บุกช่วย 31 คนไทย ถูกบังคับเป็นคอลเซ็นเตอร์ที่กัมพูชา เห็น ตร.ไทยแล้วน้ำตาร่วง

บุกช่วย 31 คนไทย ถูกบังคับเป็นคอลเซ็นเตอร์ที่กัมพูชา เห็น ตร.ไทยแล้วน้ำตาร่วง

บุกช่วย 31 คนไทย ถูกบังคับเป็นคอลเซ็นเตอร์ที่กัมพูชา เห็น ตร.ไทยแล้วน้ำตาร่วง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ตำรวจไทยประสานตำรวจกัมพูชา บุกช่วยคนไทยถูกบังคับทำงานคอลเซ็นเตอร์ กลางเมืองพระสีหนุ ยังรอความช่วยเหลืออีกกว่า 1,500 ราย

เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2565 ที่เมืองสีหนุ ประเทศกัมพูชา พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร.และ รอง ผอ.ศพดส.ตร. เปิดเผยว่า จากการที่มีคนไทยถูกหลอกลวงมาทำงานในประเทศกัมพูชาจากการหางานผ่านสื่อโซเชียลเช่น Facebook twitter ว่ามีรายได้ดี ทำงานสบาย แต่เมื่อเดินทางมาถึงกลับพบว่าถูกบังคับให้ทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรือหลอกลวงให้ลงทุน ทำให้คนไทยถูกหลอกลวงหลายร้อยล้านบาทต่อเดือน หากรายใดไม่ยินยอมที่จะทำงานผิดกฎหมายก็จะถูกทำร้าย ถูกขายต่อไปยังจุดอื่น ถูกกักขัง หรือถูกเรียกค่าไถ่

ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการประสานความร่วมมือกันระหว่างประเทศกันมาโดยตลอด จนสามารถช่วยเหลือคนไทยในประเทศกัมพูชามากกว่า 700 ราย และสามารถออกหมายจับในความผิดฐานค้ามนุษย์และมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงการดำเนินคดีกับกลุ่มแก๊งนำพาคนไทยที่ถูกหลอกลวงออกตามช่องทางธรรมชาติเพื่อมาทำงานในประเทศกัมพูชา ซึ่งล้วนมีผลให้ประเทศไทยอาจถูกลดอันดับการรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์จากทางการสหรัฐฯ ลงเป็นอันดับประเทศที่ต้องจับตามอง (Tier 2 Watch List) ตามที่ทราบแล้ว นั้น

จากกรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. และ ผอ.ศพดส.ตร. ได้สั่งเร่งแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์อย่างเร่งด่วน รวมทั้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งช่วยเหลือคนไทยที่ถูกหลอกลวงดังกล่าว และ ดำเนินการสืบสวน ติดตาม จับกุมทลายเครือข่ายเพื่อช่วยเหลือคนไทยเดินทางกลับมายังประเทศไทย จนสืบทราบว่ามีเครือข่ายอยู่ตามเมืองต่างๆ ที่นำโดยคนจีน ลงมือกักขัง บังคับควบคุมคนไทย่ให้ทำผิดกฎหมายและมีคนไทยต้องการความช่วยเหลือ โดยส่งข้อมูลตามจุดที่ถูกควบคุมที่อยู่ในโรงแรม อาคาร ตึกร้าง โดยเชื่อว่ามีคนไทยมากกว่า 1,500 คน

ต่อมาวันที่ 6 เม.ย.65 ที่ผ่านมา ตนพร้อมด้วย พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ศุภเศรษฐ โชคชัย รอง ผบช.ทท., พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบช.น., พ.ต.อ.เขมรินทร์ พิศมัย ผกก.ตม.จว.ตราด ร่วมประชุมหารือ กับ พล.ต.ท.สม วรรณวีระ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ประเทศกัมพูชา ประสานความร่วมมือและดำเนินการสืบสวนตามข้อมูลที่ได้รับ

ต่อมาภายใต้การประสานงานความร่วมมือของตำรวจไทยและตำรวจกัมพูชา เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. ของวันที่ 10 เม.ย. 65 เจ้าหน้าที่ตำรวจไทยร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกัมพูชา ได้เข้าช่วยเหลือคนไทยภายในอาคารทาวน์โฮมหรู 10 ชั้น ถนน 149ซี เขต 4 เมืองพระสีหนุ ประเทศกัมพูชา มีเหล็กดัด รปภ. และกล้องวงจรปิด ป้องกันการหลบหนี พบคนดูแลเป็นหญิงกัมพูชา ไม่ยินยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไทยและตำรวจกัมพูชา เข้าพบคนไทย โดยอ้างว่ากลุ่มคนไทยทั้งหมดที่ถูกควบคุมอยู่นั้นติดหนี้สินในการทำงาน ต้องนำเงินจำนวน 1,500 ดอลลาร์ มาให้จึงจะได้รับการปล่อยตัว โดยระหว่างการเจรจาเริ่มมีปากเสียงกันระหว่างเจ้าหน้าที่ และกลุ่มคนจีน ใช้เวลาในการพูดคุยนานกว่า 8 ชม. จนสามารถนำคนไทยที่ต้องการความช่วยเหลือ จำนวน 24 ราย ออกมาได้อย่างปลอดภัย โดยมีบางรายเมื่อพบเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยถึงกับร้องไห้หลั่งน้ำตา โดยประสงค์จะขอเดินทางกลับบ้านโดยเร็วที่สุด

ขณะที่อีกชุดปฏิบัติการ เข้าตรวจค้นอาคารเป้าหมายอีก 2 จุดกลางกรุงพนมเปญ พบว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้อพยพหนีออกจากตึกก่อนตำรวจเข้าตรวจค้น เหลือเพียงห้องโล่งและโต๊ะ รวมทั้งเอกสารบางส่วน

โดยหลังจากการปฏิบัติการใน 2 เมือง ทั้ง 2 วันที่ผ่านมา กลุ่มคอลเซ็นเตอร์ ได้นำคนไทยมาปล่อยข้างทางภายในเมืองพระสีหนุ อีกจำนวน 7 ราย รวมคนไทยที่ได้รับการช่วยเหลือ ทั้งสิ้น 31 ราย และจะมีการสอบสวนปากคำตามขั้นตอนกฎหมายของประเทศกัมพูชา

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่า การทำงานในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากตำรวจกัมพูชา จนสามารถทำให้เราช่วยเหลือคนไทยที่ต้องการเดินทางกลับไปยังประเทศไทย และจะประสานกับเจ้าหน้าที่เพื่อขอขยายผลในการเข้าจุดอื่นๆ อีก ซึ่งจากการพูดคุยกับคนไทยที่ได้รับการช่วยเหลือออกมา มีบางคนพบเห็นการถูกทำร้าย กักขัง และข่มขู่เพื่อให้ยินยอมในการทำคอลเซ็นเตอร์ หรือการหลอกลวงคนไทยให้ได้ทรัพย์สิน โดยมีคนไทยยังถูกบังคับอยู่กว่า 1,500 ราย รวมทั้งเชื่อว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐรู้เห็นกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้อีกด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook