ยังไม่จบ.. เมียชายพิการแฉต่อ ผัวร้องคาราโอเกะสบายใจ หลังได้เงินบริจาค
เมียชายพิการแฉต่อ เปิดคลิปผัวร้องคาราโอเกะสบายใจ อยากยอดบริจาคมีเท่าไหร่ กลัวมีเรื่องแล้วเดือดร้อนไปด้วย เพราะยังไม่ได้หย่า
กรณี ต้น จักรพงศ์ อายุ 39 ปี ชาว จ.สุพรรณบุรี ร่างกายไม่สมบูรณ์พิการขาขวาและมือซ้าย ก่อเหตุพยายามกระโดดสะพานพระราม 4 แต่มีพลเมืองดีมาช่วยไว้ทัน ก่อนอ้างว่าถูก อ๊อด ทนงกร ซึ่งเป็นเมีย บังคับให้ขอทาน ถูกทำร้ายร่างกาย จะโดดน้ำฆ่าตัวตายหนีเมีย ขณะที่เมียโต้ไม่จริง ก่อนแฉยับว่าลวงโลก ตนต่างหากที่ถูกทำร้ายร่างกาย เหตุอีกฝ่ายเสพยา
ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (16 เม.ย.) เมื่อเวลา 16 .00 น. นางทนงกร ได้เข้าร้องเรียนกับนายเกียรติคุณ ต้นยาง หรือ ทนายโป้ง ประธานชมรมนายความจิตอาสา เพื่อร้องเรียนขอความเป็นธรรม รวมทั้งนำคลิปของนายต้น สามีพิการที่ออกตระเวนเที่ยวกลางคืน โดยเมื่อคืนที่ผ่านมาออกไปร้องเพลงคาราโอเกะที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งอย่างมีความสุข แต่กับไปให้ข่าวว่าตนไม่ดีต่างๆ นานา ตนจึงอยากขอความเป็นธรรมจากสังคมในเรื่องนี้ด้วย
นางทนงกร หรือ อ๊อด เผยว่า อยากให้คนที่ออกมาบริจาคทุกคนมาตรวจสอบบัญชีว่าเงินยอดบริจาคมีเท่าไหร่ และนำเงินไปทำอะไรบ้าง ทุจริตหรือไม่ จึงอยากให้ตรวจสอบดูจะบัญชีของต้นหรือของคนอื่นอยากให้ตรวจสอบดูดีๆ เพราะตนเป็นผู้จดทะเบียนสมรสกับต้นกลัวว่าจะมีปัญหาการรับของโจร เพราะจากที่ดูข่าวแล้วรู้สึกแปลกๆ ใครที่เคยบริจาคก็ให้รีบตรวจสอบทันที
ตนจึงเข้ามาร้องทนายเพราะไม่รู้ว่าเงินบริจาคยอดเท่าไหร่ จะเป็นแสนหรือเป็นล้านตนก็ไม่รู้ ตนคิดว่ากลัวเขาเอาไปทำเรื่องไม่ดี ซึ่งเมื่อคืนต้นมีการลงไลฟ์สดร้องคาราโอเกะที่ จ.สุพรรณบุรี เขาคงจะมีความสุขแต่ตนกลับเป็นทุกข์
ตอนนี้อยากรู้เรื่องยอดบริจาคว่ามีเท่าไหร่ และใช้ในทางที่ถูกหรือทางที่ผิด เพราะตอนนี้เหมือนต้นใช้ชีวิตหรูหรา ถ้ามีเรื่องเกิดขึ้นมาจะกลายเป็นการฉ้อโกงเงินคนอื่น ตนกลัวจะเดือดร้อนไปด้วย เพราะยังจดทะเบียนกันอยู
ถ้าเงินจากการบริจาคได้มาอย่างไม่โปร่งใสตนก็ไม่อยากได้ กลัวเป็นการฉ้อโกง อยากรู้ว่าเงินเข้าบัญชีไหนบ้างอย่างละเอียด เพราะตนไม่เคยรับรู้เรื่องยอดบริจาค และอยากฝากถึงคนที่โอนเงินให้เขาสามารถระงับบัญชีได้เลย
ซึ่งตนไม่เคยอยากได้ตังค์แต่อยากได้ความยุติธรรม เพราะตนช่วยต้นมาเยอะมากแล้วและช่วยให้ดีขึ้นมาก แต่ตอนนี้เขาทำไม่ถูกต้อง ถ้าเขาใช้ในทางไม่ถูกต้องจะต้องแจ้งความ ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมาตนจะไม่ข้องเกี่ยวและให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีต่อ เพราะต้นไม่เคยเอาเงินที่ได้รับบริจาคมาให้ตนเลย และตนก็ไม่เคยเปิดบัญชีเพื่อขอรับบริจาค
ตอนนี้เขาเอาเงินไปใช้สุรุ่ยสุร่ายไม่ได้เอามาใช้ในครอบครัว ซึ่งเขาก็ยอมรับว่าเสพยา และหลบอยู่แต่ในห้อง ซึ่งตนก็แจ้งเจ้าหน้าที่ไปแล้วแต่ก็ไม่มีการตรวจสารเสพติดจากตัวเขา จะทำอะไรก็ต้องโปร่งใส แต่เขาจะไปทำอะไรตนก็ไม่รู้แล้วเพราะไม่ได้ติดต่อกัน
ด้าน ทนายโป้ง กล่าวว่า เรื่องของพี่อ๊อดก็แนะนำไปแล้วว่าถ้ามีการได้รับเงินมาก็จะเป็นส่วนของสินสมรส แต่ถ้าเป็นการให้โดยเสน่หาหรือมีการให้เฉพาะเจาะจงว่าให้เป็นการส่วนตัว ก็จะเป็นสินส่วนตัวไป
แต่เบื้องต้นได้สันนิษฐานไปแล้วว่าเป็นเรื่องของสินสมรส แต่ถ้าได้สินสมรสนี้มาแบบพฤติกรรมฉ้อโกง เพราะไม่ได้บอกความจริงที่ควรแจ้ง บางคนที่โอนเงินมาก็มีการหลงเชื่อว่าโอนไปแล้วจะได้ไปตามเจตนารมย์ในการช่วยเหลือ แต่นำเงินไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ก็อาจจะเข้าเรื่องของการฉ้อโกง ทรัพย์สินจะกลายเป็นของกลางในคดี
จึงแนะนำให้พี่อ๊อดตรวจสอบเพราะจากสินสมรสจากคดีแพ่งจะกลายเป็นคดีอาญา และจะกลายเป็นการรับของโจร ยกตัวอย่าง เช่น เงินที่ได้มาก็จะเป็นเงินของสินสมรส แต่ถ้าได้มาแบบไม่ชอบธรรม แล้วนำเงินมาแบ่งกับพี่อ๊อด ก็จะกลายเป็นการรับเงินโจรทันที
จึงอยากฝากถึงผู้ใจบุญที่มีความเมตตากรุณาที่สมทบทุนโอนเงินให้จำนวนหลักสิบหรือหลักร้อย เป็นการเข้าบัญชีใครก็ตาม ถ้านายต้นไม่นำไปใช้ตามเจตนารมณ์ตามผู้โอนหรือเจ้าของบัญชีนำไปใช้ไม่ตรง ก็สามารถไปแจ้งความเพื่อตรวจสอบบัญชีก่อนได้ แต่ก็อย่าไปถึงขั้นตอนนั้น เพราะตัวนายต้นรู้ดีว่าเงินได้มายังไง ให้ออกมาชี้แจงเปิดเผยความจริงเรื่องเงินที่ได้มาจากทุกคนว่าใช้โดยบริสุทธิ์ใจ
อันนี้อยากฝากทุกฝ่ายเจ้าของบัญชีคนโอนคนรับเงินให้ออกมาชี้แจง ซึ่งตนไม่ได้ไปชี้ว่าใครผิดหรือถูก แต่คนโอนจะได้อิ่มบุญที่จะเป็นสะพานบุญเพื่อไปถึงนายต้นอย่างบริสุทธิ์
อัลบั้มภาพ 14 ภาพ