สารพัดโพลหลบไป! รัฐบาลเผยประชาชนไม่พอใจแค่ 6.3% ชอบคนละครึ่งสูงสุด

สารพัดโพลหลบไป! รัฐบาลเผยประชาชนไม่พอใจแค่ 6.3% ชอบคนละครึ่งสูงสุด

สารพัดโพลหลบไป! รัฐบาลเผยประชาชนไม่พอใจแค่ 6.3% ชอบคนละครึ่งสูงสุด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สำนักงานสถิติแห่งชาติเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน พบว่า มีความพึงพอใจภาพรวมการดำเนินงานของรัฐบาลอยู่ในระดับมาก-มากที่สุด ร้อยละ 33.9 พึงพอใจระดับปานกลาง ร้อยละ 40.9 พึงพอใจในระดับน้อย-น้อยที่สุด ร้อยละ 18.9 และไม่พึงพอใจเลย ร้อยละ 6.3 โดยส่วนใหญ่พึงพอใจโครงการ "คนละครึ่ง" มากที่สุด ร้อยละ 66.9

วันนี้ (29 มี.ค.) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อการบริหารงานของรัฐบาล พ.ศ. 2565 (ครบ 2 ปี 6 เดือน) และการปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตวิถีใหม่ (New Normal Life) ปี 2565 [เป็นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (17 มิถุนายน 2545) ที่ให้ สสช. จัดเก็บข้อมูลและสถิติตัวเลข รวมทั้งสำรวจและสอบถามประชาชนเกี่ยวกับนโยบายหลักๆ ของรัฐบาล แล้วรายงานคณะรัฐมนตรีทราบ]

โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) ได้สัมภาษณ์สมาชิกในครัวเรือนที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศจำนวน 6,970 คน ระหว่างวันที่ 5-18 มกราคม 2565 พบว่า ในประเด็นเรื่องการติดตามข้อมูลข่าวสารของรัฐบาล ประชาชนร้อยละ 83.7 ติดตามข้อมูลข่าวสารของรัฐบาล ร้อยละ 16.3 ไม่ติดตาม เหตุผลคือ ไม่สนใจ ไม่มีเวลาว่าง และอื่นๆ เช่น ไม่ชอบ โดยติดตามทางโทรทัศน์มากที่สุดร้อยละ 71.8 รองลงมาคือ สื่อสังคมออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊ก ไลน์ ทวิตเตอร์ และยูทูบ ร้อยละ 55.5 ทั้งนี้ ผู้ที่มีอายุน้อยได้ติดตามจากสื่อสังคมออนไลน์สูงกว่าผู้มีอายุมาก และผู้มีการศึกษาสูงได้ติดตามจากสื่อสังคมออนไลน์สูงกว่าผู้มีการศึกษาต่ำกว่า

สำหรับความพึงพอใจในภาพรวมต่อการดำเนินงานของรัฐบาล พบว่า ประชาชนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก-มากที่สุด ร้อยละ 33.9 พึงพอใจระดับปานกลาง ร้อยละ 40.9 พึงพอใจในระดับน้อย-น้อยที่สุด ร้อยละ 18.9 และไม่พึงพอใจเลย ร้อยละ 6.3 โดยภาคใต้และภาคใต้ชายแดนมีความพึงพอใจในระดับมาก-มากที่สุดสูงกว่าภาคอื่น คือ ร้อยละ 57.9 และร้อยละ 54.5 ตามลำดับ ขณะที่ภาคอื่นมีประมาณร้อยละ 26-35

ส่วนความพึงพอใจต่อนโยบายของรัฐบาลนั้น นโยบายที่ประชาชนมีความพึงพอใจมาก-มากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่

  • โครงการคนละครึ่ง ร้อยละ 66.9
  • โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ร้อยละ 63.6
  • โครงการเราชนะ ร้อยละ 62.9
  • มาตรการเยียวยาแรงงานในระบบและนอกระบบ ร้อยละ 48.2 และ
  • โครงการประกันรายได้เกษตรกร ร้อยละ 32.4

ขณะที่มาตรการเยียวยา หรือโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีประโยชน์ต่อประชาชน 5 อันดับแรก ได้แก่

  • โครงการคนละครึ่ง ร้อยละ 81.5
  • โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ร้อยละ 70
  • โครงการเราชนะ ร้อยละ 62.2
  • มาตรการลดค่าน้ำ-ค่าไฟ ร้อยละ 57.2 และ
  • โครงการ ม.33 เรารักกัน ร้อยละ 32.1

โดยประชาชนในเกือบทุกกลุ่มอาชีพ ระบุว่า โครงการคนละครึ่งมีประโยชน์ต่อคนในประเทศมากที่สุด

ทั้งนี้ น.ส.ไตรศุลี กล่าวต่อไปอีกว่า ในประเด็นเรื่องความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ของประเทศ พบว่า ประชาชนเชื่อมั่นในระดับมาก-มากที่สุด ร้อยละ 30.4 เชื่อมั่นระดับปานกลาง ร้อยละ 39.7 เชื่อมั่นในระดับน้อย-น้อยที่สุด ร้อยละ 21.3 และไม่เชื่อมั่นเลย ร้อยละ 8.6 โดยภาคใต้และภาคใต้ชายแดนมีความเชื่อมั่นในระดับมาก-มากที่สุดในสัดส่วนที่สูงกว่าภาคอื่น คือ ร้อยละ 52.8 และร้อยละ 52.2 ตามลำดับ ขณะที่ภาคอื่นมีประมาณร้อยละ 21-31 และประชาชนได้มีข้อเสนอแนะต่อการบริหารงานของรัฐบาล 5 อันดับแรก ได้แก่

  1. การแก้ไขปัญหาค่าครองชีพสูง ร้อยละ 17.6
  2. การช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม ร้อยละ 10.6
  3. การแก้ไขปัญหาโดยคำนึงถึงประชาชนเป็นหลัก รวดเร็ว ตรงจุด และโปร่งใส ร้อยละ 9
  4. การควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด 19 ร้อยละ 5.9 และ
  5. การแก้ไขปัญหาด้านการเกษตร ร้อยละ 4.9

ขณะที่การปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตวิถีใหม่ (New Normal Life) ปี 2565 ผลสำรวจพบว่า ประชาชนร้อยละ 97.7 มีความกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ร้อยละ 2.3 ไม่มีความกังวล ส่วนการปรับเปลี่ยนการใช้วิถีชีวิตเป็นแบบ New Normal Life 3 อันดับแรก ได้แก่

  1. จัดเตรียมอุปกรณ์ก่อนออกจากบ้าน เช่นหน้ากากอนามัย ร้อยละ 90.4
  2. หลีกเลี่ยงการไปอยู่ในสถานที่แออัด การอยู่รวมกันเป็นกลุ่มหรืองานเลี้ยงสังสรรค์ ร้อยละ 64.1 และ
  3. ออกนอกบ้านเท่าที่จำเป็น ร้อยละ 60.5

สำหรับการใช้สื่อสังคมออนไลน์และแอปพลิเคชัน ประชาชนใช้แอปพลิเคชันเกี่ยวกับติดต่อการสื่อสารและการรับข้อมูลมากที่สุด ร้อยละ 81.5 เช่น ไลน์ วอตส์แอปป์ เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม รองลงมาเป็นแอปพลิเคชันเกี่ยวกับทางการเงิน ร้อยละ 70.7 และแอปพลิเคชันเกี่ยวกับความบันเทิง ร้อยละ 69.7

นอกจากนี้ น.ส.ไตรศุลี กล่าวเพิ่มเติมว่า ความสุขของประชาชนในภาพรวมพบว่า ประชาชนมีความสุขในภาพรวมในระดับมาก-มากที่สุด ร้อยละ 53.1 มีความสุขระดับปานกลาง ร้อยละ 37.3 มีความสุขในระดับน้อย-น้อยที่สุด ร้อยละ 8.9 และไม่มีความสุขเลย ร้อยละ 0.7 โดยภาคใต้และภาคใต้ชายแดนมีความสุขในภาพรวมอยู่ในระดับมาก-มากที่สุดสูงกว่าภาคอื่น (ร้อยละ 68.5)

ส่วนแผนการปรับตัวรับมือหากสถานการณ์การระบาดของโควิดมีความรุนแรงอีกครั้ง ประชาชนมีแผนการรับมือโดยปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิต เช่น ใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกจากบ้าน ร้อยละ 87.3 ประหยัดและใช้จ่ายน้อยลง ร้อยละ 82.2 และแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจโดยการนำเงินออมออกมาใช้จ่าย ร้อยละ 25.7

สำหรับนโยบายการให้ประชาชนแสดงหลักฐานการได้รับวัคซีนป้องกันโควิด 19 หรือผลการตรวจโควิด 19 เพื่อเข้าสถานที่ต่างๆ มีประชาชนเห็นด้วย ร้อยละ 85.1 และไม่เห็นด้วย ร้อยละ 14.9

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook