น่าเอ็นดู "น้องขวัญ" ลูกเสือโคร่งของกลางขวัญใจโซเชียล ชวนคนใจดีส่งนมเลี้ยงน้อง

จากกรณีตำรวจ ปทส. ร่วมกับชุดเหยี่ยวดง จับกุมผู้ต้องหา 3 คน ขณะนัดส่งมอบ “ลูกเสือโคร่ง” สัตว์ป่าคุ้มครอง จำพวกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม จำนวน 1 ตัว อ้างนำมาจากต่างประเทศ บริเวณลานจอดรถห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา

จากนั้นกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ส่งลูกเสือโคร่งของกลางให้เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวาก และศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวากดูแลอย่างใกล้ชิด โดยผลตรวจโรคจากชุดตรวจ Test kit ไข้หัดหวัดแมว และลำไส้อักเสบ เป็นลบ ตรวจสุขภาพภายนอก พบว่ามีน้ำมูกเล็กน้อย มีอาการจามในบางช่วง ไม่มีไข้ พบตัวเห็บบริเวณผิวหนัง บริเวณเหงือก ลิ้น และช่องปาก ซีดกว่าปกติ (ไม่ชมพู) การป้อนนม จะต้องกินนมชนิด KMR ทุก 2-3 ชั่วโมง / มื้อ

ซึ่งทางเพจ สวนสัตว์บึงฉวาก จังหวัดสุพรรณบุรี ได้อัปเดตชีวิตความเป็นอยู่ของ ลูกเสือโคร่งของกลางหรือ “น้องขวัญ” อย่างต่อเนื่อง ความน่ารักน่าเอ็นดูของเสือน้อย ทำให้ชาวโซเชียลต่างก็ตกหลุมรักกันไปตามๆ กัน

ล่าสุด เมื่อวันที่ 14 เมษายน สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยขาแข้ง เผยภาพ “น้องขวัญ” พร้อมข้อความระบุว่า ภาพสุดเอ็กซ์คลูซีฟ น้องขวัญให้เกียรติถ่ายภาพกับนมที่ส่งไปจากสถานีเพาะเลี้ยงฯ ห้วยขาแข้ง ลุงหัวหน้าต่าย ให้แอดจัดส่งนม KMR ขนาด 2,500 กรัม ที่สำรองถุงสุดท้ายไว้ที่ห้วยขาแข้งไปให้น้องขวัญที่บึงฉวาก เพราะว่าน้องขวัญต้องกินนมอีกเยอะมาก ซึ่งประมาณอายุน้องขวัญตอนนี้น่าจะ 1 เดือน ยังต้องกินนมต่อไปจนถึงอายุ 3-4 เดือน ซึ่งจะกินนมวันละกระป๋องกว่าๆ เลยทีเดียว

“ขอเชิญจัดส่งนมไปให้น้องขวัญกันได้นะครับ ถ้ามีมากน้องขวัญจะเผื่อแผ่แบ่งปันไปให้น้องแมวดาว ตามสถานีเพาะเลี้ยงต่างๆ หรือตามส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สบอ.ต่างๆ ด้วยครับ

จัดส่งนม เเผ่นรองซับ ผ้าขนหนู เเละอื่นๆ ไปที่ศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก ตำบลเดิมบาง อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี 0616393509 

อย่างไรก็ตาม ประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้เผยความคืบหน้าการดูแลลูกเสือโคร่ง "สัตว์ป่าของกลางกับโอกาสการกลับคืนสู่ธรรมชาติ" และอัตราโทษตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า 2562 ระบุว่า นายอนันต์ ศรีผุดผ่อง หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวากและศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 14-15 เม.ย.65 สพ.ญ.ณฐนน ปานเพ็ชร นายสัตวแพทย์ประจำเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวาก และศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก รายงานผลการดูแลลูกเสือของกลาง พบว่ายังมีน้ำมูกเล็กน้อย ไม่มีไข้ บริเวณเหงือก ลิ้น และช่องปาก มีสีชมพูอ่อน กินนมได้ปริมาณ 6-8 ออนซ์ ต่อมื้อ โดยกินนมทุก 2-4 ชั่วโมง/มื้อ นมที่กินจะเป็นนมทดแทนสำหรับลูกแมว ชนิด KMR การขับถ่ายปกติ มีพฤติกรรมที่สนใจสิ่งแวดล้อมรอบตัว ร่าเริง ท้องไม่อืด เริ่มก้าวเดินได้แข็งแรงมากขึ้น ไม่เครียดโดยในช่วงเช้ามีการปล่อยให้เดินออกกำลังกายและรับวิตามินจากแสงแดดบริเวณหน้าอาคารพยาบาล ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำความสะอาดพื้นเป็นที่เรียบร้อยแล้วก่อนทำการปล่อยออกมาเดินข้างนอก แต่เนื่องจากสภาพอากาศร้อน จึงได้ดูแลลูกเสือในอาคารพยาบาล เพื่อป้องกันสภาวะลมแดดที่อาจเกิดขึ้นได้

ทั้งนี้การลักลอบค้าสัตว์ป่ากรณีดังกล่าวเป็นความผิดตาม พรบ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 ร่วมกันครอบครอง และร่วมกันค้าสัตว์ป่าคุ้มครองจำพวกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ตามมาตรา 17 ฐาน “มีสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดี” มีอัตราโทษตามมาตรา 92 จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมาตรา 29 ฐาน “ค้าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” มีอัตราโทษตามมาตรา 89 จำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ประกอบมาตรา 112 และ มาตรา 116 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ทั้งนี้เจ้าหน้าที่นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ส่งดำเนินคดีตามกฎหมายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

"สัตว์ป่าของกลาง" กับโอกาสที่จะได้กลับคืนสู่ป่า

สัตว์ป่าที่ถูกพบจากการจับกุมผู้ลักลอบค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายนั้น การปล่อยคืนสู่ป่าต้องพิจารณาจากปัจจัยมากมาย ทั้งสายพันธุ์ อายุและการเลี้ยงดู ยิ่งเป็นสัตว์ที่ต้องเรียนรู้การใช้ชีวิตจากแม่หรือฝูง รวมถึงการล่าและหาอาหาร ซึ่งเป็นเรื่องยากที่มนุษย์เราจะสอนได้ นี่เป็นเหตุผลเพียงบางส่วนที่สัตว์ป่าไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตในป่าได้ เพราะขาด "สัญชาตญาณของสัตว์ป่า" ไปแล้วนั่นเอง

สุดท้ายการได้เห็นสัตว์ป่าได้ใช้ชีวิตในป่าอย่างมีความสุขท่ามกลางทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าใช้ชีวิตในกรงเลี้ยง "ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการปกป้องสัตว์ป่าให้ได้ใช้ชีวิตอยู่ในป่า หากพบเห็นการกระทำผิดกฎหมายป่าไม้และสัตว์ป่าแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วนพิทักษ์ป่า 1362 ตลอด 24 ชั่วโมง