"ปีเตอร์ คอร์ป" หัวใจไม่เหงา ยอมรับตรงๆ มีคนคุยแล้ว หยอดคำหวาน "เขาน่ารักมาก"
!["ปีเตอร์ คอร์ป" หัวใจไม่เหงา ยอมรับตรงๆ มีคนคุยแล้ว หยอดคำหวาน "เขาน่ารักมาก"](http://s.isanook.com/ns/0/ud/1709/8548202/2.jpg?ip/crop/w728h431/q80/jpg)
นักร้องนักแสดงเจ้าเสน่ห์หนุ่ม ปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนดัล เมื่อมาเป็นแขกรับเชิญคนพิเศษในรายการ Club Friday Show ผลิตโดย CHANGE2561 ได้เปิดแบบหมดเปลือกทุกเรื่องราวของชีวิตในเรื่องราวของชีวิต ว่ากว่าจะมาเป็น ปีเตอร์ ที่ทุกคนรู้จักในวันนี้เส้นทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเลย พร้อมยังเปิดใจครั้งแรกในช่วงที่หายตัวไป และเผยถึงสถานะหัวใจที่ตอนนี้กำลังเริ่มต้นเป็นสีชมพูอีกครั้ง
เริ่มต้นเข้าวงการได้อย่างไร ?
"ถ้าถ่ายแบบที่เมืองไทยเพื่อนๆ ที่เดนมาร์กคงไม่รู้หรอก เงินก็เอากลับไปซื้ออะไหล่มอเตอร์ไซค์ ได้ลองดูก็ได้ก็เลยได้เริ่มถ่ายแบบตั้งแต่ตอนอายุ 17 ปีครับ ตอนเกือบๆ 19 ปี ก็มีคนโทรศัพท์มาตามบอกว่าอยากให้กลับมาถ่ายโฆษณา เขาก็บอกเราว่าได้เงินแสนกว่าบาทเลย เราก็ อุ้ย! ได้เงินมาซื้ออะไหล่เยอะเลย แต่ตอนนั้นผมทำงาน Part Time ไปด้วย เรียนไปด้วย อยู่บริษัททนาย แต่เราก็รู้สึกว่ามันไม่มีเวลาทำในสิ่งที่เราอยากทำ เพราะเราทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยผมก็เลยกะว่าเอาอย่างนี้ ผมเบรกสัก 1 ปี ผมก็ไปคุยกับทางโรงเรียน ทางโรงเรียนก็บอกว่าได้เลย คุณจะเบรกสัก 1-2-3 ปีได้เลยเพราะเกรดของคุณ 3 มาตลอด ถ้าอย่างนี้ผมก็มาถ่ายโฆษณาได้เงินก้อน ซึ่งพอได้เงินก้อนผมก็จะเอาเงินก้อนนั้นมา Start up แล้วก็อยู่สัก 1 ปีเก็บเงินแล้วกลับไปเรียนต่อโดยไม่ต้องทำงาน"
สรุปว่าได้กลับไปไหม ?
"ไม่ได้กลับครับ (หัวเราะ) ก็เลยยาวเลยครับ เพราะว่าผมพอมาได้สักประมาณ 6 เดือน คือ ผมมาได้ไม่ได้ก็มีคนติดต่อผมก็เข้ากระบวนการลองเทสต์เสียงนู่นนี่เสร็จปุ๊บ!! ก็ได้เซ็นสัญญากับแกรมมี่ก็เลยยาวเลย ตอนนั้นก็ได้เข้าเป็นศิลปินฝึกหัด ผมย้ายมาประมาณ 2 ปีกว่ากว่าจะได้ออกอัลบั้ม"
ในช่วงนั้นชีวิตก็ลำบากอยู่เหมือนกัน ?
"ก็ยากครับ ผมจำขึ้นใจเลย พี่ๆ ทุกคนบอกว่าอดเปรี้ยวไว้กินหวาน คืองานของผมกำลังฮอตเลย ถ่ายโฆษณาเสร็จปุ๊บ! ก็เป็นจุดเปลี่ยนหนี่งที่ทำให้คนรู้จักผมมากขึ้น เดินมาบุญครองคนก็บอกอะไรอย่างนี้ งานถ่ายแบบก็เข้ามาเยอะขึ้น งานโฆษณาก็เข้ามา แต่ทุกคนก็จะบอกว่าอดเปรี้ยวไว้กินหวาน แปลว่าอย่าเพิ่งรับงานแต่เขาก็ไม่ได้เชิงห้ามนะครับ แต่บอกว่าอย่าเพิ่งรับดีกว่า ซึ่งก็กว่าจะได้ออกอัลบั้มจริงๆ คือ 2 ปี จนไม่มีกินครับ เชื่อไหมตอนนั้นผมเช่าอะพาร์ตเมนต์อยู่ห้องติดกับ ลีโอ พุฒ เลย
ซึ่งมีอยู่วันหนึ่งที่อีกวันจะเข้าไปรับเช็คแล้วต่างคนต่างเงินก็หมด ช่วงนั้นถ้าผมมีผมก็เลี้ยงเพื่อน ถ้าเพื่อนมีก็เลี้ยงผม ซึ่งอีกวันจะไปรับเช็ค แต่วันนี้เงินหมดแล้วรถที่ซื้อมาน้ำมันเหลือน้อยมากแล้วผมก็ไม่มีเงินเติมน้ำมันแล้ว แต่พรุ่งนี้ต้องขับรถไปรับเช็คแล้วเราสองคนทำยังไงรู้ไหมครับ เราก็รื้อโซฟาทั้งสองห้องที่เราอยู่ทั้งสองห้องเก็บเหรียญแล้วก็เดินไปซื้อพายไก่ 1 ชิ้น 20 บาทแล้วแบ่งกันทานคนละครึ่ง ส่วนน้ำมันที่เหลือติดรถอยู่ผมก็ขับไปลุ้นไปว่าจะถึงหรือเปล่า ปรากฎว่าถึงครับ ซึ่งครอบครัวของผมไม่ได้อยู่ที่ไทยแล้วก็ ศักดิ์ศรีของลูกผู้ชายผมจะไม่ขอเงินพ่อแม่เราจะต้องเลี้ยงดูตัวเองให้ได้"
แต่สุดท้ายก็ต้องบอกว่าก็ประสบความสำเร็จทั้งคู่ แม้เพลงแรกๆ ยังไม่ค่อยเท่าไหร่ ?
"ตอนปล่อยซิงเกิลแรกยังไม่ตูมตามอะไรขนาดนี้ครับ ซิงเกิลแรกคือเพลงอยากไปไหนก็ไป ส่วนซิงเกิลที่สองเป็นเพลงให้ฟ้าฝ่าเธอ"
มีครั้งหนึ่งกับข่าวที่เรารับรู้คือ มีการประกาศตามหาว่า ปีเตอร์ หายไปไหน วันนั้นมันเกิดอะไรขึ้น ?
"มันก็มีหลายอย่างนะครับ ก็เป็นปัญหาครอบครัวนั่นแหละ ซึ่งวันนี้ผมก็ขอไม่พูดถึงรายละเอียดนะครับ คือจริงๆ แล้วถ้าผมจะพูด ผมพูดไปตั้งนานแล้ว แต่มันก็ไม่ใช่แนวทางผมแต่ก็พอเล่าให้ฟังคร่าวๆ ได้ จริงๆ แล้วมันก็มีปัญหาอยู่แล้วก็แต่ผมรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่ว่าพอมันอยู่ด้วยกันแล้วมันเป็นเรื่องที่มันไม่ดี มันมีเรื่องที่ทะเลาะกันบ่อยอยู่พอสมควร แล้วทะเลาะกันผมรู้สึกว่าจริงๆ แล้วผมเป็นคนไม่ชอบทะเลาะ แต่พอมาถึงจุดหนึ่งแล้วเหมือนใครที่โดนจี้จุดอยู่นานๆ ในที่สุดต่างคนต่างก็ขึ้น ผมก็พยายามถอยก่อนเดี๋ยวพอเย็นๆ แล้วค่อยคุยกันต่อไหม ผมก็ใช้วิธีว่าเดี๋ยวออกไปข้างนอกก่อนแล้วกัน เดี๋ยวไปขี่มอเตอร์ไซค์เล่นข้างนอกอย่างนี้ เพราะว่าขี่มอเตอร์ไซค์มันเป็นอะไรที่ต้องใช้สมาธิในการขับขี่มันก็จะไม่นึกถึงเรื่องอื่น พอไม่นึกถึงเรื่องที่เราทะเลาะกันอย่างนี่มันก็จะใจเย็นลงแล้วก็ค่อยกลับไปคุยใหม่อย่างนี้ครับ แต่ก็รู้สึกว่ามันก็ไม่ดี ไม่ได้คลายสถานการณ์สักที แล้วมันก็จะถี่ขึ้นเรื่อยๆ ด้วยหลายๆ เหตุผล ซึ่งในที่สุดผมก็เลยรู้สึกว่าผมต้องถอยห่าง จริงๆ แล้วคือไม่ใช่อยู่ๆ ผมหายไปนะ แต่ผมคิดว่ามันจำเป็นต้องทำ หลายคนคิดว่าปีเตอร์ทิ้งลูก แต่ผมคิดว่าอันนี้น่าจะเป็นวิธีที่ทำให้ลูกไม่ต้องรับรู้ ไม่ต้องรับฟังไม่ต้องรู้สึกอะไรที่เด็กไม่ควรรับรู้ ตอนแรกผมก็ยังมีความหวังว่าออกมาสักพักแล้วกลับไปคุยใหม่แล้วมันจะดีขึ้นไหมแต่ในที่สุดมันก็ไม่ได้เป็นแบบนั้น ก็เลยในที่สุดก็เลยแยกตัวออกไปก็เลยแยกยาวเลย"
เป็นข่าวที่รุนแรงต่อภาพลักษณ์ในความเป็นปีเตอร์ ?
"มีคอมเมนต์ต่างๆ นานา 2-3 หมื่นคอมเมนต์เลยครับ แต่ผมไม่ใช่แนวคนที่จะออกมาทำคะแนนเข้าตัวเองแล้วในที่สุดเรื่องราวที่มันเกิดขึ้นในบ้าน มันก็เป็นเรื่องภายในครอบครัวผมคิดแบบนี้เสมอ และที่สำคัญที่สุดคือการออกไปพูดคุยแก้ตัวอธิบายผมรู้สึกว่ามันแค่ออกไปต่อยอดข่าว เดี๋ยวข่าวจะกลายพันธ์ุไปแล้วมีประเด็นใหม่ขึ้นมาทุกๆ คนก็ตีความไปเอง"
สรุปตอนนี้มีคนคุยไหม ?
"ก็มีคนหนึ่งที่เพิ่งเริ่มคุยแต่ก็ยังไม่นานมากครับ แต่ก็นานพอที่ได้รู้ว่าเขาน่ารักมาก"
หลายสิ่งหลายอย่างที่ผ่านมา มีผลกระทบต่อคนคุยๆ คนนี้ไหม ?
"ผมว่าทุกคนรู้ครับ คือตอนแรกผมก็สงสัยนะ คือทุกอย่างเริ่มจากการเอ๊ะ! ทำไมคนนี้น่าสนใจดี แล้วเขาก็คงจะรู้สึกอย่างนี้เหมือนกัน แล้วพอได้คุยกันไปมามันจูนเข้ากันได้ดี จนถึงจุดหนึ่งที่ผมก็ถามเลยคือผมก็รู้ตัวไงว่าประวัติของผมเป็นอย่างไรบ้าง ผมก็ถามเขาไม่สงสัยเหรออะไรอย่างนี้ว่าอะไรเป็นอะไร เพราะเขาไม่ถามอะไรเราเลย ซึ่งเขาก็บอกว่าไม่นะคือเขาบอกว่าเขาจะเวททุกอย่างจากสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้ สิ่งที่เขารู้สึกตอนนี้อะไรอย่างนี้ แต่ผมก็ได้พูดคุยอธิบายอะไรบางอย่าง"
เห็นบอกว่าถ้าแม้แต่มีบางคนรอบตัวของเราไม่เข้าใจในความเป็น ปีเตอร์ เราสามารถบุกไปอธิบายได้เลย ?
"จริงๆ แล้วคือ ถ้าสมมติว่าอันนี้พูดคุยน่ารัก แต่คือถ้าสักวันที่วันมีอะไรที่ซีเรียส แน่นอนคนรอบข้างตัวเขาด้วยความเป็นเพื่อนสนิท ด้วยความเป็นสมาชิกของครอบครัวด้วยสัญชาตญาณของเขาต้องปกป้องคนนี้ต้องมีคำถามแน่นอนครับ ผมก็บอกว่าถ้าใครมีคำถามหรือสงสัยอะไรบอกผมได้นะ ผมจะไปอธิบายเองให้ได้ว่าจริงๆ แล้วมันมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง และทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ผมยินดีครับ เพราะผมไม่มีอะไรปิดบังไม่มีอะไรซ่อนอยู่แล้วครับ"
ความรักที่ผ่านมาเรานำบทเรียนอะไรมาใช้กับความรักครั้งต่อๆ ไปบ้าง ?
"บทเรียนในแต่ละช่วงชีวิตหรือในแต่ละสถานการณ์มีความแตกต่างกันไป แล้วก็บางทีเราเจ็บ บางทีเราเข็ด แต่ว่าบางทีเราก็ผิด แต่ว่าบทเรียนที่เราผ่านมาไม่ใช่แต่จะก้าวผ่านแต่เราเก็บไว้จำไว้แล้วก็เอามาปรับปรุง เพราะฉะนั้นเรื่องราวของความรักพอโตขึ้นชีวิตของคนเรามันจะนิ่งขึ้น ตัวเราบุคลิกเราจะนิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นคือไม่รีบนะครับ ใช่เหตุและผลดูกันหน่อย เข้ากันได้ดีจริง ๆไหม เพราะว่าอย่างที่ว่าคำว่าเอ๊ะ! เมื่อกี้ที่แบบว่าสัญญาตญานของเรา พอเราเอ๊ะ! ปุ๊บ ทำไมมันเป็นอย่างนี้ มันไม่ใช่เรื่องของความชู้สาวอย่างเดียว แต่บางทีในเรื่องของนิสัยที่มันไม่ได้เข้าด้วยกันตั้งแต่แรก แต่ด้วยว่า popy love ทั้งเราและเขาก็พยายามทำให้เขาดูว่าเราดีที่สุด และเรายอมที่จะมองข้ามจุดอะไรหลายๆ อย่างตรงนี้ไป แต่พอยาวๆ เข้าไปปุ๊บเขาก็ต้องบอกว่าตัวจริงของเราและเขาปรากฎเอาจริงๆ เวลานั้นเราอาจจะเข้ากับเขาไม่ได้ก็ได้"
สามารถชมคลิป ย้อนหลัง ได้ในรายการ CLUB FRIDAY SHOW ผลิตโดย CHANGE2561 ทางยูทูป : CHANGE2561
อัลบั้มภาพ 13 ภาพ