สลด หนุ่มขับกระบะพาลูกเมียกลับบ้านสงกรานต์ ได้กลิ่นไหม้ลงไปเช็ก ถูกเก๋งพุ่งชนดับ

สลด หนุ่มขับกระบะพาลูกเมียกลับบ้านสงกรานต์ ได้กลิ่นไหม้ลงไปเช็ก ถูกเก๋งพุ่งชนดับ

สลด หนุ่มขับกระบะพาลูกเมียกลับบ้านสงกรานต์ ได้กลิ่นไหม้ลงไปเช็ก ถูกเก๋งพุ่งชนดับ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หนุ่มขับกระบะพาลูกเมียกลับบ้านสงกรานต์ ระหว่างทางได้กลิ่นเหม็นไหม้จอดรถข้างทางเปิดกระโปรงรถตรวจเช็กดู จังหวะเดินกลับมาขึ้นรถถูกเก๋งขับมาด้วยความเร็วพุ่งชนสาหัส กู้ภัยปั๊มหัวใจช่วยแต่สุดท้ายเสียชีวิต  

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (10 เม.ย.) เมื่อเวลาประมาณ 02.00 น. พ.ต.ท.ศิริชัย เจริญศิริ สารวัตร (สอบสวน) สภ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถชนกันบนถนนสายประโคนชัย-ปราสาท มีผู้บาดเจ็บสาหัส จึงประสานหน่วยกู้ภัยบ้านสองเมือง ร่วมตรวจสอบและให้การช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ

ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณจุดยูเทิร์นใกล้กับด่านชั่งน้ำหนักประโคนชัย พบ นายธีรพงษ์ อายุ 35 ปี บาดเจ็บสาหัส มีแผลฉกรรจ์ที่ศีรษะยาว 15 เซนติเมตร หน้าผากฉีกขาด 7 เซนติเมตร สะโพกข้างขวาแตกหัก ขาขวาหัก เบื้องต้น หน่วยกู้ภัยได้พยายามปั๊มหัวใจเพื่อช่วยชีวิต ก่อนจะรีบนำส่งโรงพยาบาล แต่นายธีรพงษ์ทนพิษบาดแผลไม่ไหวได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา

ตรวจสอบจุดเกิดเหตุพบรถกระบะสี่ประตูยี่ห้ออีซูสุ สีขาว หมายเลขทะเบียน 1148 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ริมถนนในสภาพด้านหน้าประตูฝั่งคนขับพังเสียหาย     

จากการสอบถามทราบว่า มีคนมาในรถคันดังกล่าวรวมทั้งหมด 4 คน เป็นพ่อแม่ลูกกัน เดินทางมาจากจังหวัดปราจีนบุรี จะกลับไปเยี่ยมบ้านที่จังหวัดศรีสะเกษช่วงสงกรานต์ โดยมีนายธีรพงษ์เป็นคนขับ พอมาถึงจุดเกิดเหตุได้กลิ่นเหมือนไหม้อะไรสักอย่างที่หน้ารถ

นายธีรพงษ์จึงจอดรถบริเวณจุดยูเทิร์นเพราะมีแสงสว่างของไฟฟ้า แล้วลงไปเปิดกระโปรงหน้ารถตรวจเช็กดูว่ากลิ่นอะไรไหม้ แต่ระหว่างที่เดินกลับมาเปิดประตูเพื่อจะขึ้นรถ ก็มีรถเก๋งขับมาพุ่งชนเข้าเต็มแรงจนเป็นเหตุให้นายธีรพงษ์ บาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในที่สุด

โดยรถเก๋งคู่กรณี เป็นรถยี่ห้อนิสสันอมิร่า สีดำ หมายเลขทะเบียน 5463 ศรีสะเกษ สภาพด้านหน้าตัวรถพังเสียหาย จากการสอบถามทราบว่าเดินทางมาจากกรุงเทพฯ จะกลับบ้านที่จังหวัดศรีสะเกษ เหมือนกัน มากันทั้งหมด 4 คน แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้บันทึกภาพจุดเกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน พร้อมจะได้สอบปากคำผู้อยู่ในเหตุการณ์อย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อหาสาเหตุของการเกิดเหตุที่แท้จริงต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook