ศบค.ยอมรับโควิดไทยยังขาขึ้น วอนเร่งฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ลดคลัสเตอร์สงกรานต์

ศบค.ยอมรับโควิดไทยยังขาขึ้น วอนเร่งฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ลดคลัสเตอร์สงกรานต์

ศบค.ยอมรับโควิดไทยยังขาขึ้น วอนเร่งฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ลดคลัสเตอร์สงกรานต์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ศบค.ยอมรับว่าสถานการณ์โควิดในไทยยังเป็นช่วงขาขึ้น แนะนำให้ประชากรกลุ่มเสี่ยงทั้งผู้สูงอายุ ผู้มีโรคเรื้อรัง และสตรีมีครรภ์ เข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นโดยเร็ว เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดคลัสเตอร์ใหม่ๆ ในช่วงสงกรานต์

วันนี้ (31 มี.ค.) พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ในฐานะผู้ช่วยโฆษก ศบค. เปิดเผยว่า สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ พบว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดที่เดินทางมาจากต่างประเทศมีจำนวนลดลงอย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับการติดเชื้อภายในประเทศ โดยล่าสุดในเดือน มี.ค. 65 มีผู้ติดเชื้อโควิดที่เดินทางมาจากต่างประเทศ คิดเป็นสัดส่วนเพียง 0.59% เมื่อเทียบกับจำนวนผู้ติดเชื้อภายในประเทศ ขณะที่เดือน ก.พ. มีสัดส่วน 2.25% และเดือน ม.ค. มีสัดส่วน 3.73%

สำหรับผู้ติดเชื้อภายในประเทศที่ยังอยู่ในระบบการรักษา มีทั้งสิ้น 246,770 ราย ในจำนวนนี้รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 62,747 ราย อยู่ใน รพ.สนาม และสถานกักตัวอื่นๆ อีก 184,023 ราย โดยผู้ป่วยที่มีอาการหนัก ปอดอักเสบ มีจำนวนทั้งสิ้น 1,808 ราย ในจำนวนนี้ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ 713 ราย อัตราการครองเตียงของผู้ป่วยระดับ 2-3 อยู่ที่ 29.5% โดย 3 จังหวัดแรกที่มีผู้ป่วยปอดอักเสบรักษาตัวอยู่ใน รพ.มากที่สุด คือ กรุงเทพฯ 200 ราย รองลงมา คือ นครราชสีมา 110 ราย และ สมุทรปราการ 81 ราย

“แนวโน้มของผู้ติดเชื้อรายวัน ทั้งผู้ป่วยปอดอักเสบ ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ ยังมีทิศทางเพิ่มขึ้น ในช่วงนี้ประเทศไทยยังเป็นช่วงขาขึ้น เพราะฉะนั้นมาตรการต่างๆ ยังมีความสำคัญ และต้องเน้นย้ำให้ประชาชนปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ที่สำคัญคือการฉีดวัคซีน เพราะจะลดอาการหนัก ไม่ต้องเข้าแอดมิทใน รพ.” พญ.สุมนี กล่าว

สำหรับอัตราการครองเตียงในจังหวัดที่พบว่าสูงเกิน 50% มี 2 จังหวัด คือ สุราษฎร์ธานี อัตราการครองเตียง 50.9% และสงขลา อัตราการครองเตียง 65.7% ซึ่งทำให้สถานพยาบาลในจังหวัดดังกล่าวได้เตรียมจัดการและรองรับผู้ป่วยหนักให้มีความพร้อมมากขึ้น เพราะการระบาดในช่วงนี้ยังถือว่าเป็นช่วงขาขึ้น ขณะที่เดือน เม.ย. จะเป็นช่วงที่มีการรวมกลุ่มกันทำกิจกรรมในเทศกาลสงกรานต์ด้วย

ส่วนอัตราการครองเตียงรวมของผู้ป่วยโควิดระดับปานกลาง-หนักทั่วประเทศ จากเดิมจะอยู่ในระดับ 24-25% หรือคิดเป็น 1 ใน 4 ของจำนวนเตียงผู้ป่วยทั่วประเทศ แต่ล่าสุดพบว่าอัตราการครองเตียงของผู้ป่วยโควิดระดับปานกลาง-หนัก เพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 30% หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของจำนวนเตียงผู้ป่วยทั่วประเทศ ดังนั้นยังต้องย้ำให้ปฏิบัติตามมาตรการด้านสุขอนามัยส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด ทั้งการเว้นระยะห่าง หมั่นล้างมือ และสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ร่วมกับผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว

ทั้งนี้ พญ.สุมนี กล่าวเพิ่มเติมว่า การจะให้โรคโควิด-19 เข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่นได้นั้น อัตราการเสียชีวิตจะต้องไม่เกิน 80 รายต่อวัน แต่ปัจจุบันอัตราการเสียชีวิตในประเทศยังสูงเกินกว่า 80 รายต่อวันต่อเนื่องกันมา 2 วันแล้ว

อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ใกล้จะเข้าสู่เทศกาลสงกรานต์และจะมีวันหยุดยาว ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายจัดสัปดาห์รณรงค์ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ผู้สูงอายุ ซึ่งจังหวัดที่มีกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ได้รับวัคซีนโควิดเข็มกระตุ้นเกินกว่า 70% แล้ว มี 7 จังหวัด คือ นนทบุรี น่าน สมุทรปราการ ลำพูน มหาสารคาม ชัยนาท และภูเก็ต ขณะที่มีอีก 10 จังหวัด ที่ผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ได้รับวัคซีนโควิดเข็มกระตุ้นเกิน 60% และเข้าใกล้เป้าหมายที่ 70% แล้ว ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ชลบุรี สมุทรสงคราม ระยอง ลพบุรี และกรุงเทพฯ

ส่วนจังหวัดที่ในภาพรวมประชาชนทุกกลุ่มได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นเกิน 70% ตามเป้าแล้ว ได้แก่ นนทบุรี สมุทรปราการ น่าน พระนครศรีอยุธยา ลำพูน และภูเก็ต และมีอีก 6 จังหวัดที่ประชาชนทุกกลุ่มได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นเกิน 60% แล้ว ได้แก่ อ่างทอง ระยอง ชัยนาท มหาสารคาม สระบุรี และกรุงเทพฯ

“สรุปสถานการณ์โควิดในไทยวันนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ ผู้ป่วยปอดอักเสบ และผู้ใส่ท่อช่วยหายใจ ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ สำหรับจำนวนผู้เสียชีวิตยังเป็นไปตามคาดการณ์ ภาพรวมของอัตราการครองเตียงของผู้ป่วยอาการปานกลาง-หนัก อยู่ที่ 29.5% ซึ่งเพิ่มขึ้น ต้องขอความร่วมมือให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ อปท. ต้องรณรงค์ให้ผู้สูงอายุ และกลุ่มเสี่ยงมาฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น เพื่อให้ช่วงสงกรานต์ที่จะถึงนี้ เป็นการพบปะสังสรรค์ได้อย่างปลอดภัย ไม่เป็นคลัสเตอร์ใหม่เพิ่มขึ้น” พญ.สุมนี ระบุ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook