ฮือฮา!!สิงห์แจกปฏิทินโป๊กลางทำเนียบ

จิตตภัสร์ ทายาท เบียร์สิงห์ฯเปิดท้ายรถหรูแจกปฏิทินโป๊อื้อฉาว หลังตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ผอ.ควบคุมเครื่องแอลกฮอลล์ฯ ระบุ ปฎิทินนู๊ดเบียร์ดังผิดกม. ยันแม้จะเบี่ยงประเด็นจากแจกมาขายก็ผิด ด้านรมช.สธ. สั่งทีมกฎหมายหาทางเอาผิด ขณะที่นักวิชาการ ระบุ ยิ่งดิ้นยิ่งทำให้ภาพลักษณ์เสื่อมลง

(16ธ.ค.) เวลา 10.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.จิตตภัสร์ ภิรมย์ภักดี ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้นำปฏิทินเบียร์ลีโอ ปี ค.ศ. 2010 ของบริษัทซึ่งถูกกระทรวงสาธารณสุขสั่งห้ามแจก เพราะมีความผิดตามมาตรา 32 ว่าด้วยเรื่องการโฆษณาตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มเแอลกอฮอลล์ พ.ศ. 2551 มาแจกให้กับบรรดาผู้สื่อข่าว ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำทำเนียบรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการแจกปฏิทินครั้งนี้ น.ส.จิตตภัสร์ นำปฏิทินจำนวน 2 ลัง ใส่ท้ายรถบีเอ็มดับเบิลยู ทะเบียน ศจ. 21 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถยนต์ส่วนตัว มาจอดที่บริเวณหลังตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล และเปิดกระโปรงท้ายรถแกะกล่องปฏิทินแจกให้กับบรรดาผู้ที่สนใจ ซึ่งมีทั้งสื่อมวลชน ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำทำเนียบรัฐบาล ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย แห่กันวิ่งไปที่หลังตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อเข้าไปขอรับปฏิทินกันเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ นายศุภชัย ใจสมุทร และ น.พ.ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ร่วมวิ่งไปรับปฏิทินดังกล่าวด้วย หลังจากที่รู้ว่ามีการนำมาแจกจ่ายถึงภายในทำเนียบรัฐบาล

ด้านผอ.ควบคุมเครื่องแอลกฮอลล์ฯ ระบุ ปฎิทินนู๊ดเบียร์ ดังผิดกม.ชัด ยันแม้จะเบี่ยงประเด็นจากแจกมาขายก็ผิด ลั่น ขายเมื่อไหร่แจ้งความจับทันที เตรียมเรียกประชุมกก.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกฮออล์ด่วน ปิดช่องโฆษณาแฝงในรูปจำหน่ายเสื้อผ้า

ด้านนพ.สมาน ฟูตระกูล ผู้อำนวยการคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกฮออล์และยาสูบ กล่าวกรณีปฎิทินที่มีผลิตเครื่องดื่มแอลกฮออล์ยี่ห้อดัง ที่พยายามหลยเลี่ยงข้อกฎหมายโดยจะเปลี่ยนการจำหน่ายแทนการจ่ายแจก ว่า คิดว่าทางผู้ที่จัดทำปฎิทินดัง กล่าวคงจะเข้าใจสิ่งที่ตนสื่อสารไปไม่ครบถ้วน เพราะกฎหมายได้บอกว่าการโฆษณารวมถึงการสื่อสารการตลาด ดังนั้นการจำหน่ายจ่ายแจกดังกล่าวก็ถือเป็นการโฆษณาอย่างแน่นอน การที่ตนได้ออกมาระบุเมื่อวานที่ผ่านมาไม่ได้รวมถึงการจำหน่ายจ่ายแจกที่ ผ่านมาการทำงานของคณะกรรม การชุดของตนมีผู้ทรงคุณวุฒิที่ได้รับการแต่งตั้งจากประธานคณะกรรมการควบคุม เครื่องดื่มแอลกฮอล์ระดับชาติ เช่น ดร.ปริชาติ สถานปิตานนท์ อาจารย์คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็เป็นกรรมการที่ปรึกษาของคณะกรรมการชุดนี้

ซึ่งดร.ปริชาติ ได้บอกว่าการทำสื่อสารการตลาด ซึ่งเหมือนการทำการตลาด 360 องศา ดังนั้นอะไรที่ผิดในการทำการสื่อสารการตลาด รวมถึงการสนับสนุนการทำกิจกรรมพิเศษ การจัดทำปฎิทิน หรือกการจัดทำกิจกรรมพิเศษต่างๆ ก็หมายถึงการทำการสื่อสารการตลาดด้วย ซึ่งตรงนี้ถือเป็นการทำการสื่อสารทั้งหมด โดยคำว่าโฆษณาไม่ใช่จำกัดเฉพาะการซื้อขายและจ่ายแจกเท่านั้น

นพ.สมาน กล่าวอีกว่า การทำบอดี้เพ้นท์บนตัวนางแบบ ได้มีความพยายามตอกย้ำยี่ห้อสินค้า และนำภาพดังกล่าวมาจัดทำเป็นปฎิทินเรา ก็ถือว่าเป็นการโฆษณาผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ ดังนั้นประเด็นที่เกิดขึ้นตรงนี้แล้วมันก็ไม่ได้ขึ้นอยู่ในประเด็นว่าจะนำไป แจกหรือขาย แม้ว่าจะไม่มีการแจกแต่จะนำไปขาย เรายังถือว่าเป็นการโฆษณาอยู่ ซึ่งตรงนี้ตนถือว่าเป็นโอกาสดีอย่างมาก ที่คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกฮออล์ที่กำลังเตรียมที่จะดำเนินการใน เรื่องนี้ในระยะที่สอง คือ การนำยี่ห้อเครื่องดื่มแอลกฮออล์มาทำเสื้อผ้า และนำตราาสัญญลักษณ์ โลโก้เครื่องดื่ม มาพิพม์ลงบนเสื้อผ้าอย่างชัดเจน

ซึ่งตรงนี้เราเห็นว่าการดำเนินการในลักษณะเช่นนี้ก็ถือว่าเข้าข่ายเช่นกัน "ในเบื้องต้นในเรื่องของปฎิทิน ผมกำลังคิดว่าจะเข้าแจ้งความดำเนินคดีวันนี้เลย แต่เมื่อมาเกิดกรณีที่มีความพยายามจะเลี่ยงประเด็นอย่างนี้ ผมเลยคิดว่าจะเชิญกรรมการที่ปรึกษาที่ทรงวุฒิเข้ามาพูดคุยหาข้อสรุปในเรื่อง นี้อย่างเร่งด่วนอีกครั้ง เพื่อที่จะสรุปแจ้งความดำเนินคดีในครั้งเดียว"

เมื่อถามว่า ทางบริษัทเจ้าของสินค้าได้ออกมาระบุว่าทางบริษัทไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง นพ.สมาน กล่าวว่า "หากเรื่องนี้ไปพูดชี้แจงในศาล คุณคิดว่าสาลจะเชื่อหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาการปฎิทินเช่น นี้ได้มีการดำเนินการทำมาหลายปีแล้ว ดังนั้นการที่จะออกมาปฎิเสธว่าจะไม่รู้ไม่เห็นคงจะทำไม่ได้ การจัดการสนับสนุน หรือการจัดการทำประชาสัมพันธ์ในลักษณะนี้ ถือว่าเข้าข่ายผิดกฎหมายอย่างชัดเจน"

เมื่อถามว่า หากมีการนำปฎิทินดังกล่าวไปขายโดยผ่านบริษัทที่ดำเนินการจัดทำปฎิทิน การดำนเนินการในลักษณะนี้ถือว่าผิดหรือไม่ นพ.สมาน กล่าวว่า ตามพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกฮออล์ มีการระบุไว้อย่างชัดเจน ซึ่งเรื่องนี้มีความผิดอย่างชัดเจนในการโฆษณา ดังนั้นตัววัตถุแห่งการทำผิด คือ ตัวปฎิทิน เนื่องจากตัวปฎิทินเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย ดังนั้นการทำสิ่งที่ผิดกฎหมายขึ้นมา แล้วเอาสิ่งที่ผิดหกฎหมายนำไปไปจำหน่ายจ่ายแจก ก็ถือว่าผิดกฎหมายเช่นกัน

เมื่อถามว่า ล่าสุดนางเมธินี กิ่งพโยม ผู้ดำเนินการจัดทำปฎิทินดังกล่าว ยืนยันว่าออกมาแล้วว่าจะนำปฎิทินดัง กล่าวออกมาจำหน่ายภายในวันหรือสองวันนี้อย่างแน่นอน นพ.สมาน กล่าวว่า หากมีการนำออกมาจำหน่ายจริง ทางเราจะดำเนินการคดีทางกฎหมายแน่นอน ตอนนี้ถือว่าเป็นโอกาสที่ดี เนื่องจากในตอนแรกเราจะดำนเนินการในเรื่องหลังจากผ่านพ้นช่วงปีใหม่ไปแล้ว ทางเราจะนำเรื่องการจำหน่ายเสื้อที่มีโลโก้เครื่อองดื่มแอลกฮออล์ ดังนั้นถีงตอนนี้ทางเราก็จะดำเนินคดีไปในคราวเดียวกันไปเลย

เมื่อถามว่า หากร้านค้านำปฎิทินไป ติดโชว์ จะถือว่าผิดกฎหมายหรือไม่ นพ.สมาน กล่าวว่า "ตอนนี้ตนไม่อยากพูดอะไรมากเนื่องจากเราจะเดินไปเข้าเกมของเขาได้ เพราะผมเห็นว่าการดำเนินการในครั้งนี้ ถือว่าเป็นเกมการเดินการตลาดแบบใหม่ เพื่อให้เกิดเป็นข่าว และทำให้ประชาชนเกิดความสนใจมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้โฆษณาสินค้าของเขาไปในตัว ดังนั้นในเวลานี้ผมอยากจะใช้ช่วงเวลานี้ไปให้สังคมได้มีโอกาสศึกษา โดยผมไม่อยากให้มองว่าคนที่ทำผิดกฎหมายเป็นฮีโร่ ซึ่งในที่สุดจะทำให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบ นอกจากนี้อย่าให้คนที่คิดทำผิดกฎหมายบรรลุจุดประสงค์ที่ตั้งไว้"

ด้านนายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข กล่าวว่า ได้มอบให้ นพ.สมาน ฟูตระกูล ผอ.สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หารือทีมที่ปรึกษากฎหมายและที่ปรึกษาด้านนิเทศศาสตร์ ว่าการทำปฏิทินครั้งนี้ เป็นการทำผิดฝ่าฝืนกฎหมายข้อใดบ้าง เพื่อให้การทำงานของ สธ. เป็นไปอย่างเป็นทางการ คาดว่า อีก1-2 วัน จะได้ข้อสรุปที่ชัดเจน

การทำปฏิทินหวาบหวิวครั้งนี้ ไม่ใช่เป็นการทำผิดกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของความไม่เหมาะสม และไม่สมควรด้วย ไม่เป็นประโยชน์สร้างสรรค์สังคม เป็นการยั่วยุอารมณ์ทางเพศ ก่อให้เกิดปัญหาความรุนแรงต่อสตรี เยาวชนตามมา โดยในเร็วๆ นี้ สธ.จะหารือกับกระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความเป็นมนุษย์ (พม.) เพื่อหามาตรการแก้ปัญหาและปกป้องเยาวชนไม่ให้เป็นเหยื่ออบายมุข ความรุนแรงในสังคม

ขณะที่ รศ.ปาริชาติ สถาปิตานนท์ อาจารย์ประจำคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงการณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า สังคมต่างเข้าใจในทางเดียวกันว่าเป็นปฏิทินลีโอ เท่านี้ก็แทบไม่ต้องตีความตามกฎหมายแล้วว่าบริษัทผู้ว่าจ้างทำเพื่ออะไร ซึ่งการจ้างบริษัทอื่นให้กระทำแทนไม่ต่างกับการกระทำเอง เพราะทุกคนก็เข้าใจได้ว่าเป็นการทำเพื่อโปรโมตสินค้าของใคร เรื่องดังกล่าว เป็นปัญหาเชิงจริยธรรมองค์การ