"THE OFFLINE HOUR" แคมเปญชวนเพิ่มชีวิต “ออฟไลน์” วันละ 1 ชั่วโมง สร้างสมดุลชีวิตวิถีใหม่จาก LINE

"THE OFFLINE HOUR" แคมเปญชวนเพิ่มชีวิต “ออฟไลน์” วันละ 1 ชั่วโมง สร้างสมดุลชีวิตวิถีใหม่จาก LINE

"THE OFFLINE HOUR" แคมเปญชวนเพิ่มชีวิต “ออฟไลน์” วันละ 1 ชั่วโมง สร้างสมดุลชีวิตวิถีใหม่จาก LINE
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"ชีวิตดิจิทัล" กำลังกลืนกินสมดุลชีวิตของเราอยู่หรือเปล่า?

ชีวิตออนไลน์ทำเราเชื่อมต่อกับโลกตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้เราเผลอเปิดรับปริมาณข้อมูลมหาศาลที่พรั่งพรูเข้ามาจากทุกช่องทาง ไหนจะดราม่าร้อนๆ และเหตุบ้านการเมืองที่สร้างความเครียดให้เราโดยไม่รู้ตัว แถมต้องมาเจอความกดดันจากแชทตามงานของเจ้านาย และต้องคอยตอบคำถามลูกค้าที่ถาโถมเข้ามา เป็นสาเหตุสำคัญที่อาจทำให้ชีวิตคนยุคดิจิทัลไม่มีความสุข ขาดแรงบันดาลใจ โดยไม่รู้ตัว

ผลสำรวจโดย Statista Research Department  ที่เผยแพร่ในเดือนมีนาคม 2565 พบว่าในไตรมาสที่ 3 ปี 2564 คนไทยมีการใช้งานอินเทอร์เนตผ่านโทรศัพท์มือถือเฉลี่ยสูงถึง 5.28 ชั่วโมงต่อวัน และหากนับรวมทุกอุปกรณ์นั้นจะเฉลี่ยวันละถึง 10 ชั่วโมง หรือคิดเป็น 41% ของชีวิตในแต่ละวัน โดยกลุ่มวัยเรียนและวัยทำงานเป็นกลุ่มที่ใช้อินเทอร์เน็ตต่อวันมากที่สุด อาจด้วยสถานการณ์ช่วงสองปีที่ผ่านมาที่วันทำงานต้อง Work from home และวัยเรียนต้องเรียนออนไลน์ ยิ่งทำให้วิถีชีวิตของคนยุคนี้ต้องอยู่บนโลกออนไลน์มากขึ้น ส่งผลให้เกิดความเหนื่อยล้าวิตกกังวล หากรุนแรงอาจนำไปสู่อาการของโรคซึมเศร้าได้

LINE ประเทศไทย ในฐานะแอปพลิเคชั่นโครงสร้างพื้นฐานที่มุ่งขับเคลื่อนความเป็นไปได้ของชีวิตอย่างยั่งยืน เล็งเห็นความสำคัญในการสร้างสิ่งแวดช้อมบนโลกดิจิทัลให้น่าอยู่ และมองเห็นถึง Pain Point ความรู้สึกของผู้คนในยุคดิจิทัล จึงผุดแคมเปญ 'THE OFFLINE HOUR' ภายใต้แนวคิด 'LINE Digital Well-being' ส่งเสริมคุณภาพชีวิตดิจิทัลอย่างยั่งยืน ประเดิมกิจกรรมแรก OFFLINE HOUR #คิดก่อนส่งลังเลก่อนLINE ชวนชาวโซเซียลทุกเพศ ทุกวัย เพิ่มชีวิต “ออฟไลน์” วันละ 1 ชั่วโมง แล้วหันมาสร้างสมดุลให้ชีวิตวิถีใหม่ด้วยกัน

1 ชั่วโมงที่เพิ่มชีวิตออฟไลน์ให้กับตัวเองนั้น สามารถเพิ่มความสุขให้กับ 23 ชั่วโมงของวันได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะ 1 ชั่วโมง คุณสามารถออกกำลังกายเบาๆ เล่นกับน้องหมา น้องแมว อ่านหนังสือได้ 1 บท รดน้ำต้นไม้ ลองคิดสูตรอาหารทำเมนูใหม่ หรือใช้เวลาพูดคุยกับคนใกล้ชิด ทุกกิจกรรมชีวิตที่คุณแทรกเข้ามาใน 1 ชั่วโมง "ออฟไลน์" ไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณผ่อนคลายและทิ้งระยะห่างจากความวุ่นวายบนโลกโซเชียล ปลดแอกจากเสียง Notification ใดๆ เพื่อฮีลใจจากงานหนักๆ ชั่วขณะ แต่อาจทำให้คุณค้นพบแรงบันดาลใจใหม่ๆ ที่เปลี่ยนแนวคิดหรือชีวิตคุณเลยก็ได้

ดร.พิเชษฐ ฤกษ์ปรีชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE ประเทศไทย เผยว่า “ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา LINE ได้พิสูจน์บทบาทในการเป็นโครงสร้างพื้นฐานเพื่อชีวิตดิจิทัลของคนไทยได้อย่างชัดเจน เปรียบเสมือนเมืองๆ หนึ่งที่มีประชากรเป็นผู้ใช้ เราได้เห็นผู้ใช้ดำเนินชีวิตอย่างสะดวกสบายผ่านบริการต่างๆ บนแพลตฟอร์ม LINE ขณะเดียวกันในด้านหนึ่งเราก็รับฟังและเข้าใจ ‘ความรู้สึก’ ของผู้ใช้บางส่วนที่ชีวิตออนไลน์ของพวกเขาไม่มีความสุขอย่างที่เคย ทั้งจากที่ต้องเชื่อมต่อสื่อสารอยู่ตลอดเวลา รวมถึงขาดความเห็นอกเห็นใจและความเคารพซึ่งกันและกันบนโลกออนไลน์ในหลากหลายมิติ ซึ่งแม้จะเป็นเพียงบางส่วนแต่ก็ถือเป็นส่วนสำคัญในการสร้าง Digital Well-being และการอยู่ร่วมกันในสภาพแวดล้อมที่ดีบนโลกออนไลน์ในระยะยาว แคมเปญนี้ตอกย้ำการพัฒนาแพลตฟอร์มแบบ Humanized Technology ของ LINE ที่เข้าใจพฤติกรรมและความรู้สึกของผู้ใช้อย่างแท้จริง”

แคมเปญ THE OFFLINE HOUR ด้วยแนวคิด LINE Digital Well-being ในระยะเริ่มต้นนี้ มุ่งนำเสนอ 2 ประเด็นซึ่งกำลังเป็นที่พูดถึงอย่างแพร่หลายทั่วโลกจากการเพิ่มขึ้นของประชากรดิจิทัล

  • Social Detoxification: เทรนด์สุขภาพที่ผู้คนทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ จากการเว้นระยะจัดการชีวิตบนโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อสื่อสารกับผู้คนตลอดเวลา การรับรู้ความคิดเห็นการวิพากษ์วิจารณ์ที่ไม่ดี ไปจนถึงการเสพเนื้อหาต่างๆ ที่มากเกินไป
  • Digital Empathy: เพราะความรวดเร็วบนโลกออนไลน์อาจจะทำให้เราลืมตระหนักถึง “ความเห็นอกเห็นใจบนโลกออนไลน์” ที่ต้องอาศัย “ความเคารพซึ่งกันและกัน” เป็นอีกหนึ่งทักษะชีวิตที่น่าสนใจในปัจจุบัน ซึ่งชวนให้ผู้ใช้งานฉุกคิดเมื่อสื่อสารในหลายๆ สถานการณ์ ทั้งช่วงเวลาที่เหมาะสม ถ้อยคำที่ชวนตีความผิดความหมาย การเผยแพร่เฟคนิวส์ ไปจนถึงโซเชียลบูลลี ฯลฯ

นอกจากกิจกรรม OFFLINE HOUR #คิดก่อนส่งลังเลก่อนLINE ชวนชาวโซเซียลทุกเพศ ทุกวัย เพิ่มชีวิต “ออฟไลน์” วันละ 1 ชั่วโมง LINE ยังปล่อยภาพยนตร์โฆษณา “Push To Think Button” เล่าเรื่องราวชวนฉุกคิดถึงความเห็นอกเห็นใจและความเคารพซึ่งกันและกันบนโลกดิจิทัลในหลากหลายแง่มุม เรียกได้ว่าหยิบยกเอาสถานการณ์จริงและความรู้สึกของผู้ใช้ LINE มาตีแผ่แบบโดนใจเต็มๆ 

 [Advertorial]

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook