26 เม.ย. เจอกัน! ผบช.ภ.1 นัดแถลงปิดคดีแตงโม ไม่พบหลักฐานว่าเป็นฆาตกรรม
ผบช.ภ.1 ยืนยันแถลงปิดคดีแตงโม อังคารที่ 26 เม.ย.นี้ เผยบาดแผลเข้ากับใบพัดเรือ ไม่พบหลักฐานว่าเป็นฆาตกรรม
วันนี้ (20 เม.ย.) พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เปิดเผยว่าเมื่อวาน (19 เม.ย.) ที่ผ่านมา คณะพนักงานสอบสวนได้นำสำนวนคดีและข้อมูลการคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม ตกเรือจมน้ำเจ้าพระยาเสียชีวิตเมื่อวันที่ 24 ก.พ. ที่ผ่านมา ไปรายงานกับทาง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พิจารณาแล้ว
ทั้งนี้ ผบ.ตร. ไม่ได้สั่งการให้สอบสวนประเด็นใดเพิ่มเติม เนื่องจากเห็นว่าพยานหลักฐานครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว โดยในวันอังคารที่ 26 เม.ย. เวลา 13.00 น. คณะพนักงานสอบสวนชุดคลี่คลายคดีจะแถลงปิดคดี ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี ก่อนจะส่งสำนวนให้กับพนักงานอัยการพิจารณาสั่งฟ้องต่อไป
มั่นใจในพยานหลักฐานที่มีในขณะนี้ว่า สามารถเอาผิดผู้ต้องหาทั้งหมดได้ ซึ่งการรวบรวมพยานหลักฐานนั้น ได้มีการทำในรูปแบบของคณะกรรมการตั้งแต่วันเกิดเหตุ ซึ่งเป็นเวลากว่า 1 เดือน จึงเชื่อมั่นในพยานหลักฐานทั้งหมดที่มี
นอกจากนี้ พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ในวันที่ 26 เม.ย. จะมีการชี้แจงทุกขั้นตอนตั้งแต่เริ่มต้น ในประเด็นที่ประชาชนให้ความสนใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเหตุการณ์, เรือลำเกิดเหตุ, ความผิด, อัตราโทษ, ข้อเท็จจริง, ไปจนถึงประเด็นการปัสสาวะ โดยขณะนี้พยานหลักฐานบ่งชี้ได้ว่าเป็นความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
ซึ่งไม่ได้เป็นการทำร้ายร่างกาย เนื่องจากบาดแผลตามร่างกายนั้นเข้ากับใบพัดเรือ จึงมีความเห็นสรุปสำนวนเช่นนี้ และมั่นใจว่าสามารถชี้แจงให้ประชาชนหายสงสัยได้ อย่างไรก็ตาม หากอัยการมีข้อสงสัยที่ต้องการให้สอบสวนเพิ่มเติม ตำรวจก็ยินดี
ผบช.ภ.1 กล่าวว่า สำหรับประเด็นที่ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม จะยื่นและเปิดหลักฐานเรื่องเงาแสงในห้วงเวลาทั้งก่อนและหลังเกิดเหตุนั้น คณะพนักงานสอบสวนปรึกษากับอัยการจังหวัดนนทบุรีแล้ว และอัยการแนะนำให้แยกเป็นอีกสำนวนคดีหนึ่ง โดยไม่รวมกับสำนวนคดีการเสียชีวิตซึ่งเป็นคดีหลัก
ส่วนเรื่องของพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์จากทุกหน่วยยืนยันว่าได้รับมาครบถ้วนและนำประกอบเข้าในสำนวนครบหมดแล้ว เหลือเพียงให้พนักงานสอบสวนรวบรวมรายละเอียดเพิ่มเติมเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนสำนวนหลักจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง