“อนุทิน” เข็ดแล้ว! ไม่ร่วมดีลตั้งรัฐบาลล่วงหน้า บอกดีเกินไปก็อยู่ในการเมืองไม่ได้

“อนุทิน” เข็ดแล้ว! ไม่ร่วมดีลตั้งรัฐบาลล่วงหน้า บอกดีเกินไปก็อยู่ในการเมืองไม่ได้

“อนุทิน” เข็ดแล้ว! ไม่ร่วมดีลตั้งรัฐบาลล่วงหน้า บอกดีเกินไปก็อยู่ในการเมืองไม่ได้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“อนุทิน” เข็ดแล้ว! ไม่ขอร่วมดีลจัดตั้งรัฐบาลล่วงหน้า ชี้มีบทเรียนสมัยเลือกตั้งครั้งก่อนแล้ว ลั่นดีเกินไปก็อยู่การเมืองไม่ได้ มองนายกฯ ลงพื้นที่เป็นเรื่องปกติ

วันนี้ (4 เม.ย.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงพื้นที่ในช่วงนี้ จะเป็นการส่งสัญญาณถึงการเร่งหาคะแนนนิยมทางการเมืองหรือไม่ ว่า นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ก็ว่า ไม่ลงพื้นที่ก็ว่า ซึ่งจะไปว่าทำไม และนายกรัฐมนตรีก็มีการพูดชัดเจนไปแล้วก่อนหน้านี้ว่าสนใจทำการเมืองต่อไป หากไม่ไหวเมื่อไหร่ก็เลิก ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะตนเองก็ลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครในส่วนของพรรคภูมิใจไทยแทบจะทั่วประเทศ

พร้อมกับมองว่า เป็นเรื่องปกติและถือเป็นเรื่องที่ดี แม้จะมีการมองว่าเป็นการลงพื้นที่เพื่อสร้างความคุ้นเคยและหาเสียง โดยเห็นได้จากช่วงนี้ที่มีรถขบวนหาเสียงในกรุงเทพมหานครไม่รู้กี่ขบวน ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ไม่มีใครที่ไม่หาเสียง

ส่วนในช่วงปลายของรัฐบาลจะมีการเดินลงพื้นที่หาเสียงหรือไม่นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ส่วนตัวได้ลงพื้นที่มาโดยตลอด ไม่รู้ว่าช่วงต้นหรือช่วงปลายรัฐบาล และเคยให้สัมภาษณ์ไปว่าบริบทของพรรคภูมิใจไทยคิดอยู่เสมอว่าการเลือกตั้งเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา จึงไม่ห่างพื้นที่ ส่วนพรรคภูมิใจไทยจะลงพื้นที่ในกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้นหรือไม่นั้น นายอนุทิน ระบุว่า พรรคจะลงพื้นที่ในส่วนที่มีผู้สมัครของพรรคทั่วประเทศ

กรณีที่พรรคพลังประชารัฐมีการปรับโครงสร้างกรรมการบริหารพรรคใหม่ โดยมี นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นเลขาธิการพรรคคนใหม่ ซึ่งประกาศว่าพรรคพลังประชารัฐจะได้ ส.ส. 150 เก้าอี้นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ตนขอแสดงความยินดีด้วยล่วงหน้า ถึงแม้ว่าจะมีการเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยก็ยังร่วมมือกับรัฐบาลอยู่ เนื่องจากไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรกัน ตรงไหนที่เป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง ทุกพรรคก็ให้ความร่วมมือกันดีอยู่แล้ว ซึ่งอย่าว่าแต่ในเรื่องของรัฐบาล ในส่วนของการพิจารณากฎหมายกัญชาก็มีทั้งฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาลที่ร่วมกันลงชื่อเพื่อให้ส่งเข้าไปในวาระการประชุม

"ผมคิดว่าวันนี้เราต้องมั่นใจนักการเมืองทุกคน ไม่ว่าจะฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล เป้าหมายสูงสุดและเป้าหมายสุดท้าย คือ เป้าหมายเดียวกัน ยึดประโยชน์ของบ้านเมืองและประชาชน ซึ่งคิดแบบนี้จะทำให้ทำงานง่าย อยู่ที่ไหนก็ได้" นายอนุทิน กล่าว

ทั้งนี้ นายอนุทิน ยังยืนยันว่า ไม่ได้มี ส.ส. ฝากเลี้ยงไว้ที่พรรคพลังประชารัฐ และขณะนี้ ส.ส.ของพรรคภูมิใจไทยก็มีเท่าที่มี อนาคตเป็นเรื่องของอนาคต ซึ่งหากรัฐบาลสามารถอยู่ได้ครบเทอมไม่มียุบสภา โดยหมดอายุขัยด้วยกฎหมาย ก็ไม่ต้องมาถามเรื่องฝากเลี้ยง ส.ส. เพราะต้องใช้เวลา 90 วัน ย้ายพรรคคงไม่ทัน และคงไม่มีใครลาออกจากตำแหน่ง ส.ส. เพื่อย้ายพรรค วันนี้ต้องทำให้ดีที่สุด แต่ไม่ขอตอบว่า เงื่อนไข 90 วัน จะไม่มี ส.ส. ไหลเข้ามายังพรรคภูมิใจไทยเพิ่ม

เมื่อถามว่า จะเป็นการประกาศว่าจะไม่มีการจับมือเพื่อจัดตั้งรัฐบาลไว้ล่วงหน้าใช่หรือไม่นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยไม่เชื่อเรื่องการจับมือไว้ก่อน เพราะเคยประสบบทเรียนในการจัดสรรมาแล้ว เมื่อเลือกตั้งเสร็จมีการผิดพลาดก็ไม่มีความหมาย เพราะฉะนั้นเราต้องอยู่กับความเป็นจริง จะคิดจะอ่านอะไร เมื่อมีผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการออกมาก่อน

"ไม่มีใครเจอสภาพแบบผมเคยประสบก็จะไม่รู้ เพราะเรามีบทเรียนมาก่อน ดังนั้นจึงต้องอยู่ด้วยตัวของเราเองและทำตัวเองให้ดีที่สุด ไม่ต้องเที่ยวไปจับกับใคร หากทำตัวเราเองดีที่สุด เขาก็มาชวนเราเอง แล้วเราค่อยพิจารณา" หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าว

เมื่อถามย้ำว่า บทเรียนที่ว่านั้น แสดงว่าเคยถูกผิดสัญญามาใช่หรือไม่ นายอนุทิน ให้สื่อมวลชนไปลองเช็กข่าวการเลือกตั้งในอดีต ถึงแม้ว่าตัวเองจะไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคแต่ก็ได้เห็นหัวหน้าพรรคเก่าโดนมา จึงจำไว้เป็นบทเรียนและจะไม่ให้ตนเองผิดพลาดตาม หากดีเกินไปก็อยู่ในการเมืองไม่ได้

ขณะที่เมื่อถามว่า การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จะสนับสนุนใครนั้น นายอนุทิน ระบุว่า เขาต้องเก็บไว้ในใจ แต่ยืนยันว่าจะไปเลือกตั้งแน่นอน อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น นายอนุทิน แก้ข่าวว่า ลืมไปว่าทะเบียนบ้านย้ายไปอยู่จังหวัดบุรีรัมย์แล้ว จึงไม่สามารถเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ได้

ขอความร่วมมือประชาชน งดรวมกลุ่ม-ไม่เล่นสาดน้ำ ป้องกันโควิดระบาดหนัก

นอกจากนี้ นายอนุทิน ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ช่วงเทศกาลสงกรานต์ รัฐบาลได้ผ่อนคลายมาตรการต่างๆ พอสมควร ดังนั้นจึงต้องขอความร่วมมือประชาชนในการป้องกันตนเอง ลดการสัมผัสใกล้ชิด ลดการรวมกลุ่มจำนวนมาก งดเล่นสาดน้ำ และปฏิบัติตามประเพณีวัฒนธรรมไทยแทน

ส่วนการประเมินสถานการณ์หลังสงกรานต์ที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะสูงขึ้นนั้น หลักการ คือ ต้องควบคุมสถานการณ์ให้ดีที่สุด เบื้องต้นต้องเน้นการควบคุมไม่ให้ป่วยหนักและเสียชีวิต ซึ่งวันนี้กำลังจะเข้าสู่การปรับโรคโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น ตามที่คณะแพทย์เสนอ โดยยืนยันว่าไม่ใช่นโยบายของรัฐบาล แต่เพราะทีมแพทย์เสนอแนวปฏิบัติ พร้อมให้คำอธิบายที่มีหลักวิชาการที่เชื่อถือได้ รัฐบาลจึงต้องเชื่อ เพราะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม

ทั้งนี้ นายอนุทิน ย้ำว่า เมื่อติดเชื้อแล้ว มียารักษาโรค มีวัคซีนป้องกันโรค มีสถานพยาบาลรองรับกรณีเจ็บป่วยหนัก ก็ถือว่าโควิด-19 เป็นโรคๆ หนึ่ง จึงต้องกล้าที่จะก้าวข้าม ไม่เจาะจงดูเฉพาะตัวเลขผู้ติดเชื้อเท่านั้น เพราะหลังสงกรานต์ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

นายอนุทิน กล่าวอีกด้วยว่า ทุกวันนี้กระทรวงสาธารณสุขปฏิบัติการเชิงรุก เร่งฉีดวัคซีนให้ผู้สูงอายุถึงหมู่บ้าน/ชุมชน ไม่ต้องมาสถานพยาบาล แต่สิ่งที่เป็นห่วง คือ การติดเชื้อในกลุ่มเด็กเล็ก เนื่องจากยังไม่สามารถฉีดวัคซีนได้ จึงเน้นย้ำให้ผู้ปกครองดูแลอย่างใกล้ชิด และงดไปพื้นที่เสี่ยง

กระทรวงสาธารณสุขขอย้ำว่า วัคซีนสามารถป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรงและเสียชีวิตได้ อย่างไรก็ตาม ทางการแพทย์รายงานว่า ขณะนี้การควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังเป็นไปตามมาตรฐานที่ควบคุมได้อยู่

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook