ผอ.แจงดราม่า "ครูหญิง" พ้นสภาพเพราะสอบติดราชการ ชี้ประกาศโรงเรียนถูกต้องทุกอย่าง
ความคืบหน้ากรณีโรงเรียน มอ. วิทยานุสรณ์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ได้ออกประกาศแจ้งบุคคลพ้นสภาพการเป็นบุคคลากร แต่กลับถูกวิพากษ์วิจารณ์จากชาวเน็ตถึงถ้อยคำที่ไม่เหมาะสม จนทำให้คนเข้าใจผิด คิดว่าครูกระทำผิดร้ายแรง
เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (28 มี.ค. 65) น.ส.อริสรา หรือครูหญิง พร้อมด้วยนายพงศธ สุวรรณรักษา หรือทนายอาร์ม ซึ่งเป็นทนายความด้านสิทธิมนุษยชน ได้เข้ายื่นหนังสือเรื่องขอให้มีการแก้ไขปัญหาเพื่อกู้คืนศักดิ์ศรีความเป็นครูให้กับอธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) โดยมีอาจารย์พิชิต เรืองแสงวัฒนา รองอธิการบดีฝ่ายบริหารและการเงิน รักษาเเทนอธิการบดี มอ. รับหนังสือแทนอธิการฯ ที่ติดราชการ
โดยอาจารย์พิชิต กล่าวว่า หลังจากนี้จะเร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงของทั้งสองฝ่าย เพื่อให้ได้ข้อสรุปและยุติโดยเร็ว ซึ่งปัญหาเรื่องนี้อาจจะมาจากความเข้าใจไม่ตรงกันเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการทำงาน ว่ากรณีแบบนี้ในสัญญาจะต้องทำอย่างไรให้ถูกต้อง ซึ่งครูมองว่าไม่ผิด ก็ต้องมาดูกันว่าระเบียบที่ออกมาใช้ได้ไม่ได้และอยากให้จบและจากกันด้วยดี
ด้าน ทนายอาร์ม กล่าวว่า ข้อเรียกร้องของครูหญิงมี 4 ข้อ คือต้องการให้โรงเรียนลบโพสต์ดังกล่าว ให้โพสต์ขอโทษข้อความเป็นเท็จ ให้มีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเพราะตอนนี้สถานะของครูหญิงคือถูกให้ออกเพราะทำผิดวินัยร้ายแรงให้เป็นการลาออกโดยสมัครใจ และเรียกร้องค่าเสียหายที่ถูกละเมิด เพราะทางโรงเรียนทำให้เสียชื่อเสียง จากข้อความที่โพสต์ถูกมองว่ามีการกระทำผิดรุนแรง
ขณะที่ ครูหญิง กล่าวว่า เมื่อเห็นประกาศดังกล่าวรู้สึกตกใจมากและทำให้เสียชื่อเสียง หากอ่านแต่ประกาศเหมือนทำผิดร้ายแรง จนถูกตั้งคำถามว่าทารุณกรรมเด็กมั้ยหรือไปฉ้อโกง จึงอยากทราบเจตนาของโรงเรียนในการออกประกาศฉบับนี้ออกมาเพราะเป็นประกาศที่เกิดขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่เปิดโรงเรียนมา และเสียใจมากเพราะที่ผ่านมาได้ทำงานให้กับโรงเรียนอย่างเต็มที่ ยืนยันว่าตนไม่ทำผิดระเบียบเพราะได้ยื่นใบลาออกถูกต้องและมีการอนุมัติเรียบร้อยก่อนที่จะมีประกาศออกตามหลังมา 10วัน จึงต้องการให้ทางโรงเรียนลบโพสต์ออก
ส่วนกรณีที่มีกระแสออกมาว่าสาเหตุมาจากทางโรงเรียนขอเพจแนะแนวคืนแต่ตนไม่ให้ ครูหญิง บอกว่า ความจริงแล้วเพจนี้ตนใช้แอคเคานต์เฟซบุ๊กส่วนตัวทำขึ้นมา และขออนุญาตโรงเรียนถูกต้อง และเมื่อตนลาออกทางโรงเรียนขอคืนเพราะที่ยังเป็นบุคคลากรของโรงเรียนตนก็ทำอยู่ แต่หลังจากที่ออกมาแล้วก็ได้ปิดเพจและลบข้อมูลทั้งหมดแล้ว โดยทางโรงเรียนขอมาวันศุกร์และวันเสาร์โรงเรียนก็ออกประกาศนี้มา ครูหญิงยืนยันว่าหากโรงเรียนทำตามข้อเรียกร้องตนก็ยินดีจบเรื่องดีด้วยดี ตอนนี้ก็รอว่าทางโรงเรียนจะดำเนินการอย่างไร
จากนั้นครูหญิงและทนายอาร์ม ได้เดินทางไปยื่นหนังสือให้กับผู้บริหารโรงเรียน มอ. วิทยานุสรณ์ เพื่อให้ดำเนินการตามข้อเรียกร้องทั้ง 4 ข้อ โดยมีตัวแทนโรงเรียนได้รับเรื่องเอาไว้
ด้าน นายสุชาต สุขะพันธ์ ผอ.โรงเรียน มอ.วิทยานุสรณ์ เปิดเผยว่า ยืนยันว่าการออกประกาศฉบับนี้โรงเรียนทำถูกต้องทุกอย่าง และเรื่องนี้มีอยู่ประเด็นเดียวคือการให้ออกเป็นหลักของปฏิบัติโรงเรียน เพราะเป็นการเสียโอกาสทางการศึกษาของนักเรียนที่ครูหายไปกลางคัน จึงเป็นที่มาของการออกประกาศ กรณีการไปสอบเป็นข้าราชการทางโรงเรียนไม่เคยห้ามและเปิดโอกาสให้ครูทุกคนไปสอบ แต่ต้องลาออกก่อน ที่ผ่านมามีครูหลายคนที่สอบไม่ได้ก็กลับมาสอนที่โรงเรียนเหมือนเดิม แต่กรณีของครูหญิงไปสอบแต่ไม่ได้แจ้งเรื่องลาออกก่อน ก็ต้องดำเนินการไปตามประกาศของโรงเรียน ซึ่งครูทุกคนทราบและเข้าใจข้อนี้ดี ไม่เคยมีปัญหาอะไร การที่จะมาอ้างว่าไม่รู้ประกาศข้อนี้ไม่ได้
ส่วนอีกประเด็นคือเรื่องประกาศของโรงเรียนฉบับนี้ก็เพื่อต้องการแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับโรงเรียน สถานบันต่างๆที่ติดต่อกับทางโรงเรียนได้ทราบ เพราะครูแนะแนวซึ่งครูหญิงรับผิดชอบอยู่ จะเป็นผู้ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ผ่านทางเพจของโรงเรียนเป็นหลัก ซึ่งหากครูหญิงออกไปก็ต้องคืนเพจให้กับทางโรงเรียน เพราะตอนทำเพจแนะแนวยังเป็นบุคคลกรอยู่ ไม่ว่าจะใช้แอคเคานต์ส่วนตัวหรือแอคเคานต์ใด ตามหลักก็ต้องคืนเพจให้โรงเรียน แต่หลังจากครูหญิงออกมีการลบแอดมินออกและเปลี่ยนชื่อเพจเป็นชื่อครูแต่ใช้ตราโรงเรียนอยู่ซึ่งอาจทำให้คนอื่นเข้าใจผิด จึงจำเป็นต้องออกประกาศชี้แจงให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับรู้ว่าครูหญิงพ้นสภาพไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโรงเรียนแล้ว
ผอ.โรงเรียน มอ.วิทยานุสรณ์ กล่าวย้ำอีกว่า ที่มาของการออกประกาศถ้าคุณได้ออกจากองค์กรเราไปแล้วแต่ได้นำสิ่งของบางอย่างของโรงเรียนออกไปด้วยโรงเรียนก็มีสิทธิ์ที่จะทวงคืน เพราะสิ่งที่นำออกไปเป็นข้อมูลสำคัญของโรงเรียน ของนักเรียน เพื่อป้องกันและรักษาผลโประโยชน์ของโรงเรียน และไม่มีเจตนาหรือข้อความที่ทำให้ครูเสียชื่อเสียงเลย ขอย้ำว่าเรื่องนี้ทางโรงเรียนต้องการให้ครูหญิงส่งข้อมูลเพจทางโรงเรียนกลับมา ส่วนประเด็นอื่นก็ให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย ถ้าทำให้ทางโรงเรียนเสียหายเสียชื่อเสียงก็ต้องดำเนินการไปตามกฎหมายเช่นกัน