"สกลธี" ประกาศฟ้อง 2 พิธีกรดัง "วิโรจน์-คำผกา" วิจารณ์หยาบคายแถมยังด้อยค่า
"สกลธี" ยืนยันฟ้อง "วิโรจน์-คำผกา" 2 พิธีกรดัง อ้างถูกวิจารณ์หยาบคายแถมยังด้อยค่า อยู่ในการเมืองมา 16 ปี ไมเคยคิดฟ้องใครเลย
วันนี้ (21 เม.ย.) นายสกลธี ภัททิยกุล ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หมายเลข 3 ยืนยันจะดำเนินคดีกับ "วิโรจน์-คำผกา" 2 พิธีกรชื่อดัง กรณีถูกวิพากษ์วิจารณ์ด้วยการด้อยค่าและถ้อยคำหยาบคาย โดยระบุว่า อยู่ในแวดวงการเมืองมา 16 ปี ไม่เคยคิดฟ้องสื่อ หรือใคร เพราะเข้าใจว่าตนเป็นบุคคลสาธารณะ เพราะปกติตามสื่อต่างๆ ก็ถูกแซะ ถูกว่า อยู่ตลอด แต่ก็ปล่อยผ่านไป แต่กรณีนี้คิดว่าเกินไป ด้วยความเป็นสื่อมวลชนด้วย ควรจะมีวิจารณญาณในการวิพากษ์วิจารณ์มากกว่านี้ ถ้าเป็นเรื่องปกติตนจะไม่สนใจ แต่ตอนนี้เป็นการนำเสนอในช่วงของการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และคำพูดที่ใช้ก็เป็นลักษณะการด้อยค่า และหยาบคาย
“อันนี้แน่นอนว่าเป็นการดิสเครดิตผม ผมเองไม่เคยปฏิเสธว่าอดีตผมเคยมีอุดมการณ์ทางการเมืองที่ออกไปชุมนุม ผมรับในส่วนนั้น ผมยืดอก ใครจะว่าอะไรถ้าอยู่ในกรอบ ผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่นี่มันเกินไป และผมก็ต้องป้องกันตัวเองด้วย ที่ผ่านมาผมไม่เคยปกปิดอดีตของตัวเองอยู่แล้ว เพราะผมก็เชื่อมั่นในอุดมการณ์ตรงนั้น และผมก็ไม่เห็นด้วยกับการใช้คำหยาบคายมาด้อยค่าคนที่เห็นต่างไม่ว่าฝ่ายไหนก็ตาม แต่นี่เป็นสื่อมวลชนด้วย ผมคิดว่าคนเห็นต่างเขาก็ไม่เลือกผมอยู่แล้ว แต่ยังมีกลุ่มที่ยังไม่ได้ตัดสินใจ ที่เขาอาจจะไม่ได้ติดตามบริบทอื่นพอมาดูแล้วก็อาจจะไม่ชอบไปด้วย ซึ่งเรื่องนี้ผมปล่อยผ่านไม่ได้” นายสกลธี กล่าวย้ำ
นอกจากนี้ นายสกลธี ระบุว่า ในวันศุกร์ที่ 22 เม.ย.นี้ ได้มอบหมายให้ทนายความไปดำเนินการฟ้องร้องต่อทั้ง 2 คน ซึ่งหากในอนาคตมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมาอีกก็จะฟ้องต่อ ให้ไปสู้กันในชั้นศาล
อย่างไรก็ตาม เมื่อวานนี้ (20 เม.ย.) นายสกลธี โพสต์ข้อความประกาศดำเนินคดีกับ 2 พิธีกรชื่อดัง โดยมีเนื้อหาดังนี้
กว่า 16 ปีที่อยู่ในการเมือง ผมเข้าใจดีถึงความเป็นบุคคลสาธารณะของผมครับ…ดังนั้นการที่จะถูกวิพากษ์วิจารณ์จากทั้งประชาชนและสื่อมวลชนเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยาก และผมก็ยอมรับและรับฟังเสมอมาเพราะในทุกสังคมก็มีทั้งคนที่ทั้งเข้าใจและไม่เข้าใจในหลายสิ่งที่เราทำ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น…การจะวิพากษ์วิจารณ์ก็ต้องเป็นการติชมโดยสุจริตและไม่เป็นการด้อยค่าหรือด่าทอด้วยจิตใจที่มืดบอดและอคติในตัวบุคคลที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ยิ่งเป็นสื่อมวลชนด้วยแล้ว จรรยาบรรณในการทำหน้าที่เป็นสิ่งสำคัญครับ หากไร้ซึ่งจรรยาบรรณของสื่อมวลชน คิดอย่างไรพูดอย่างนั้นโดยไม่ผ่านการกลั่นกรองของสมอง ก็ไม่มีค่าพอที่จะเป็นสื่อมวลชนครับ
สืบเนื่องจากรายการ Talking Thailand ซึ่งออกอากาศทางแฟนเพจของ Voice TV เมื่อวันที่ 24 มี.ค. และ 11 เม.ย. 2565 ดำเนินรายการโดย นายวิโรจน์ อาลี และ น.ส.ลักขณา ปันวิชัย หรือ “คำผกา” ได้กล่าวถึงผม อุดมการณ์ทางการเมืองของผมรวมถึงสิ่งที่ผมได้เคยโพสต์ในอดีตด้วยการด้อยค่าและถ้อยคำหยาบคาย เกินกว่าหน้าที่ของสื่อมวลชนจะติชมหรือวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริต และเป็นที่เชื่อได้ว่าอาจทำให้ผมถูกเกลียดชังจากบุคคลที่ได้รับชมรายการและไม่ทราบเรื่องที่มาที่ไปทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระหว่างที่ผมอยู่ในช่วงหาเสียงลงเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผมจึงขอใช้สิทธิ์ทางกฎหมายมอบให้ทนายความไปฟ้องดำเนินคดีบุคคลทั้ง 2 คนรวมถึงบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องต่อไป
ส่วนตัวผมไม่เคยรู้จักบุคคลทั้ง 2 คนมาก่อนครับ และอยากจะฝากถึงทั้ง 2 คนและผู้เกี่ยวข้องกับรายการดังกล่าวรวมถึงคนที่รับชมรายการว่าผมไม่เคยปิดบังหรือปฏิเสธตัวตนและอุดมการณ์ที่ผ่านมาของผม ผมเชื่อมั่นในสิ่งที่ผมต่อสู้ร่วมกับคนอีกหลายล้านคนในช่วงเวลานั้น แม้เวลาจะผ่านมาแล้วกว่า 8 ปี ผมผ่านการต่อสู้กับคดีความที่ติดตัวผมมาจนศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยกฟ้องผมในทุกข้อกล่าวหา แต่กลับกันนั้นในสิ่งที่ผมออกมาต่อสู้ด้วย ศาลกลับพิพากษาว่ามีความผิดหลายคดีต่างกรรมต่างวาระและต่างบุคคล รวมถึงมีการสรุปความเสียหายจากโครงการจำนำข้าวแล้วกว่า 500,000 ล้านบาทและฟ้องร้องเป็นคดีกว่า 1,000 คดี
ดังนั้นโดยสรุปครับ…ถ้าพวกคุณเห็นด้วยกับสิ่งเหล่านั้นที่เกิดขึ้นว่าเป็นสิ่งที่ถูก สิ่งที่ผมทำเป็นสิ่งที่ผิด จะเชิญชวนให้ใครไม่เลือกผมก็เป็นสิทธิ์ครับ แต่ถ้ามากล่าวให้ร้ายหรือด้อยค่าโดยข้อความหยาบคาย อคติและไร้เหตุผล…ก็เจอกันที่ศาลครับ โดยผมได้มอบหมายให้ทนายความไปยื่นฟ้องต่อบุคคลทั้ง 2 คน ที่ศาลอาญาในวันศุกร์นี้ครับ
ปล. ขอให้ทุกท่านระวังการ comment นะครับ ไม่อยากให้เค้าเอาไปเป็นประเด็นในการฟ้องทุกคนต่อครับ
ดูคลิปตามลิงค์ข้างล่างครับ (มี 2 ลิงค์ครับ)