"นพ.อุดม" ยอมรับไทยติดโควิดวันละเป็นแสน วอนหยุดเชื่อ! ปล่อยติดเชื้อสร้างภูมิ

"นพ.อุดม" ยอมรับไทยติดโควิดวันละเป็นแสน วอนหยุดเชื่อ! ปล่อยติดเชื้อสร้างภูมิ

"นพ.อุดม" ยอมรับไทยติดโควิดวันละเป็นแสน วอนหยุดเชื่อ! ปล่อยติดเชื้อสร้างภูมิ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"นพ.อุดม คชินทร" ที่ปรึกษา ศบค. เตือนประชาชนอย่าไปที่เสี่ยงก่อนกลับภูมิลำเนา งดกอด-หอม เพราะอาจนำเชื้อไปฝากพ่อแม่ เน้นย้ำสร้างความเข้าใจประชาชนฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น หยุดความเชื่อที่ว่า "ปล่อยติดเชื้อสร้างภูมิธรรมชาติ"

วันนี้ (8 เม.ย.) นายแพทย์อุดม คชินทร ที่ปรึกษาศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 หรือ ศบค. กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดในปัจจุบัน ว่า พบอัตราเจ็บป่วยรุนแรง ใส่เครื่องช่วยหายใจเพิ่มขึ้นถึง 8 เท่า และอัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 3-4 เท่า ส่วนผู้ป่วยที่ไม่มีอาการมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอีก 5-6 หมื่นคนต่อวัน และไม่นับรวมผู้ที่ยังไม่ได้ตรวจหาเชื้อด้วย ATK อีก 2-3 เท่า ซึ่งรวมแล้วยอดผู้ติดเชื้อถึง 100,000 คนต่อวัน จึงคาดว่าจะมีการแพร่กระจายในช่วงเทศกาลสงกรานต์

และวันนี้นายกรัฐมนตรีเรียกประชุมใหญ่เพื่อย้ำกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทยและผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อย้ำมาตรการต่างๆ แต่จะไม่มีการเพิ่มความเข้มข้นของมาตรการ มีแต่การผ่อนคลาย และขอความร่วมมือประชาชนตัดวงจรการแพร่ระบาด ช่วยกันกดตัวเลขผู้ติดเชื้อให้ต่ำลง เคร่งครัดและจริงจังในมาตรการด้านสาธารณสุข

ทั้งนี้ นพ.อุดม กล่าวเพิ่มเติมว่า ไม่ได้ห้ามการเดินทาง กลับบ้านไปหาพ่อแม่ได้ แต่ขอให้ใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา เว้นระยะห่างให้ได้มากที่สุด หากเว้นระยะห่างไม่ได้ต้องไม่เปิดหน้ากากอนามัยโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้เกิดการติดต่อของโรคมากที่สุด พร้อมขอความร่วมมือไม่กอด ไม่หอม ขอแค่ให้ได้เจอหน้าพูดคุยกันของคนในครอบครัวก็พอ ส่วนการรวมตัวของคนในครอบครัว หากเป็นไปได้ให้รับประทานอาหารคนละมุม ไม่ต้องนั่งทานพร้อมกัน หรือหากอยู่ในสถานที่แออัดไม่มีอากาศถ่ายเทขอให้ใช้เวลาให้น้อยที่สุด เพราะมีความเสี่ยงสูงมาก พร้อมย้ำว่าก่อนการเดินทางขออย่าไปในสถานที่เสี่ยงเนื่องจากจะรับเชื้อโดยไม่รู้ตัว และนำเชื้อกลับไปหาพ่อแม่

สำหรับการฉีดวัคซีนโควิดนั้น นพ.อุดม เน้นย้ำว่า การฉีดวัคซีน 2 เข็ม สามารถป้องกันโรคสายพันธุ์เก่าได้ แต่ถ้ากลายพันธุ์ป้องกันได้ประมาณ 30% จึงอยากให้ฉีดวัคซีนเข็ม 3 เป็นอย่างน้อย ซึ่งตอนนี้ฉีดได้เพียง 35% ซึ่งถือว่าน้อยมาก และกลุ่มเสี่ยง 608 ยังฉีดได้ไม่ถึง 60%

จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ต้องฉีดวัคซีนเข็ม 3 เพื่อป้องกันสายพันธุ์โอมิครอน และข้อมูลล่าสุดขององค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) ประกาศว่า ต้องฉีดวัคซีนเข็ม 4 เพื่อป้องกันการกลายพันธุ์ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าองค์กรหลักประกาศให้ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น

ดังนั้นจึงขอประชาชนอย่าเชื่อข้อมูลเก่าหรือข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ขอให้ไปฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อลดอัตราการเสียชีวิตได้ถึง 6 เท่า ลดความรุนแรงของโรค และลดอาการภายหลังโควิดหาย หรือ Long Covid ได้ถึง 50% ขณะเดียวกันประเทศอิสราเอลมีการฉีดวัคซีนเข็มที่ 5 แล้ว จึงทำให้ลดการแพร่ระบาดและการติดเชื้อภายในประเทศได้มาก

นอกจากนี้ นพ.อุดม ยังขอให้สื่อมวลชนร่วมกันประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเร่งฉีดวัคซีนและเข้าใจว่าการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นนั้นสำคัญมาก พร้อมกับทำความเข้าใจว่าการปล่อยให้ติดเชื้อตามธรรมชาติเพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันเป็นเรื่องอันตราย ควรหยุดความเชื่อดังกล่าว

ขณะที่ประเด็นการยกเลิกการตรวจ RT-PCR สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางเข้าประเทศนั้น เนื่องจากพบผู้ติดเชื้อที่เดินทางมาจากต่างประเทศน้อยมาก และมองว่าเป็นการค่อยๆ ดำเนินการซึ่งเป็นแนวทางปฏิบัติกันทั่วโลก และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจไปพร้อมกันด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook