมดแล้ว คือ
1. ได้สอบปากผู้เชี่ยวชาญไปแล้ว 18 ปาก และได้นำเรือไปทดลองหลายครั้ง มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมตรวจสอบด้วย
2. เรื่องเครื่องจับเท็จ ทางตำรวจจะนำทั้ง 5 คนบนเรือไปนั่งเครื่องหรือไม่นั้น ทางพนักงานสอบสวนจะต้องปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องจับเท็จเสียก่อน และจะต้องวิเคราะห์คำให้การว่าจะนำพยานเข้าเครื่องจับเท็จในประเด็นใดได้หรือไม่ ไม่ใช่ว่าจะจับไปนั่งเครื่องจับเท็จได้เลย ซึ่งเครื่องจับเท็จก็เป็นเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์อีกอย่างหนึ่ง ที่ใช้ตรวจสอบพฤติกรรมและการตอบสนองของบุคคลที่ใช้เครื่องจับเท็จ เพื่อพิสูจน์ข้อสงสัยต่างๆ ที่จะต้องอาศัยผู้ชำนาญการดำเนินการ ซึ่งเครื่องจับเท็จก็ไม่สามารถสรุปได้สมบูรณ์
3. เรือของกลาง ที่จอดอยู่ในตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี ก็จอดเก็บไว้หลังจากเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตรวจสอบแล้วหมดทั้งสิ้น ที่เก็บไว้แบบนั้นก็เพื่อรอคำสั่งศาลดำเนินการต่อไป หรือหากศามีข้อสงสัยก็จะได้นำเรือกลับมาตรวจสอบได้
ทั้งนี้ การที่ทางกรรมาธิการฯ วุฒิสภา สั่งการมานั้น ขอตั้งข้อสังเกตว่า เป็นการก้าวก่าย หรือขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือไม่
ส่วนคดีแตงโมนั้น ในขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปสำนวนได้ จะต้องรอสำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ส่งผลสรุปการชันสูตรศพมาเสียก่อน ซึ่งไม่ทราบว่าจะส่งกลับมาเมื่อใด ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องรอผลอย่างเป็นทางการเพื่อนำมาสรุปสำนวนอีกครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทำตามขั้นตอนตามกฎหมายอย่างตรงไปตรงมาและได้เร่งรัดการทำงาน เพื่อที่จะสรุปสำนวนคดีที่ผู้เสียหายอยากทราบและหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีให้ได้