อดีต ส.ว. เผยเบื้องลึกยักยอกเงินวัดบวร 200 ล้าน ไม่ใช่เงินส่วนตัวสมเด็จพระวันรัต

อดีต ส.ว. เผยเบื้องลึกยักยอกเงินวัดบวร 200 ล้าน ไม่ใช่เงินส่วนตัวสมเด็จพระวันรัต

อดีต ส.ว. เผยเบื้องลึกยักยอกเงินวัดบวร 200 ล้าน ไม่ใช่เงินส่วนตัวสมเด็จพระวันรัต
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อดีต ส.ว. เผยเบื้องลึกยักยอกเงินวัดบวร 200 ล้าน เป็นทรัพย์สินของวัดไม่ใช่ทรัพย์ส่วนตัว ยันเจ้าประคุณสมเด็จเคร่งในพระวินัย ไม่จับต้องเงินทอง

นายไพศาล พืชมงคล อดีตสมาชิกวุฒิสภาและอดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊ก “Paisal Puechmongkol” ระบุว่า เบื้องลึกยักยอกทรัพย์วัดบวร 200 ล้าน

1.เมื่อวานนี้ สื่อมวลชนรายงานข่าวใหญ่ที่ทำให้ตกตะลึงกัน นั่นคือข่าวการที่ตำรวจและ ปปง. เข้าทำการจับกุมและยึดทรัพย์ลูกศิษย์ของสมเด็จพระวันรัต วัดบวรในข้อหายักยอกทรัพย์ เป็นจำนวนมากถึง 200 ล้านบาท

ข่าวดังกล่าวนี้อาจทำให้กระทบต่อเกียรติคุณและความบริสุทธิ์ของเจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัต และอาจกระทบชื่อเสียงของวัดบวรด้วย! ดังนั้น จึงควรทำความเข้าใจเบื้องลึกเบื้องหลังเรื่องนี้

2.ก่อนอื่นต้องขอบอกว่าจำนวนเงินที่มีการยักยอกรวมถึงทรัพย์สินหลายรายการนั้น ไม่ใช่ทรัพย์สินส่วนตัวของเจ้าประคุณสมเด็จ แต่เป็นทรัพย์สินของวัดที่อยู่ในความดูแลของเจ้าประคุณสมเด็จ

ดังนั้น ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าเจ้าประคุณสมเด็จไม่ได้มีทรัพย์สินส่วนตัวดังที่เป็นข่าว

3.เจ้าประคุณสมเด็จเป็นพระมหาเถระที่เคร่งในพระวินัย ไม่จับต้องเงินทอง

เงินทองทั้งหมดจะเป็นหน้าที่ของไวยาวัจกร ที่เจ้าประคุณสมเด็จมอบหมายซึ่งเป็นไปตามพระวินัย ดังนั้น บรรดาทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องจึงอยู่ในความครอบครองดูแลจัดการของไวยาวัจกร ซึ่งก็คือผู้ต้องหาในคดีนี้

จึงควรเข้าใจในขั้นนี้ว่า ทรัพย์สินที่มีการกล่าวหาว่ายักยอกนั้น เป็นเรื่องที่ลูกศิษย์ ซึ่งเป็นไวยาวัจกรเป็นผู้ครอบครองดูแลและจัดการ การจัดการผิดถูกเป็นเรื่องความรับผิดชอบของไวยาวัจกรนั้น

4.จำนวนเงินที่เกี่ยวข้องเกือบทั้งหมด เป็นเรื่องเงินในการก่อสร้างศาสนสถานสำคัญแห่งหนึ่งซึ่งประคุณสมเด็จได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ทำการก่อสร้าง เพื่อประโยชน์ในพระพุทธศาสนา การก่อสร้างนี้มีวงเงินประมาณ 80 ล้านบาท และเงินดังกล่าวก็อยู่ในความดูแลจัดการของไวยาวัจกร ซึ่งมีหน้าที่จัดการให้ถูกต้อง เพื่อประโยชน์ในการก่อสร้างให้สำเร็จลุล่วง

5.นอกจากเงิน 80,000,000 บาท ดังกล่าวแล้ว ยังมีวงเงินอีก 2-3 ยอด ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับการบูรณะก่อสร้างและค่าใช้จ่ายในกิจการของวัด และอยู่ในหน้าที่ดูแลรับผิดชอบของเจ้าประคุณสมเด็จ ซึ่งเป็นหน้าที่ของไวยาวัจกรในการครอบครองดูแลรักษาและจัดการให้เป็นไปโดยถูกต้อง

6.ดังนั้น ถ้าเงินและทรัพย์สินดังกล่าวถูกจัดการไปโดยไม่ถูกต้องมีการนำไปเป็นประโยชน์ส่วนตนก็ดี เสียหายประการใดๆ ก็ดี เป็นความรับผิดชอบของไวยาวัจกรซึ่งอาจต้องรับผิดทางอาญาและทางแพ่ง ซึ่งขณะนี้เจ้าพนักงานตำรวจกองปราบฯและ ปปง. กำลังดำเนินการและชำระสะสางเรื่องนี้ให้ถูกต้อง

 7. ในเบื้องต้นนี้กล่าวได้ว่า วัดบวรก็ดี เจ้าประคุณสมเด็จก็ดี ไม่ได้ทำสิ่งใดผิดหรือเสียหาย กรณีเป็นเรื่องของไวยาวัจกรโดยเฉพาะ ซึ่งเชื่อว่าเจ้าพนักงานตำรวจและ ปปง. จะสามารถสะสางเรื่องนี้ได้อย่างหมดจดงดงาม เพราะชื่อเสียงเกียรติคุณของวัดบวร และเจ้าประคุณสมเด็จนั้นเป็นเรื่องสำคัญ คาดว่าเรื่องนี้จะเสร็จสิ้นในไม่ช้า

8.ข้อเท็จจริงที่ยังไม่ชัดเจนก็คือไวยาวัจกรได้ทำบัญชีรับจ่าย เกี่ยวกับการเงินและทรัพย์สินทั้งหมดตามหน้าที่ที่ต้องทำหรือไม่ และถ้าทำแล้วก็ยังต้องตรวจสอบดูว่าที่ทำนั้นถูกต้องกับความเป็นจริงหรือไม่ ซึ่งไม่นานก็คงทราบ

ดังนั้น สาธุชนทั้งหลายจึงพึงเข้าใจเรื่องนี้โดยนัยยะที่กล่าวมานี้เถิด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook