"แม่นกน้อย" เคลียร์ดราม่าหมอลำในตำนาน “เสียงอีสาน” ส่งต่อมรดกให้ "เหลนแป้ง" ลุยต่อ

"แม่นกน้อย" เคลียร์ดราม่าหมอลำในตำนาน “เสียงอีสาน” ส่งต่อมรดกให้ "เหลนแป้ง" ลุยต่อ

"แม่นกน้อย" เคลียร์ดราม่าหมอลำในตำนาน “เสียงอีสาน” ส่งต่อมรดกให้ "เหลนแป้ง" ลุยต่อ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"แม่นกน้อย อุไรพร" เคลียร์ดราม่าตำนานหมอลำ "เสียงอีสาน" เผยส่งมรดกให้ "เหลนแป้ง" พัฒนาวงต่อ ลุยตลาดหมอลำยุคโซเชียล

ตำนานก็คือตำนาน สำหรับต้นตำรับหมอลำสุดสุดฮิต "คณะเสียงอีสาน" บริหารงานโดยนักร้องหมอลำเสียงเทพ "แม่นกน้อย อุไรพร" ท่ามกลางข่าวดราม่าถาโถมเข้ามามากมายว่า ณ ปัจจุบันต้นตำรับหมอลำจะไปต่อหรือพอแค่นี้ จนล่าสุด เสียงอีสานกลับมาเป็นที่ฮือฮาอีกครั้งกลับการบุกโซเชี่ยลรับช่วงต่อโดยเหลนแท้ๆอย่าง "แป้ง-ณัฐธิดา พาเลาะ" ที่พร้อมเขย่าบัลลังก์วงการหมอลำ งานนี้ รายการดัง โต๊ะหนูแหม่ม โดยพิธีกรตัวแม่ "หนูแหม่ม-สุริวิภา" ทางช่องเวิร์คพอยท์ เลยขอตั้งโต๊ะคุยถามทุกประเด็นร้อนๆจากปาก "แม่นกน้อย" และ "เหลนแป้ง" แบบจัดเต็ม

พูดถึงความฮิตเสียงอีสานคือตำนาน ช่วงพีคๆทำงานหนักขนาดไหน?

 "เสียงอีสาน ก็ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น จนมาถึงตอนนี้ก็เป็นเวลา 47 ปีแล้ว เริ่มต้นก่อตั้งพ.ศ. 2519 ส่วนแฟนคลับก็ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นเช่นเดียวกันกับตำนานเสียงอีสาน โตคาวงก็มาตายคาวงก็เยอะ เป็นครอบครัวใหญ่พอมีลูกมีหลานก็ส่งต่อให้เป็นหมอลำเป็นนักร้อง ตอนนี้แฟนคลับที่อายุมากสุดก็ 80 กว่าแล้วนะน้อยสุดก็ 9 ขวบ พีคสุดช่วงหนึ่งก็มีงานทุกวัน จะเปิดฤดูกาลช่วงตุลาคมแล้วก็จะไปปิดฤดูกาลเดือนมิถุนาคำว่าปิดก็คือไม่รับงานคอนเสิร์ตสัญจรแต่ก็จะทำงานเข้าห้องบันทึกเสียงเตรียมเพลงซ้อมรำ ก็ถ่ายหนัง ซึ่งจะไม่ได้หยุดพักเลย ช่วงที่ทัวร์คอนเสิร์ตก็เล่นตั้งแต่ 2 ทุ่มถึง 2 โมงเช้าเพราะมันมีกันลำเรื่องต่อกรเหมือนลิเก ช่วงที่หยุดให้น้องในวงก็จะเป็นช่วงหน้าฝนเพื่อให้ทุกคนไปทำการเกษตรเราเองก็ต้องเตรียมงานเพื่อให้เล่นในฤดูต่อไป แต่ถ้าช่วงนี้ยุคโควิดเราก็รับงานตลอด"

เขาว่ากันว่าวงเสียงอีสานเป็นหมอลำที่มีรายได้เป็นร้อยล้าน?

"ก็เป็นเรื่องจริงค่ะ เพราะว่าลูกทีมของเราเกือบ 500 กว่าชีวิตรายได้ที่เราได้มาก็แบ่งก็ได้จ่ายลูกๆ จัดสรรปั่นส่วนกันไป แต่ละเดือนต้องมีค่าใช้จ่ายสำหรับในวงต้องมี 30,000 ถึง 50,000 ต่อวัน ยังไม่รวมถึงค่าจ้างรายวันของเด็กๆ ทุกวันนี้จาก 500 คนเหลือ 300 กว่าชีวิตที่ยังอยู่กับเรา ในชั่วโมงนี้คนตกงานเยอะก็มาสมัครมากเราก็ให้โอกาสคนที่ตกงานก่อนได้มาอยู่กับแม่มาอยู่กับเสียงอีสาน ซึ่งก็กินอิ่มนอนหลับทุกวัน"

ทำงานมาเกือบ 50 ปีช่วงไหนที่วงวิกฤติหนัก?

"ก็มีช่วงโควิดนี่แหละค่ะ เพราะว่าน้ำท่วมการเมืองความรุนแรงของวัยรุ่นก็ยังมีเวลาให้เราได้เบาได้ผ่อนคลาย แต่ในชั่วโมงที่โควิดมาเราไม่มีความชัดเจนว่าเราจะเล่นได้ไหมเราจะไปแสดงได้ไหม หนักสุดก็พรุ่งนี้ภาคบันเทิงของเรา จากเมื่อก่อนที่เคยมีรถทัวร์ 30 คัน ตอนนี้ลดแล้วเหลือ 20 คัน ส่วนคนตอนนี้ก็เหลือแค่ 300 คน"

ก่อนหน้านี้มีดราม่าประกาศขายรถขายบ้าน?

"เป็นเรื่องจริงค่ะ ตอนนี้ก็ยังมีเจตนายืนยันว่ายังจะขายบ้านอยู่ซึ่งก็ยังขายไม่ได้ ส่วนเงินเก็บทั้งหมด 47 ปีคือมันก็เริ่มเป็นมูลหนี้สะสมมาตั้งแต่น้ำท่วมการเมืองมันหนักสุดทุกอย่างก็เอามาใช้หมดเลยเพื่อต่อลมในช่วงโควิดที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้านี้สามีก็เริ่มป่วยเป็นมะเร็งความดันเบาหวานตับไตคือทุกอย่างมาเป็นแพค เราก็รักสากันมาระยะเวลาเป็น 10 ปี เครียดหนักก็คือช่วงที่โควิดเข้ามารอบแรก คือเรายังไม่ได้ตั้งหลัก เราขอดูไม่ออกเลยว่ามันจะมานานแค่ไหน และความเครียดมันก็เลยกดดัน ขนาดที่แม่ไม่เคยป่วยเลยก็มาหมดทั้งอ้วกเวียนหัวทุกสิ่งอย่างนอนไม่หลับกินไม่ได้ร่างกายมันไม่ตอบสนอง ตอนนี้ก็เริ่มผ่อนคลายเริ่มตั้งหลักได้แล้ว"

 ตอนนี้สามีอาการเป็นยังไงบ้าง?

"ตอนนี้ท่านได้นั่งรถเข็นแล้วเราก็ต้องดูแลกันต่อไป เพราะว่าที่จะยงขายบ้านคือเราสองคนไม่มีลูกก็ปรึกษาแล้วว่า เค้าก็ถามเราว่าอยากพักไหมมาตั้งแต่ช่วงก่อนหน้าโควิด ถ้าอยากพักพอก็จะปิดตำนานเสียงอีสานไม่ทำวงต่อ แม่ก็เลยบอกว่ามันไม่มีเหตุผลที่เราจะหยุดหรือจะพักงานเพราะงานมันเยอะมากและเราก็มีความสุขกับการได้รำได้ร้องเพราะเราเป็นศิลปิน เราก็เลยบอกว่าไม่ปิดไม่อยู่ เพราะเรามาจากศูนย์และเราก็มีทุกอย่างเราก็สนุกกับงานและงานเข้ามาด้วยการสร้างงานสร้างอาชีพให้กับลูกๆ พอคุณพ่อป่วยหนักคุณพ่อก็ให้เลือกแล้วทีนี้กับการติดตามงานเสียงอีสานกับขายบ้านตองห้าเพื่อพยุงเสียงอีสานไว้ ซึ่งเราก็กดดันแล้วเพราะว่าบ้านมันก็เป็นศักดิ์ศรีเป็นตำนานเป็นชีวิตของเรา"

ด้าน "แป้ง" (เหลนแม่นกน้อย) ชอบเรื่องหมอลำมาตั้งแต่เมื่อไหร่?

"ชอบตั้งแต่ห้าขวบค่ะ สมัยก่อนหนูยังไม่ได้มาอยู่กับแม่ใหญ่หนูยังเปิดร้านอาหารอยู่กับพ่อกับแม่ที่สระแก้ว และเวลาที่แม่ใหญ่มาแสดงใกล้บ้าน พ่อกับแม่ก็จะพาไปดู เพราะสมัยก่อนหนูเป็นหางเครื่องรุ่นบุกเบิกรุ่นแรกๆ เลย และแม่ก็จะชอบพาไปดูไม่ใหญ่หนูก็ชอบนั่งดูและมีความฝันว่าวันหนึ่งจะขึ้นไปอยู่บนนั้น ซึ่งตอนเด็กก็คือร้องเพลงไม่เป็นเลยแต่เป็นคนชอบรองมากชอบแสดงออกชอบงานโรงเรียนซึ่งเสียงก็พอกลางๆ เกิดเรามีความชื่นชอบและมีความตั้งใจ"

หมอลำคนรุ่นใหม่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงยังไงบ้างในยุคนี้?

"เน้นเรื่องโซเชียลสื่อออนไลน์ต่างๆทางเพจ Facebook TikTok ไอจี ซึ่งตอนนี้คนตาม TikTok น่าจะถาม 300,000 แล้ว คือเราเน้นทุกช่องทางเลย การที่เราจะออกไปแสดงสดหน้าเวทีมันเป็นเรื่องที่แบบค่อนข้างจะยากและคนก็อาจจะเดินทางมาไม่สะดวกเค้าก็เลยจะเปิดเป็นกลุ่มปิดในกลุ่ม Facebook เป็นสตรีมไลฟ์อีกหนึ่งช่องทางที่คนสามารถเข้าถึงได้ง่ายและเหมือนได้ใกล้ชิดกับศิลปินที่ชื่นชอบ"

47 ปีของเสียงอีสานที่เราจะเป็นเจนใหม่ แป้งอยากบอกอะไร?

"รู้สึกภูมิใจมากๆ เลยค่ะ ที่ได้เกิดมาเป็นลูกหลานบ้านตองห้าเห็นรูปหลานของแม่ใหญ่ เป็นความฝันความชอบของหนูตั้งแต่เด็ก หนูก็จะเป็นเหมือนแม่ใหญ่ให้ได้เพราะว่ามีแม่ใหญ่เป็นไอดอลมาตลอด คุณครูที่สอนร้องเพลงสอนรำ พักผ่อนที่ไม่เป็นอะไรเลยแม่ใหญ่ก็บอกว่าให้ไปฝึกเต้นไปซ้อมเต้นซ้อมรามให้ทำทุกอย่าง ตอนนี้คือรู้สึกกดดันมากเลยค่ะที่มาถึงจุดนี้ แต่พอย้อนกลับมามองแล้วมันคือแรงผลักดันที่จะทำให้เราก้าวไปอีกขั้นหนึ่งพัฒนาไปอีกขั้นหนึ่ง แล้วก็เป็นหน้าที่ที่จะต้องสืบสานเพราะว่าเราเป็นทายาท"

ติดตามทุกประเด็นร้อน  ตั้งโต๊ะคุยสด ทุกประเด็น ทุกเหตุการณ์จริง กับทุกผู้คนในรูปแบบของหนูแหม่ม-สุริวิภา ในรายการ “โต๊ะหนูแหม่ม” ทุกวันจันทร์-ศุกร์เวลา 12.40 น. ทางเวิร์คพอยท์ 

อัลบั้มภาพ 12 ภาพ

อัลบั้มภาพ 12 ภาพ ของ "แม่นกน้อย" เคลียร์ดราม่าหมอลำในตำนาน “เสียงอีสาน” ส่งต่อมรดกให้ "เหลนแป้ง" ลุยต่อ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook