"ตูมตาม ยุทธนา" เล่าละเอียด โมเมนต์แห่งรัก ขอ "อาหลี" แต่งงาน เราเอาใจมาแลกกัน
นับเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวดีๆ ของวงการบันเทิง สำหรับโมเมนต์สุดเซอร์ไพรส์ของคู่รักคู่เลิฟ เมื่อพระเอกหนุ่มชื่อดัง ตูมตาม-ยุทธนา เปื้องกลาง ตัดสินใจขอแฟนสาวคนสวย อาหลี อัฐริญญา แต่งงาน ท่ามกลางบรรยากาศสุดโรแมนติก จนเพื่อนพ้องแฟนคลับต่างก็เข้ามาร่วมแสดงความยินดีกันอย่างล้นหลาม
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสเจอกับ ตูมตาม ยุทธนา ในงานบวงสรวงละครเรื่องใหม่ บัลลังก์ลูกทุ่ง จึงไม่พลาดที่จะเข้าไปจ่อไมค์อัปเดตความคืบหน้าและความรู้สึกของเจ้าตัวถึงช่วงเวลาสุดพิเศษดังกล่าว ซึ่งหนุ่มตูมตามก็ได้เปิดใจกับเราว่า
เร่งทำงานเพราะเก็บเงินค่าสินสอดหรือเปล่า ?
“ก็รอไปเรื่อยๆ (หัวเราะ) หมายถึงว่าทำงานไปเรื่อยๆ ก่อน เพราะว่าจริงๆ แล้วเราแต่งงานต้องรอเจ้าตัวพร้อมด้วยนะ คือขอเขาไว้ก่อน ผมถือว่าขอหมั้นอะไรแบบนี้ เรารักเขา เรารักกัน เรารู้สึกว่าเจตนามันโอเคแล้วทั้งหมด ที่เหลือคือจะได้ไม่ต้องมากังวลเรื่องอื่น ใช้ชีวิตกันไปทำงานกันไป ถึงเวลาที่เหมาะสมยิ่งช่วงเวลาแบบนี้ผมว่าในการจะทำอะไรหลายๆ อย่าง มันต้องดูสถานการณ์บ้านเมืองด้วย เพราะเราใช้ชีวิตไม่ได้ปกติกัน”
อยากให้เขามั่นใจใช่ไหม ?
“ใช่ครับ อยากให้มั่นใจ ใช้ชีวิตไปแล้วก็ทำงานให้มีความสุขยังไงเราก็ต้องไปถึงวันนั้นแน่ๆ”
เล่าโมเมนต์ตอนนั้นหน่อย ?
“ปกติมากครับ จริงๆ ผมแค่รู้สึกว่า อยากให้เขาได้ในทุกสิ่งที่ผู้หญิงคนหนึ่งควรจะได้รับ”
เขารู้มาก่อนไหมว่าเราจะขอเขาในวันนั้น ?
“รู้ (หัวเราะ) ผมเป็นคนปิดไม่เนียน (ยิ้ม) แต่พอถึงโมเมนต์จริงๆ ก็ตื่นเต้นกันแหละ”
วางแผนยังไงตอนนั้น ?
“ไม่ได้เตรียมอะไรเลยครับ ซื้อแหวนก็พอแล้ว”
ไปขอกันที่ไหน ?
“สะพานพุทธครับ (หัวเราะ) สงสัยดูหนังฝรั่งเยอะ ชอบขอตามสะพาน (หัวเราะ) เราก็อินดี้กันมากไม่มีการเตรียมงานอะไรทั้งสิ้น ก็ตั้งกล้องถ่ายกันเองเพราะว่าผมถ่าย Vlog อยู่แล้ว ถ่ายยูทูบอยู่แล้ววันนั้นก็ไปถ่ายกัน ก็คุยกันเรื่อยๆ สุดท้ายก็ขอ”
พูดอะไรกันบ้าง ?
“ไม่ได้พูดอะไรมากครับ แค่บอกว่าเราแต่งงานกันไหม แค่นั้นเลย เขาก็อึ้งๆ นะ แต่ก็ไม่มาก เขารู้เยอะกว่าผมอีก (หัวเราะ)”
เขาเล่าให้ฟังไหมว่าจับไต๋เราได้ ?
“จริงๆ ก็บอกว่ารู้อยู่แล้วแหละ อยู่ดีๆ ชวนไปซื้อดอกไม้ ก็โอเคๆ แต่อันนั้นไม่สำคัญมาก แต่สำคัญตรงที่ว่าเรื่องระหว่างผมกับน้อง เราค่อนข้างคุยกันตลอดเวลา ค่อนข้างที่จะปรึกษาหารือกันแทบทุกเรื่อง มันเลยทำให้ทุกอย่างที่เราตัดสินใจทำต่างๆ นานา มันส่วนตัวมาก มันหลบหลีกยากมากที่เขาจะไม่รู้”
อะไรที่ทำให้เรามั่นใจที่จะขอผู้หญิงคนนี้แต่งงาน ?
“ผมรู้สึกว่ามันตั้งแต่จุดเริ่มต้น ก่อนที่จะมีความรักครั้งนี้ผมเคยให้สัมภาษณ์กับพี่นักข่าวไปแล้ว ว่ามันเกิดขึ้นยากมากในความรักครั้งนี้ เพราะว่าผมคิดเยอะมาก เตรียมการเยอะมาก แล้วก็รู้สึกว่าถ้าไม่เจอคนที่เรารู้สึกจริงๆ เราก็จะไม่เริ่มมันแล้ว ก็คงไม่มีแล้ว คือผมพูดเป็นกลางๆ ว่าในทุกความสัมพันธ์ การเริ่มครั้งนี้มันเริ่มด้วยแพชชั่นของความรักที่เรารักเขา ที่เราชอบในตัวเขา ที่เรารู้สึกตื่นเต้นในตัวเขาอยู่เสมอ เราก็เลยเริ่ม
แต่ถ้าพูดตามความเป็นจริงคือ เราไม่รู้จริงๆ ครับว่าเราจะรักกันไปได้ยาวแค่ไหน หรือเราจะเป็นยังไง เราไม่รู้เราแค่อยู่กันทุกๆ วัน เพราะฉะนั้นผมเรียกมันว่า Last chance คือโอกาสสุดท้ายแล้ว สำหรับการที่จะใช้ชีวิตในฐานะของการมีความรัก ก็ทำให้เต็มที่เลย ลุยเต็มที่ อะไรที่ทำได้ทำให้หมด แล้วถ้าเกิดว่ามันประสบความสำเร็จมันก็ดีอยู่แล้ว ถ้าไม่ประสบความสำเร็จเราก็เข้าใจแค่นั้นเอง”
อยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยกับอาหลี ?
“ใช่ครับ ผมรู้สึกว่าเราใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันหรือใช้ชีวิตที่แชร์กันอยู่แล้ว มันโอเค มันลงตัว”
ขอแต่งงานไปแล้วคลั่งรักกว่าเดิมไหม ?
“ก็เหมือนเดิมครับ (หัวเราะ) จริงๆ ผมไม่ได้คลั่งรักนะ ผมแค่รู้สึกภูมิใจในตัวเขา รู้สึกภูมิใจในความรักของเรา ก็เลยพูดเพราะผมพูดตลอดอยู่แล้วถ้ามีผมก็ชัดเจนของผมอยู่แล้ว”
มีแพลนไหมจะจัดเมื่อไหร่ อะไรยังไง ?
“จุดเริ่มต้นเลย เราคุยกันไว้ประมาณ 3 ปีครับ เพื่อให้น้องได้ทำงานให้น้องได้เติบโตในสายงานของเขา ให้เขาได้ใช้ชีวิตไปก่อน ผมเองก็พร้อมแต่งงานแล้ว แต่ว่าเราพร้อมคนเดียวไม่ได้ต้องให้เขาพร้อมด้วย ให้เขาได้เติบโตด้วย น้องกับพร้อมห่างกัน 4 ปี ผมว่า 4 ปีมันก็มีอะไรหลายอย่างที่เขาต้องเจอในชีวิตปล่อยให้เขาใช้ชีวิตด้วยเหมือนกัน”
เรียกว่าเป็นการตีตราจองไว้ก่อน ?
“เรียกว่าทำให้เขามั่นใจดีกว่า ทำให้เขารับรู้ว่าเรารักเขา เราจริงใจต่อเขามากๆ แต่ตีตราจองไหม ผมคงใช้คำว่าเราถือครองความรักร่วมกันดีกว่า คงไม่มีใครจองใครแต่เราซื่อสัตย์ เราเอาใจมาแลกกันครับผม”
อัลบั้มภาพ 18 ภาพ