สุดงง ป่วยโควิดรักษาที่บ้าน หายแล้วขอใบรับรองแพทย์ เจอ รพ. คิดเงินคนละ 10,059 บาท
Thailand Web Stat

สุดงง ป่วยโควิดรักษาที่บ้าน หายแล้วขอใบรับรองแพทย์ เจอ รพ. คิดเงินคนละ 10,059 บาท

สุดงง ป่วยโควิดรักษาที่บ้าน หายแล้วขอใบรับรองแพทย์ เจอ รพ. คิดเงินคนละ 10,059 บาท
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สุดงง ป่วยโควิดกักตัวอยู่บ้านทั้งครอบครัว 4 คน หายแล้วขอใบรับรองแพทย์ เจอ รพ.คิดค่ารักษาพยาบาลสำรองจ่ายรายละ 10,059 บาท

(28 มี.ค.65) นายศุภากร ปัตตะพงศ์ อายุ 59 ปี แอดมินกลุ่มวาปีที่รัก ร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าวว่า ตนเองได้เปิดกลุ่มสาธารณะในเฟซบุ๊ก ชื่อกลุ่มวาปีที่รัก เพื่อโพสต์ความเคลื่อนไหว และเรื่องราวต่าง ๆ ในอำเภอวาปีปทุม จ.มหาสารคาม ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงโควิด ก็มีแฟนเพจ ซึ่งเป็นพนักงาน ธกส. แห่งหนึ่งที่จังหวัดมหาสารคาม เข้ามาคอมเมนต์ว่าถูกเรียกเก็บเงินจากโรงพยาบาล ภายหลังจากติดเชื้อโควิด-19 พร้อมกับครอบครัวรวม 4 คน ทั้ง ๆ ที่รักษาตัวที่บ้านหรือ Home Isolation

โดยพนักงาน ธกส. เล่าให้ฟังว่า ตัวเค้าและครอบครัวติดเชื้อทั้งบ้านรวม 4 คน หลังจากหายป่วยได้ติดต่อทางโรงพยาบาลเพื่อขอใบรับรองการป่วย เพื่อประกอบการลาป่วยส่งให้กับต้นสังกัด โดยทางโรงพยาบาลแจ้งว่าจะต้องสำรองจ่ายค่ารักษา แยกเป็นค่าห้องและค่าอาหาร ค่าบริการและดูแลผู้ป่วยกรณีพักรอก่อนเข้ารักษา/พักฟื้น (เบิกได้+ปกส.) เป็นเงิน 10,000 บาท และค่ายาและสารอาหารทางเส้นเลือด 59 บาท รวมต้องจ่ายคนละ 10,059 บาท ทั้งครอบครัว 4 คน เป็นเงิน 40,236 บาท

และที่สำคัญคือตลอดการรักษา ผู้ป่วยรักษาแบบ Hi หรือ Home Isolation ไม่เคยไปนอนโรงพยาบาล และกินอาหารของโรงพยาบาลเลย ส่วนยาที่ได้รับมาก็มีเพียงยาพาราเซตามอล ยารักษาตามอาการเท่านั้น ซึ่งได้สอบถามเจ้าหน้าที่การเงินไปว่า ไม่เคยมานอนโรงพยาบาล ไม่เคยได้อาหาร ทำให้ถึงต้องเก็บเงิน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็ได้แจ้งมาแค่ว่า ไม่เป็นไรหรอก คุณเบิกได้ ให้จ่ายไปก่อน

ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า เมื่อมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมา จังหวัดอื่น ๆ หรือโรงพยาบาลอื่น ๆ เป็นแบบนี้บ้างไหม ยกตัวอย่างเช่น ข้าราชการ ก็ใช้สิทธิ์จ่ายตรงจากกรมบัญชีกลาง กรณีนี้คือพนักงานรัฐวิสาหกิจ ต้องสำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาลไปก่อน แล้วค่อยไปเบิกคืนจากต้นสังกัด แล้วเงินที่จ่ายโรงพยาบาลไปแล้ว ไปอยู่ตรงไหน ทั้ง ๆ ที่ผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ที่บ้าน จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาชี้แจงในกรณีที่เกิดขึ้นด้วย

ด้านนายแพทย์สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม เปิดเผยว่า จากกรณีมีประชาชนโพสต์ว่ามีการเรียกเก็บเงินผู้ป่วยในการรักษาการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ล่าสุดได้นำข้อมูลส่งต่อให้กับทางผู้บริหารในระดับพื้นที่เพื่อตรวจสอบว่ามีข้อเท็จจริงยังไง ซึ่งเบื้องต้นขอชี้แจงว่าการที่จะรักษาผู้ป่วยโควิดจะมีบัตรประกันสุขภาพอยู่ 3 กองทุนกองทุนที่ 1 กองทุนประกันสังคม 2.กองทุนข้าราชการ 3.กองทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งจะไม่สามารถเก็บเงินกับคนไข้โดยตรงได้เลย แต่จะทำเอกสารเรียกเก็บค่าบริการซึ่งเป็นต้นทุนผ่านกองทุนทั้ง 3 แต่ในส่วนขององค์กรรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเบื้องต้นทราบว่าเป็นบุคลากรของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ หรือ ธกส. ซึ่งโดยหลักการของ ธกส. จะมีระบบอาจจะให้ทางผู้ป่วยชำระเงินแล้วไปเบิกจ่าย

กรณีเคสนี้เข้าได้รับการตรวจและดูแลแบบ Home Isolation เมื่อวันที่ 8 มีนาคมถึงวันที่ 18 มีนาคม 2565 ได้เมื่อรักษาครบตามเกณฑ์ที่กำหนด จึงมีการมาขอใบรับรองแพทย์ แต่ไม่แน่ใจว่ามีการสื่อสารระหว่างสถานพยาบาล หรือเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในการเรียกเก็บเงินอย่างไร และการสื่อสารระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ป่วยอย่างไรจึงได้มีการออกเอกสารดังกล่าวนี้ขึ้น ซึ่งประเด็นนี้กำลังอยู่ในระหว่างสอบถามและทบทวนเอกสารอยู่ เพื่อความแน่ชัด เพราะต้องดูด้วยว่าระหว่าง 10 วันที่เข้าสู่ระบบ Home Isolation มีการดูแลติดตามผู้ป่วยอย่างไร มีรายละเอียดการบริการอย่างไรบ้าง ซึ่งหากมีการทำแผนการรักษาและดูแล ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายต้นทุนดังกล่าวจริงก็สามารถเรียกเก็บเงินได้ แต่จะเป็นค่าใช้จ่ายที่เบิกกับกองทุนสุขภาพหรือต้นสังกัดที่มีเท่านั้น

แต่จากเหตุที่เกิดขึ้น ขอชี้แจงว่าในส่วนการรักษาที่ผ่านมาสาธารณสุขไม่มีนโยบายเก็บเงินในการรักษาผู้ป่วยโควิดแต่อย่างใด แต่ต้องขอดูเอกสาร และหาสาเหตุเพื่อจัดการปัญหาให้ถูกต้องอย่างละเอียดก่อนและจะปรับปรุงระบบริการที่ถูกต้องเหมาะสมกับประชาชนให้มากขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดเหตุความไม่เข้าใจกันซ้ำรอยได้อีก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
kookkak

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เราใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดบน
เว็บไซต์ของเรา โปรดศึกษาเพิ่มเติมที่
นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้