โผล่ไม่หยุด! “ทนายตั้ม” พาเหยื่อเข้าแจ้งความ "ปริญญ์" ทำอนาจาร รวม 8 รายแล้ว
โผล่ต่อเนื่อง! “ทนายตั้ม” พาเหยื่อเข้าแจ้งความ "ปริญญ์" อดีตนักการเมืองดังเพิ่ม บางเคสพบก่อเหตุตอนเป็นผู้เยาว์
วันนี้ (18 เม.ย.) นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ยังคงพาผู้เสียหายรายที่ 2 เข้าแจ้งความกับตำรวจในข้อหากระทำอนาจารฯ และพรากผู้เยาว์ ซึ่งรวมแล้วเป็นผู้เสียหายคนที่ 7 ที่เข้าแจ้งความร้องทุกข์ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
นายษิทรา กล่าวว่า สำหรับผู้เสียหายรายที่ 7 นี้ โดนลวนลามบนรถ โดยนักการเมืองคนดังกล่าวขับรถมือเดียว และใช้มือจับของสงวนทั้งบนล่างของผู้เสียหาย มีการจับมือ แขน และขา พร้อมพูดจาแทะโลมไปในเรื่องเพศ โดยระบุว่าเหตุเกิดเมื่อปี 2562 ช่วงที่เป็นนักศึกษาฝึกงานคล้ายกับผู้เสียหายรายอื่นๆ โดยจะแจ้งความนายปริญญ์ ในข้อหากระทำอนาจารฯ และพรากผู้เยาว์
ส่วนก่อนหน้านี้ผู้เสียหาย คนที่ 6 ที่ถูกข่มขืนเมื่อปี 2563 เข้าพบพนักงานสอบสวนในวันนี้ ตอนแรกผู้เสียหายรายนี้ตั้งใจจะมาในฐานะพยาน ยื่นหลักฐานเป็นคลิปเสียงและหลักฐานบทสนทนากับนายปริญญ์เท่านั้น จะไม่แจ้งความนายปริญญ์ เนื่องจากมีการรับสิ่งตอนแทนมาแล้วก่อนหน้านี้ แต่จากการเข้าให้ปากคำ พฤติกรรมของผู้ถูกกล่าวหาเข้าข่ายความผิดอาญาแผ่นดิน ยอมความไม่ได้ ตำรวจจึงเป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษกับนายปริญญ์เองตามกฎหมาย เพราะมีการแก้ไขกฎหมายไม่ให้เป็นคดีที่ยอมความได้
นอกจากนี้ นายษิทรา กล่าวยืนยันว่า ไม่กลัวการฟ้องร้องกลับ เพราะเหยื่อทุกคนมั่นใจให้ตนมาดำเนินคดี ถ้าตนกลัว คนอื่นก็เสียขวัญ แต่ยอมรับว่าสับสนเพราะเหยื่อเยอะ แต่พฤติการณ์ส่วนใหญ่คือพาเหยื่อไปคุยที่ร้านอาหารและพาไปขืนใจที่ห้อง แต่มีเหยื่อที่ถูกวางยาจะมาแจ้งความด้วย ส่วนอีกรายถูกกระทำที่ประเทศอังกฤษ ก็จะเข้ามาเป็นพยาน
ส่วนเรื่องตำรวจยศพันตำรวจเอก จะให้เงินปิดปากเหยื่อนั้น นายษิทรา กล่าวว่า ยังไม่มีข้อมูลมา แต่จากข้อมูลของตนพบว่าเป็นนายตำรวจยศพลตำรวจตรี ซึ่งเรื่องนี้ได้ให้ผู้ใหญ่ตรวจสอบแล้ว สำหรับเรื่องคลิปเสียงที่อ้างว่าเป็นขบวนการของพรรคก้าวไกลที่จะดิสเครดิตนั้น ยืนยันว่าตนไม่รู้จักกับคนในพรรคก้าวไกล ตนไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย ถ้าจะกลั่นแกล้งทางการเมือง ตนไปทำคนที่มีโอกาสได้มากกว่า หากผู้ก่อเหตุพยายามบีบบังคับข่มขู่เหยื่อ ตนจะทำเรื่องถอนการประกันตัว ยืนยันตอนนี้ยังไม่มีใครถอนแจ้งความ แต่บางคนไม่ให้ความร่วมมือต่อ วานนี้เขาควรจะไปที่ศาลเพื่อทำเรื่องค้านการประกันตัวผู้ต้องหาแต่เขาไม่ไป ขอไม่ระบุว่าเป็นใคร แต่ให้ดูว่าใครยังสู้ ใครเงียบไป
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลยังไม่พบว่ามีคนภายในพรรคที่ผู้ต้องหาเคยสังกัดอยู่เข้ามาให้การช่วยเหลือ แต่อยากเตือนไปถึงผู้ที่เตรียมให้การช่วยเหลือหรือกำลังให้การช่วยเหลืออยู่ในขณะนี้ หากพบว่าเป็นคนภายในพรรคการเมืองดังกล่าว ใครกล้าช่วย ใครช่วยก็บรรลัย ถ้าข่าวมาถึงตนว่า มีคนในพรรคนี้ไปพยายามติดต่อพูดคุยกับใครให้ช่วยเหลือทางคดี ก็เตรียมตัวพัง ไม่มีใครช่วยอะไรได้ เพราะฉะนั้นหยุดพฤติกรรมเหล่านี้
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า ผู้ต้องหามีประวัติอาการทางจิตและประสาทจนอาจจะมีผลต่อรูปคดีนั้น เชื่อว่าผู้ก่อเหตุไม่มีประวัติการรักษาอาการทางจิต แต่ไม่น่านำมาเป็นข้ออ้างในการต่อสู้คดี เพราะเขายังไปเป็นวิทยากรเวทีต่างๆ ได้ มีสติปกติดี เขาจะซื้อบริการก็ยังได้ แต่ดูว่ามีรสนิยมชอบคนที่ขัดขืน
ขณะที่ในวันนี้ ผู้เสียหายรายที่ 8 เดินทางมาเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด ทันทีที่ลงจากรถยนต์ส่วนตัวก็เข้าพบพนักงานสอบสวนทันที
อย่างไรก็ตาม นายษิทรา ยังกล่าวชื่นชมตำรวจ สน.ลุมพินี เรื่องการทำคดีดังกล่าว เนื่องจากพบว่าคดีมีความคืบหน้าไปมาก และมีการประสานกับตนตลอด ทั้งการเตรียมพนักงานสอบสวนผู้หญิงเพื่อสอบปากคำผู้เสียหาย และจะให้ผู้เสียหายที่มาแจ้งความทั้งหมดรวมเป็นสำนวนคดีเดียว จึงขอให้เชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้