นักโทษศพเผาไม่ไหม้ อกสักเสือเผ่น-ท้ายทอยสัก 9 ยอด เพื่อนเผยเป็นของดีรุ่นสุดท้าย
นักโทษศพเผาไม่ไหม้ แม่เผยลูกชายเรียนอาคม อกสักเสือเผ่น-ท้ายทอยสักเก้ายอด เพื่อนยันมีของดีจริง แต่เป็นรุ่นสุดท้ายแล้ว
จากกรณีนักโทษชายเสียชีวิตจากโควิด แต่หลังนำร่างมาฌาปนกิจพบว่า โลงไหม้ แต่ศพไม่ไหม้ เหตุเกิดที่วัดบุญบาลประดิษฐ์ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น โดยพบว่าต้องทำการจุดไฟเผาข้ามวันถึง 3 รอบ จึงไหม้หมดในช่วงเช้าวันที่ 9 เม.ย.65 ซึ่งเป็นความเชื่อว่าเกิดจากที่ผู้ตายสักยันต์ลงอาคมไว้ที่ตัว ทำให้ไม่สามารถเผาร่างได้
(10 เม.ย.65) นางคำพู่ อายุ 70 ปี พร้อมญาติๆ เดินทางมาเก็บอัฐิของ นักโทษชาย อายุ 41 ปี ที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ภายในเรือนจำ และนำศพมาประกอบพิธีฌาปนกิจที่วัดเมื่อวันที่ 8 เม.ย.2565 ที่ผ่านมา เช้าวันนี้ทางแม่และญาติได้ร่วมกันทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ตายและเตรียมเก็บอัฐิบรรจุใส่ลงในโกศ โดยมีชาวบ้านมาร่วมทำบุญกันเป็นจำนวนมาก
โดย นางคำพู่ แม่ของผู้ตาย เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวภายหลังจากเก็บอัฐิลูกชายจากวัดกลับมาที่บ้านเพื่อเตรียมเก็บใส่โกศ ว่า ลูกชายติดเชื้อโควิด-19 ในเรือนจำ หมอบอกว่าเชื้อลามลงปอดจนเสียชีวิต พอนำศพมาประกอบพิธีฌาปนกิจที่วัด พระที่ทำพิธีบอกว่าร่างเผาไม่ไหม้ ไหม้เพียงโลงศพต้องซื้อน้ำมันมาอีกรอบ ซึ่งพอเปิดดูก็พบว่าร่างกายยังอยู่เหมือนเดิมไหม้เพียงโลงศพ ซึ่งพระท่านก็บอกว่าใช้น้ำมันไปกว่า 200 ลิตร ใช้เวลาเผา 3 รอบร่างจึงถูกเผาไหม้หมด
ส่วนตัวเชื่อว่าเป็นเรื่องของอาคมที่ลูกชายไปหาเมื่อตอนสมัยหนุ่มๆ ประมาณ 20 ปีที่แล้ว แต่ก็ไม่ทราบว่าจากอาจารย์ไหน ซึ่งลูกชายได้สักเสือเผ่นไว้ที่กลางอก และสัก 9 ยอดไว้ที่ท้ายทอย ซึ่งที่เชื่อว่าเกิดจากของดีมีอาคมนั้น เพราะสามีตนเองก็เล่นของเช่นกัน และเรียนวิชาของจริง แต่ตนเองก็ไม่ได้ยุ่งเรื่องนี้ ทราบเพียงเท่านี้ ซึ่งตอนสามีเสียชีวิตก็เผาร่างไม่ไหม้ จนต้องให้ผู้ที่รู้วิธีแก้ของมาทำพิธีให้จนสามารถเผาร่างของสามีได้ กระทั่งมาถึงลูกชายก็เป็นเช่นเดียวกัน ซึ่งทั้งหมดตนเองก็ทราบเพียงเท่านี้
พร้อมกันนี้ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากเพื่อนของผู้ตายไม่ประสงค์เปิดเผยตัวตน เล่าให้ฟังว่า เรื่องของดีอาคมนั้นตนเองและผู้ตายได้ของดีมาพร้อมๆ กัน และยืนยันว่ามีจริง เป็นของที่มีมาตั้งแต่สมัยสงครามตกทอดกันมา และของตนเองกับผู้ตายนั้นเป็นรุ่นสุดท้ายแล้ว ส่วนผู้ที่ทำของให้นั้นทราบเพียงว่าเป็นพระ ตอนนี้เสียชีวิตไปหมดแล้ว ในเรื่องดังกล่าวนั้นก็ขอให้เป็นไปในเรื่องของความเชื่อส่วนบุคคล แต่ในส่วนตนเองนั้นเชื่อว่าเป็นของจริงและมีอยู่จริงเพราะก็มีอะไรให้เห็นให้เชื่อมาตลอด และก็ไม่อยากจะให้ตีแผ่เรื่องราวออกไปมากกว่านี้