อดีตรองหัวหน้าพรรค ถูกเหยื่อดาหน้าแฉพฤติกรรมลวนลาม-ข่มขืน กลางโหนกระแส
เหยื่อดาหน้าแฉเดือด! อดีตรองหัวหน้าพรรคลวงเหยื่อก่อนล่วงละเมิดทางเพศ “ทนายตั้ม” แง้มคลิปเด็ด มั่นใจเปิดมาฆ่าตัวตายทันที
กรณีประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ หลัง “ทนายตั้ม-ษิทรา เบี้ยบังเกิด” เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ โพสต์ผ่านเพจเฟซบุ๊กว่า มีเหยื่อถูกล่วงละเมิดโดย “รองหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่” ลวนลาม อนาจารโดยเหยื่อไม่สมยอม มีผู้เสียหายหลายรายดาหน้าออกมาแฉรัวๆ
รายการโหนกระแสวันนี้ (18 เม.ย.) ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย” ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 สัมภาษณ์ เอ-บี-ซี (นามสมมติ) เหยื่ออดีตรองหัวหน้าพรรค มาพร้อมทนายตั้ม-ษิทรา เบี้ยบังเกิด พร้อมโฟนอิน “ดี” (นามสมมติ) เหยื่ออีกรายกลางรายการ
เรื่องเกิดอะไรขึ้น ทำไมเปิดประเด็นนี้ขึ้นมา?
ทนายตั้ม : เรื่องเกิดจากคุณแม่เด็กอายุ 18 ได้ติดต่อมาทางไลน์แอด ก็บอกว่าลูกถูกนักการเมืองคนนึงลวนลาม ผมก็เลยโทรคุยกับเขา ถามรายละเอียด เขาก็เล่าว่านักการเมืองคนนี้ที่ลวนลามเป็นถึงรองหัวหน้าพรรค พอผมทราบวันนั้นก็ถามว่าเหตุเกิดเมื่อไหร่ เขาบอกว่าเหตุเกิดเมื่อวาน ผมก็แนะนำให้รีบไปแจ้งความ แม่เขาเลยพาน้องไปแจ้งความ วันรุ่งขึ้นเลยนัดน้องคุยรายละเอียด ปรากฏว่าพอผมโพสต์ลงโซเชียล มีผู้เสียหายรายอื่นๆ ติดต่อเข้ามาเยอะมาก ถึงเวลานี้ยังไม่หยุดติดต่อเข้ามาเลย
ประมาณกี่คน?
ทนายตั้ม : เกิน 20 คนครับ
หลังจากนี้จะเดินยังไงต่อไป เห็นบอกว่าตอนแรกมีบางท่านถอนตัวออกไปเพราะถูกเสนอเงิน?
ทนายตั้ม : มีทั้งคนที่ยังไม่ได้แจ้งความ กับคนที่แจ้งแล้วบางคนถอยๆ ออกมา เราก็ไม่เป็นไร เราก็ดำเนินต่อ เพราะยังมีอีกหลายคนเขารักในศักดิ์ศรี และพร้อมฉีกหน้ากากคนเลวๆ
มีกระแสข่าว นัยทางการเมืองมั้ย เขาบอกว่าคุณถูกจ้างวานมาเพื่อทำลาย?
ทนายตั้ม : มันต้องมีเหตุเกิดขึ้นก่อนนะครับ ถ้าไม่มีเหตุเกิดขึ้นเราคงไปเมคไม่ได้อยู่แล้ว และจะไปทำเพื่ออะไร เพื่อใคร เพื่อเงินเหรอไม่จำเป็น ผมมีคดีที่พอทำให้ได้เงินอยู่แล้ว
มีบางพรรค วางเกมทางการเมือง แล้วจ้างทนายตั้มมาเพื่อทำลายเรื่องการลงเลือกตั้งหาเสียง?
ทนายตั้ม : ถ้าทำอย่างนั้นจริงๆ แสดงว่าตัวรองหัวหน้าพรรคคนนั้นไม่เคยทำแบบนี้กับใครเลย แต่นี่ผู้เสียหายออกมามากมายไม่ซ้ำหน้า หลายจังหวัด แล้วมันจะเป็นไปได้ยังไง มีเกิน 20 คนเข้าไปอีก
ถ้าจะวางงาน คงไม่มีผู้เสียหายเยอะขนาดนี้?
ทนายตั้ม : ถูกต้องครับ อย่างน้องเอมีคลิปเสียง แสดงว่าเขาเคยมีปฏิสัมพันธ์อะไรกันมาก่อน ถ้าเกิดจะปฏิเสธว่าไม่ได้ทำ ทำไมคุยสายกับน้องถึงไม่กล้าปฏิเสธให้เต็มคำล่ะว่าพี่ไม่เคยทำอะไรหนู ทำไมหนูมาพูดใส่ร้ายพี่ ถ้าพูดอย่างนี้จะเกิดความสงสัยแล้ว แต่นี่เงียบ แล้วบอกว่ากับคนอื่นไม่ใช่เรื่องจริง แล้วเรื่องน้องคนนี้ล่ะ
ขอคุยกับ “บี” เหตุเกิดตั้งแต่เมื่อไหร่?
บี : 8 พ.ย. 63
ไม่ถึงขั้นถูกล่วงละเมิดทางเพศ แต่มีเหตุ?
บี : วันนั้นไปงานกินเลี้ยงกับเพื่อน หนูมีเพื่อนอยู่ในทีมงานนั้น แต่ไม่ทราบเป็นงานอะไร หนูไม่ใช่ทีมงานหาเสียงของเขา แต่มีเพื่อนอยู่ในทีมงานนั้น ก็ไปหาเพื่อน แล้วไปเจอทีมงานนั้นเป็นกลุ่มๆ กินเลี้ยงกันปกติ แล้วเขามานั่งใกล้ก่อน แล้วโอบเอว ทั้งที่หนูปฏิเสธไป รอบแรก ตอนนั้นรู้จักเคยเจอ 3-4 งานแล้วค่ะ เขาพยายามโอบเอว หนูก็พยายามปัดป้องออกไป แล้วเขาก็เดินไปทักทายคนอื่น แล้วต่อมาจะเลิกกินเลี้ยงแล้ว หนูก็เก็บของที่ระลึกขึ้นรถที่ลานจอดรถ หนูก็หันหน้าเข้ารถ หันหลัง เขาเดินมาตอนไหนไม่ทราบ เดินมาจับทุกอย่างข้างหลัง จับทุกอย่างที่เป็นของสงวน แล้วล้วง หนูก็ตกใจ ผลักเขาออก ว่าเขา เฮ้ย หนูเจ็บ พี่ทำแบบนี้ได้ยังไง มันน่าเกลียดนะ เขาก็หน้ายิ้มๆ แล้วเดินออกไป ก็เห็นว่าคนกำลังเดินกลับมาที่รถแล้ว หนูก็ไม่ทราบว่าใครเห็นบ้าง
หลังจากนั้นได้เจอกันอีกมั้ย?
บี : ไม่เคยค่ะ เขาติดต่อมาอีก บางทีก็โทรมา บางทีก็โทรไลน์มา ติดต่อมาถามว่ามากรุงเทพฯ มั้ย ถ้ามาพี่เปิดห้องให้ หรือมานอนคอนโดพี่ก็ได้ แต่หนูก็ไม่ได้มา ไม่ได้บอกเขาว่าหนูมา
ลักษณะเขามาจีบมั้ย?
บี : ไม่ค่ะ
วันนี้คุณไปแจ้งความเรียบร้อย?
บี : ใช่ค่ะ
ทนายตั้ม : หลายคนมาก วันนี้ผมยังทักน้องซีผิดเลย เขาบอกว่าเหตุการณ์นี้ไม่ใช่เรื่องของหนู หลายคนจัด น้องบีตอนที่มา ผมตรวจสอบพยานหลักฐานก็ให้เขาเอาภาพมายืนยัน ปรากฏว่าเขามีภาพถ่ายวันนั้นมายืนยัน ผมก็เลยคิดว่าน่าจะมีเหตุการณ์ไปเจอกันจริง
ถ้าพูดถึงอายุความ ยังได้อยู่มั้ย?
ทนายตั้ม : อันนี้คืออนาจาร คนอื่นเดินผ่านไปผ่านมา ไม่ใช่ที่ส่วนตัว อายุความก็ 15 ปี
พูดถึงประเด็นพยานแวดล้อม หลักฐานต่างๆ นานา?
ทนายตั้ม : ของน้องบี มีครบครับ มีพยานเป็นเพื่อนเขาด้วย
น้องซี เหตุเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ?
ซี : เกิดขึ้นเมื่อปี 57 ค่ะ วันนั้นมีการนัดไปทานข้าว ซึ่งเป็นที่สาธารณะ เขาชวนขึ้นรถมาก่อน เขาบอกว่าลืมของที่ออฟฟิศ แต่หนูขอไปรอที่ร้านอาหารเลย แต่เขาไม่ยอม เขาให้ขึ้นรถมาก่อน รู้จักกันในงานอีเวนต์เมื่อปี 61 ค่ะ หลังจากนั้นเขาก็ขับรถมาจอดที่นึงเป็นที่ของเขา เขาบอกขึ้นไปกับพี่ก่อน ตรงนี้มืดและอันตราย เขาบอกว่าตรงนั้นเป็นออฟฟิศเขา หนูก็คิดว่าน่าจะมีคนอยู่บ้าง แต่พอขึ้นไปแล้ว มันเป็นห้องโถงและไม่มีคนเลย ซึ่งชั้นนึงมี 4 ห้อง เขาพาเราไปด้านซ้ายมือเข้าไปเลย เป็นประตูไม้ใหญ่ๆ พอเข้าไปก็โล่งใจว่ามันเป็นที่ที่เหมือนกำลังก่อสร้าง เลยคิดว่าเขาคงไม่ทำอะไรเราหรอก แต่พอเดินเข้าไปไม่ถึง 3 ก้าว ซ้ายมือเป็นห้องนอน เขาผลักเราเข้าไปในห้องนอนแล้วล็อกประตู ยื้อกันอยู่ 3 ชั่วโมง ทั้งขอร้อง ทั้งกล่อมว่าจะคบกับพี่ก็ได้ เขาก็ออฟเฟอร์มาว่าอยากได้รถมั้ย อยากได้เงินมั้ย ทุกอย่าง จนเราแกล้งชัก หลอกว่าเป็นประจำเดือน เท่าที่ผู้หญิงคนนึงคิดออกแล้วว่าตอนนั้นจะทำอะไร ขัดขืนอยู่ 3 ชั่วโมงก็ไม่เป็นผลค่ะ พอหนูบอกว่าหนูจะไปแจ้งความนะ หนูไม่ยอม เขาบอกว่าตำรวจจะช่วยอะไรได้ ใครจะเชื่อเธอ เธอรู้มั้ยว่าพ่อฉันเป็นใคร ฉันเป็นใคร แล้วเธอเป็นใคร
เราสู้เขาไม่ได้ หนูถูกล่วงละเมิด หลังจากนั้นติดต่อมาอีกมั้ย?
ซี : มีมาเรื่อยๆ ค่ะ หลังจากนั้นไม่กี่เดือน หนูเดินทางไปอเมริกา เขายังติดต่อมาว่าอยู่รัฐไหน เดี๋ยวตามไปหา หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก มาเจอเขาอีกทีในปี 62 ได้ไปร่วมงานกับพรรคๆ นึงเลยเจอเขา เขาก็เหมือนจำหนูไม่ได้ มีการจ้องหน้ากันค่ะ เขาก็สลับที่ขอมานั่งข้างๆ หนู มีการพูดคุยเกี่ยวกับงาน เกี่ยวกับเรื่องทั่วๆ ไป โดยจำไม่ได้ว่าเคยกระทำเรา หนูไม่รู้แกล้งหรือจริง แต่ไม่ได้พูดอะไรว่าเป็นหนูเอง ด้วยงานเราต้องเร่ง แล้วเขาไปได้เบอร์เราจากใครไม่รู้ สามสี่วันต่อมาก็โทรมาหาเราบอกว่าพี่เองนะ จำได้มั้ย ที่เจอที่งานวันนั้น อยากไปทานกาแฟมั้ย แล้วคุยกันสักทุ่มนึง คุยเรื่องงานต่อ ก็คะยั้นคะยอว่ามาเจอเถอะ มาเลย แต่เราก็ไม่ได้ไป หนูเลยมั่นใจว่าผู้เสียหายน่าจะเยอะกว่านี้ เพราะตัวหนูเองโดนสองรอบค่ะ อาจจะจำได้แล้วแกล้งจำไม่ได้
ได้แจ้งความมั้ย?
ซี : วันนี้ค่ะ
ก่อนหน้านี้ทำไมไม่แจ้ง?
ซี : หนูกลัวสู้เขาไม่ได้ กลัวเรื่องจะเงียบ กลัวตัวเองเป็นอันตรายค่ะ มันต้องใช้ความกล้าอย่างมากที่ออกมาพูด
ทนายตั้ม : คุยกับน้องเรื่องพยานหลักฐาน เขามีคุณแม่ ที่ส่งมาให้ผมมีภาพถ่ายและโทรศัพท์ที่เขาติดต่อมาจริงๆ เดี๋ยวคงให้น้องให้การเลย แต่ผมคุยกับน้องในเรื่องของอายุความ ของน้องเหตุเกิดก่อนปี 62 เรื่องอายุความข่มขืนคงหมดอายุความไปแล้ว แต่ของน้องจะมีเรื่องอนาจารต่อหน้าธารกำนัล ตรงนี้อายุความ 15 ปี ของน้องคุยแต่ต้นๆ เลยรวบรวมหลักฐานไว้หลายอย่างแล้ว
จริงๆ คุณฟังแล้วตกใจมั้ย?
ทนายตั้ม : ตกใจ อย่างแรกต้องชมความเฉลียวฉลาดของน้องว่าเขาพยายามล่อให้ทางนั้นพูด แต่ทางนั้นคงรู้ว่ามีการอัดเสียงอยู่เขาก็พยายามไม่พูด จริงๆ มีคลิปเสียงนึงต้องตั้งชื่อว่าไม่ให้พูด เพราะพอน้องจะพูดเบรกตลอด
เปิดคลิปเสียง "เอ" ที่อัดเอาไว้ แบบนี้เอามาเปิดไม่กลัวเหรอเรื่องผลทางคดี?
ทนายตั้ม : คงไม่กลัวว่าเขาฟ้อง เพราะผมไม่ได้บอกว่าเป็นเขา นี่คือน้ำจิ้ม ผมมีอีกอันที่ไม่เกี่ยวกับน้องเอ แต่กลัวว่าถ้าเปิดออกไปเขาจะฆ่าตัวตายซะก่อน เปิดมาแล้วฆ่าตัวตายทันที วันนี้จะไปมอบ 3 คลิปกับทางพนักงานสอบสวน
ทำไมอยู่ดีๆ เราถึงไปอัดเสียงชายคนนี้?
เอ : คือหนูได้คุยกับเขาตั้งแต่วันเกิดเหตุ เรารู้ว่าเป็นใคร เราสังเกตดูท่าทีทุกอย่างแล้ว ก็แค่อยากออกมายืนยันให้ผู้หญิงด้วยกันว่าเขามีพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศจริง เราเคยเป็นเหยื่อจริง โดยที่เราไม่ได้สมยอม แต่วันนี้เราไม่ใช่เหยื่อค่ะ
ทำไมลักษณะพูดคุยระหว่างเอและคนๆ นั้น มันดูเหมือนคนสนิทสนมกัน มันดูเกินเลยมากกว่าคำว่าเหยื่อ?
เอ : ที่วันนี้หนูไม่ใช่เหยื่อแล้ว เพราะหนูยอมรับเงินจากเขา
ทนายตั้ม : ต้องดูจากจุดเริ่มต้นก่อน
น้องโคตรแมนจากสิ่งที่พูด น้องจะบอกว่าน้องถูกล่วงละเมิดครั้งแรกจากชายคนนี้ หลังจากนั้นยอมรับเงินจากเขา ก็เลยกลายเป็นเหมือนการสมยอมไป เหมือนไม่ได้เป็นเหยื่อ ครั้งแรกที่เขาละเมิดหนู เขาวางแผนยังไง?
เอ : คือปีกว่าหนูรู้จักเขาที่งานอบรม เขาก็ให้หนูแอดไลน์เพื่อดึงเข้ากรุ๊ปงานอบรมนั้น หนูก็ดึงเข้ากรุ๊ป เขาก็คุยและนัดเจอที่เดียวกับน้องวัย 18 เขาก็จับมือ ลูบแขนดูลายมือ พอกลับ ในลิฟต์เขาก็อุ้มเราจากด้านหลังและพยายามจะหอม ถ้าโรงแรมยังมีกล้องวงจรปิดจะเห็นว่าขัดขืน สะบัดอย่างชัดเจนค่ะ เหตุการณ์นี้ปีกว่า ประมาณปี 63 ค่ะ หลังจากนั้นเขาติดต่อมาเป็นปี ชวนไปหาเป็นปี แต่เราไม่ไป จนกลางปี 64 เราได้ทำงานการเงิน เราเห็นเขามีศักยภาพ มีความรู้ด้านนี้เพราะเราไปฟังเขาเรื่องการเงิน เขาก็เลยบอกว่าหนูมาทำงานด้านการเงินนะ ถ้าพี่สามารถแนะนำใครได้ พี่บอกหนูหน่อยนะ เขาบอกมาคุยกับพี่สิที่ออฟฟิศ มีคนอยู่ด้วย หนูเลยไป เขาก็พาขึ้นไป แต่ไม่มีใคร และล็อกห้อง วันนั้นที่ไป เราคิดว่ามันมีอะไรไม่ได้ เพราะเราเป็นประจำเดือน แต่พอไปถึงเขาไม่ถามเรื่องอะไรที่จะคุยกันเลย เขาก็ลงมือล่วงละเมิดทางเพศเลยค่ะ
เขาติดต่อเรามาอีกมั้ยหลังถูกล่วงละเมิด?
เอ : เขาติดต่อมาเรื่อยๆ ค่ะ
เขาเสนออะไรให้เราบ้าง?
เอ : ถ้าคำพูดเยอะ แต่สิ่งที่ให้ไม่เยอะ คำพูดคือบอกว่าให้ได้ทุกอย่าง คอนเนคชั่นที่หนูจะเอา งานที่หนูอยากได้ พี่รู้จัก ระดับนี้แล้ว หนูก็มีเถียงเขาว่าคนใหญ่คนโตกว่าพี่ก็ไม่ทำแบบนี้ ไม่ต้องมาขายฝันหนู เขาก็อึ้งแต่ก็พูดของเขาไปเรื่อย
บอกมั้ยจะแจ้งความ?
เอ : ไม่ได้พูดค่ะ เพราะหนูรู้ว่าหนูทำอะไรเขาไม่ได้ในวันนั้น เราคิดว่าเป็นผู้หญิงคนเดียวที่โดน เราไม่คิดว่ามีคนโดนเยอะขนาดนี้ แล้วเขาเป็นคนมีชื่อเสียง มีเพาเวอร์ โปรไฟล์ดีขนาดนี้ เราสู้เขาไม่ได้ ดูวันนี้สิคะ ผู้หญิงออกมาแจ้งความกี่คน หลักฐานขนาดไหน ทำอะไรเขาได้บ้าง
เขาเสนออะไรให้?
เอ : เงินค่ะ ตอนแรกบอกว่าจะตกลงเลี้ยงดูเดือนละ 5 หมื่น แต่ครั้งแรกบอกว่าขอ 30% นะ ขอ 3 หมื่น
ต่อกันได้ด้วยเหรอ?
เอ : (หัวเราะ) เขาทำอย่างนี้ค่ะ
เขาต่อรอง ให้ต่อเดือน 3 หมื่น?
เอ : ไม่ค่ะ ครั้งแรกเขาขอให้ 3 หมื่น แต่ครั้งหลังถ้าไปเจอเขาถึงจะให้
หนูไม่ได้เจอเขาครั้งเดียว?
เอ : ใช่ค่ะ
สุดท้ายจากการเป็นเหยื่อสู่การสมยอม?
เอ : ใช่ค่ะ วันนี้หนูไม่ได้เป็นเหยื่อค่ะ
แล้วลูกเมียเขาล่ะ?
เอ : วันนั้นเขาพูดว่าเขาหย่ากับภรรยาเขาแล้ว เขาไม่มีอะไรทั้งพฤตินัยและนิตินัย จนที่ห่างๆ กัน เพราะหนูไปรู้ไปเห็นว่าเขายังมีอยู่
หลังจากนั้นมีการติดต่อกันมั้ย?
เอ : ติดต่อแนวปรึกษาค่ะ เราก็แคปโพสต์ทนายตั้มไป เราก็บอกว่าหยุดทำผู้หญิงเถอะพี่ เขาเลยโทรมา แต่หนูไม่ได้รับ ประมาณ 3 วัน หนูถึงโทรกลับไป
ในคลิปเสียงนั้นเขาบอกว่าคุณจะให้เขาฆ่าตัวตายเลยหรือ?
เอ : หนูไม่ได้มีเจตนาจะซ้ำเติมใคร หนูไม่ได้อยากให้ใครฆ่าตัวตาย แต่ผู้หญิงที่โดนล่ะคะ ถ้าวันนี้หนูไม่ทำอะไรเลย แล้วอยู่ในใจหนูทั้งที่หนูสามารถทำได้ สามารถคุยและให้สังคมได้เห็นว่าเขามีพฤติกรรมนั้นจริงๆ อย่างบางคนไม่มีหลักฐาน เรื่องเกิดนานแล้ว หาหลักฐานไม่ได้ หรืออายุความหมดแล้ว วันนี้แค่ออกมายืนยันว่าเขามีพฤติกรรมอย่างนั้นจริงๆ หนูไม่ได้มองเรื่องคดี ไม่ได้เอาผิดเขาเรื่องคดีด้วย
ทนายตั้ม : เคสน้องน่าสนใจมาก เกิดเหตุปี 63 คดีข่มขืนเขาจะดูตามขณะนั้นว่ายอมหรือไม่ยอม ครั้งแรกไม่ยอม ครั้งที่สอง-สาม เกิดยอม ครั้งแรกก็ยังผิดอยู่ดี เพราะถือเป็นการกระทำความผิดตั้งแต่เกิดเหตุ เกิดครั้งที่สี่ไม่ยอมก็ผิดอีก เพราะเขาดูความสมัครใจแต่ละครั้ง ก็อยู่ที่การตัดสินใจของน้องว่าจะยังไง ถ้าตัดสินใจดำเนินคดีก็สามารถดำเนินคดีได้
กรณีน้องเอ น้องออกมาพูดว่าครั้งแรกถูกล่วงละเมิด หลังจากนั้นกึ่งสมยอม เพราะรับเงินชายคนนั้น ทำไมเราถึงยอมรับเงิน?
เอ : ตั้งแต่ครั้งแรก หนูอยู่คนเดียว ไม่มีใครมารับรู้ความรู้สึก หรือสภาวะตอนนั้นได้ หนูอาจคิดน้อยหรือไม่ได้คิดเลย สิ่งเดียวที่หนูคิดคือหนูจะไม่ยอมเสียให้ผู้ชายคนนี้ฟรีๆ เพราะหนูรู้ว่าหนูทำอะไรเขาไม่ได้ และหนูก็ไม่ได้อะไรจากเขาด้วย หนูเลยยอมรับไปค่ะ
ตอนนั้นคิดว่าแจ้งความก็เอาผิดเขาไม่ได้ เพราะพ่อเขาใหญ่โตต่างๆ นานา กรณีเงินที่รับ รู้สึกว่าถึงขั้นนี้แล้ว ไม่กลัวมีคนว่าน้องเหรอ?
เอ : ถ้าจะพูดว่ารับงานแล้วทำไมต้องขืนใจ ถ้าอย่างนั้นจ่ายแล้วหนูไปดีๆ ไม่ดีกว่าเหรอคะ ถ้าเขาต้องใช้เวลาเป็นปีในการหว่านล้อมให้หนูไปเหรอ หลังจากนั้นเรารู้สึกว่าเราก็ให้ความรู้สึกเขา เขาก็พูดดีกับเรา เราก็คิดว่าคนๆ นี้น่าจะเอาไว้ในชีวิตได้ค่ะ
การที่เขาออกมานั่งตรงนี้ และเล่าเรื่องราวขมขื่นให้สังคมรับรู้ เป็นเรื่องที่กล้ามาก อย่าไปเบลมเหยื่อ อย่าทำ เจตนาเขามี ดูธงเขาก่อน เขาต้องการบอกว่าชายคนนี้ทำแบบนี้จริงๆ แต่ด้วยวิถีชีวิตของเขา มุมมองเขาอาจต่างจากคนอื่น เพราะเขารู้สึกว่าทำอะไรชายคนนั้นไม่ได้ และวันนี้เสียไปแล้ว ถ้างั้นก็ต้องมีสิ่งตอบแทนกลับมา เธอมองแค่มุมนั้น แต่วันนี้ที่ออกมาบอก เพื่อจะบอกว่าชายคนนี้มีพฤติกรรมแบบนี้ตั้งแต่เริ่มต้นจริงๆ และทำแบบนี้ซ้ำๆ ด้วย มีอีกหนึ่งคน?
ทนายตั้ม : เคสนี้ฟังแล้วน่าเศร้ามาก
น้องดีอยู่ในสาย เหตุการณ์เกิดอะไรขึ้น?
ดี : ครั้งแรกหนูไปฟังเขาบรรยาย เขาเป็นวิทยากรเกี่ยวกับเศรษฐกิจและการลงทุน ตั้งแต่ปี 59 ค่ะ ประมาณตุลาคม ทีนี้ตอนฟัง เขาคุยว่าเป็นคนมีความรู้ เป็นคนดี เป็นผู้มีประสบการณ์ พอตอนท้ายหลังเสร็จสิ้นเกี่ยวกับการบรรยาย เขาจะทิ้งคอนแทคไว้ หนูก็จดไว้ ประมาณว่าถ้าใครมีปัญหา ต้องการที่ปรึกษาเกี่ยวกับการลงทุนให้ติดต่อมาที่เขาได้ เขาจะมีทีมงานคอยตอบคำถามประมาณนี้ค่ะ ทีนี้พอผ่านไปสักวันสองวัน หนูเลยลองติดต่อตามคอนแทคไปค่ะ ตอนแรกถามว่าใช่เขามั้ย เขาบอกใช่ๆ พอเป็นความรู้มั้ยประมาณนี้ หนูก็บอกว่าได้รับความรู้ อยากสอบถาม เราก็เล่าให้ฟังว่าเรามีโปรเจกต์เกี่ยวกับสินค้าตัวนึงที่เราคิดมานานแล้ว แต่ตอนนั้นเราขาดเงินลงทุน เพราะตอนไปฟังบรรยาย เขาบอกว่ามีโครงการช่วยเหลือ ถ้าใครมีไอเดียแต่ไม่มีเงินลงทุน สามารถแจ้งมาที่เขาได้ หนูก็กลับไปเขียนรายละเอียดเกี่ยวกับโปรเจกต์ที่จะทำ เขาบอกว่าไอเดียดีนะ แต่มาคุยรายละเอียดที่ออฟฟิศได้มั้ย เขาบอกว่าเขารู้จักเจ้าของบริษัทที่หนูอยากนำสินค้าตัวนี้ไปนำเสนอ ตอนนั้นหนูก็รู้สึกดีใจ ตื่นเต้นมาก ทำไมเขาใจดีมาก ช่วยให้คำแนะนำไม่พอ จะพาเราไปรู้จักเจ้าของสินค้าที่เราอยากนำเสนอด้วย อันนี้คุยกันทางไลน์ ทีนี้เขาบอกว่ามาคุยรายละเอียดที่ออฟฟิศได้มั้ย อยู่แถว ถ.วิทยุ ออลซีซั่นเพลส ใกล้บีทีเอสเพลินจิต ก่อนไปเขาก็โทรมาบอกว่าสะดวกคุยงานมั้ย หนูเลยบอกว่าวันนี้ตอนเย็นได้ ตอนนั้นหนูทำงานประจำอยู่ พอเลิกงานก็รีบนำเอกสารตรงดิ่งไปที่ตึกออลซีซั่นเพลส แลกบัตรปกติ ขึ้นไปชั้นที่เขาทำงานอยู่ ตอนแรกคิดว่า 6 โมง ทุ่มสองทุ่มน่าจะมีคนทำงานอยู่ แต่พอขึ้นไปข้างบนไม่เจอใครเลย มีแค่เพียงเขาคนนั้น หนูไปตอนหกโมง พอหนูเข้าไป เขาก็พาไปคุยงานที่ห้องประชุม ตอนนั้นหนูไม่เอะใจเพราะไม่คิดเลย หนูคิดว่าเขาเป็นคนดี พอไปในห้องประชุม หนูก็เตรียมโน้ตบุ๊ก แต่เขาบอกแป๊บนึง แล้วเขาก็ถือวิสกี้มา มีแก้วหนูและแก้วเขา เขาก็บอกว่าดื่มก่อนมั้ย ตอนแรกหนูก็ปฏิเสธ เพราะไม่คอ่ยดื่มพวกนี้อยู่แล้ว ยิ่งไม่ทานข้าวหนูจะไม่กินเลย เขาก็บอกว่ากินหน่อยจะได้คุยงานกันลื่นๆ ด้วยความเกรงใจ หนูเลยดื่มไปครึ่งนึง
ปกติไม่เคยดื่มเหล้า?
ดี : ปกติไม่ค่อยดื่มอยู่แล้ว แต่ถ้าจะกินต้องกินอะไรรองท้อง ดื่มไปสักพักเขายังไม่คุยงาน ยังบอกว่าดื่มๆ ให้หมด จะได้คุยงานยาวทีเดียว ความไม่รู้ว่าวิสกี้จะแรงขนาดนั้น หนูเลยดื่มไปจนหมดค่ะ แล้วเหมือนเราไม่ค่อยมีแรง บอกไม่ถูกค่ะ หลังจากนั้นเขาเริ่มมาลวนลาม จับแขน จับมือ โอบกอด
สุดท้ายถูกล่วงละเมิดทางเพศ?
ดี : ใช่ค่ะ
หลังจากนั้นรู้สึกตัวอีกทีกี่โมง?
ดี : ตีห้าของอีกวันค่ะ
ดื่มเหล้าไปเยอะมั้ย?
ดี : ไม่เยอะค่ะ ครึ่งแก้วเท่านั้นค่ะ เหมือนแก้วคล้ายแก้วน้ำแต่ใบใหญ่ๆ หน่อย ทรงแก้วเหล้าหรืออะไรนี่แหละค่ะ
เหมือนไม่รู้ตัวเลย?
ดี : ใช่ค่ะ หนูดื่มสองครั้งค่ะ
รู้สึกตัวอีกทีตอนตีห้าที่ไหน?
ดี : หนูนอนอยู่ตรง รปภ.แลกบัตรค่ะ
ได้ถาม รปภ.มั้ย ทำไมมาอยู่ตรงนั้น?
ดี : หนูงง เวียนหัว เขาก็บอกว่าเห็นเรารอรถเมล์ตรงป้ายรถเมล์ แต่มีอาการเมาค่ะ
หนูลงมาได้ไงก็ไม่รู้?
ดี : ไม่รู้เหมือนกันค่ะ
รปภ.เห็นเลยพาหนูไปนั่งตรงป้อม รปภ.?
ดี : ใช่ค่ะ เขาบอกว่าเห็นหนูเหมือนเมามาก ไม่มีสติ เขาเลยพยายามปลุกหนู พาหนูไปนอนตรงที่เขาแลกบัตรค่ะ
เรื่องนี้จะแจ้งความมั้ย?
ดี : แจ้งค่ะ หนูมีถามทนายตั้มเข้าไป เมื่อก่อนไม่กล้าแจ้งความ แต่ตอนนี้คิดว่ามันคงถึงเวรกรรมของเขาแล้วค่ะ
ทำไมตอนนั้นไม่อยากแจ้งความ?
ดี : ตอนนั้นด้วยความที่หนูไม่อยากเล่าให้ใครฟังเพราะเขาดูเป็นคนมีความรู้ หน้าที่การงานค่อนข้างใหญ่โต คิดว่าถ้าแจ้งความหนูเป็นเหยื่อคนเดียวหรือเปล่า คงไม่มีน้ำหนัก และตอนนั้นก็อายมากที่โดน ไม่กล้าบอกใครด้วยซ้ำค่ะที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้
คุณส่งหลักฐานบางอย่างมาให้ผมในไลน์ เป็นข้อความที่มีการพูดคุยกัน เป็นหลักฐานยืนยัน?
ดี : ค่ะ เรื่องนี้ยังไงจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด หนูอยากให้เคสแบบนี้เป็นอุทาหรณ์สอนใจให้ระมัดระวัง บางทีคนภายนอกดูดี ภายในอาจชั่วช้ามาก ขอเตือนผู้หญิงเวลาจะไปไหนอย่าไปคนเดียวค่ะ โดยคนๆ นั้นเป็นผู้ชาย เราไม่รู้หรอกว่าคนที่เราไปคุยด้วย ถึงดูดี โปรไฟล์ดีแค่ไหน สุดท้ายอาจทำเลวกับเราได้นะคะ
ทนายตั้ม : เคสน้องดีได้ประสานกันแล้ว วันนี้จะไปแจ้งความ แล้วเมื่อคืนมีคนนึงประสานมาคุยกับผม เป็นเคสละม้ายคล้ายคลึงกัน แต่เหตุการณ์เกิดที่อังกฤษ เหมือนเรียนอยู่ด้วยกัน แล้วตัวนักการเมืองคนนี้ ชวนน้องไปดื่ม น้องเขาดื่มแค่นิดหน่อย ไม่ถึงครึ่งแก้วด้วยซ้ำ ปรากฏว่าเขามีอาการเหมือนวูบ หมดสติ เขาก็รีบพรวดออกจากโต๊ะ เดินข้ามนักการเมืองคนนี้มาเลย คนอังกฤษเขาเห็นถึงความแปลกเลยถามว่ายูเป็นอะไร น้องเขาบอกว่าให้เอาเขาออกจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด น้องเขาก็ไม่รู้สึกตัวเลย มารู้สึกตัวหลายชั่วโมงผ่านไป น้องคนนี้จะมาเป็นพยานในคดีนี้ด้วย
ยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพรรคก้าวไกล?
ทนายตั้ม : ยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองไหนทั้งสิ้น ที่เราทำเพื่อให้สังคมเห็นว่าเป็นเรื่องตัวบุคคล กระทำความผิดในสิ่งที่เลวทรามต่อเนื่องมาหลายปีแล้ว วันนี้น้องๆ ทุกคนกล้าออกมากระชากหน้ากากให้สังคมได้รับรู้ อนาคตจะได้ไม่มีใครเป็นเหยื่อนายคนนี้อีก
มีหลักฐานสำคัญที่เก็บไว้?
ทนายตั้ม : มอบพนักงานสอบสวนวันนี้
น้องวัย 18 กับคุณแม่ ล่าสุดคุณแม่ฝากบอกทนายตั้ม บอกว่าไม่ต้องห่วง เขาอยู่ข้างทนายตั้ม ไม่รับเงินแน่นอน?
ทนายตั้ม : ขอให้เป็นแบบนั้น
แม่บอกว่าขอให้มั่นใจในตัวแม่ เขาไม่ยอมแน่นอน แต่เขาไม่อยากออกมาเจอสื่อแค่นั้นเอง ไม่กลัวใช่มั้ย?
ทนายตั้ม : ไม่กลัวครับ เป็นสิ่งที่มีประโยชน์กับน้องๆ เราก็เป็นเสาหลักเรื่องนี้ ถ้ากลัว น้องๆ ก็เสียขวัญไปด้วย ถ้าน้องๆ พร้อมลุยกับผม ผมก็พร้อม
น้องซีอยากให้เรื่องนี้จบยังไง?
ซี : อยากให้กฎหมายทำอะไรคนๆ นี้ได้ ถ้ากฎหมายทำอะไรเขาไม่ได้ เรื่องนี้จะเกิดขึ้นอีกมาก และสังคมไทยน่าเป็นห่วงค่ะ อยากให้มีการลงโทษค่ะ ครอบครัวทราบเรื่องแล้วก็พร้อมสู้ค่ะ
น้องบีล่ะ?
บี : อยากให้เอาคนผิดมาลงโทษเหมือนกันค่ะ
น้องเอ?
เอ : ทุกคนมีทางสู้ของตัวเอง แต่ถ้ามันผิด ก็ไม่เป็นไร ทุกอย่างถึงเวลาของมันแล้ว ขอเป็นอุทาหรณ์ให้ผู้หญิงระวังมากขึ้นดีกว่าค่ะ
เขาบอกให้เขากราบตีนก็ได้ คิดมั้ยอาจไม่ได้เป็นแบบที่เราคิดหรือเปล่า?
เอ : ถ้าไม่ใช่เรื่องจริง คงไม่มีใครออกมาพูดขนาดนี้ และไม่ต้องมากราบหนู ไปกราบคนที่ทำโหดร้ายกว่าหนูดีกว่า
ไม่ต้องมากราบตีนหนู ไปกราบตีนเหยื่อคนอื่นที่เขาทำโหดร้ายมากกว่าเรา?
เอ : ใช่ค่ะ
ทนายตั้ม : เขาพยายามกราบตีนทุกคนครับ
ซี : เขากราบตีนหนูก่อนเกิดเหตุค่ะ ขอมีอะไรด้วยค่ะ ขอร้องเพื่อกระทำชำเราหนู
กราบเท้าเพื่อมีอะไรกับเราเนี่ยนะ เรื่องจริงเหรอ?
ซี : จริงค่ะ ข้างเตียงฝั่งขวามือมีหน้าต่างค่ะ หนูจำได้หมดเลย
จริงมั้ย?
เอ : ถูกค่ะ
ทนายตั้ม : ผมว่าเขาโรคจิต ชอบที่ผู้หญิงไม่ยอมแล้วมีอารมณ์ เขาสามารถซื้อบริการได้โดยไม่ต้องมีเรื่องมีราว แต่ทำแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า พอไม่มีคนแจ้งความก็เอาใหญ่ ย่ามใจ
อัลบั้มภาพ 14 ภาพ