ร้านเสริมสวยมั่นใจ ลูกค้าผมร่วงทั้งหัวไม่เกี่ยวน้ำยายืด สงสัยเพราะวัคซีนหรือเปล่า

ร้านเสริมสวยมั่นใจ ลูกค้าผมร่วงทั้งหัวไม่เกี่ยวน้ำยายืด สงสัยเพราะวัคซีนหรือเปล่า

ร้านเสริมสวยมั่นใจ ลูกค้าผมร่วงทั้งหัวไม่เกี่ยวน้ำยายืด สงสัยเพราะวัคซีนหรือเปล่า
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ร้านเสริมสวยมั่นใจ ลูกค้าผมร่วงหมดหัวไม่เกี่ยวน้ำยายืด ทำมาเป็นร้อยหัวไม่เคยมีใครเป็นอะไร สงสัยเป็นเพราะวัคซีนหรือเปล่า

(23 เม.ย. 65) ความคืบหน้ากรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ภาพช่วงที่ผมยาวดกดำและภาพขณะที่ศีรษะล้านจากการไปทำการยืดผม ที่ร้านเสริมสวยแห่งหนึ่งจนต้องโกนศีรษะพร้อมข้อความระบุว่า “ทำผมทั้งที เจออย่างนี้คงเข็ดไปอีกนาน ทำไมเจ้าของร้านถึงปัดความรับผิดชอบแบบนี้ ใครชอบทำผมอ่านเพื่อได้เป็นอุทาหรณ์ ก่อนตัดสินใจไปยืดผมหรือทำอะไรที่เกี่ยวกับผม เราต้องเลือกร้านที่เราไว้ใจ ถ้าเลือกร้านผิดชีวิตของคุณก็จะเปลี่ยนไป” 

ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 23 เมษายน 2565 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยัง ร้านเสริมสวยดังกล่าว ตั้งอยู่ใกล้กับแฟลตตำรวจ ชุมชนสามเหลี่ยม ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น พบว่าร้านปิดให้บริการ จึงโทรศัพท์สอบถามตามเบอร์ที่อยู่ในป้าย โดยคุณปู (ขอสงวนชื่อสกุล) เจ้าของร้านเสริมสวย กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นนั้นมั่นใจว่าไม่ได้เกิดจาก ที่ลูกค้ามายืดผมที่ร้านคาดว่าน่าจะมาจากสาเหตุอื่นเช่นไปฉีดวัคซีนแล้วอาจจะแพ้หรือไปทำอะไรมาที่ลูกค้าพูดไม่หมด หรือไปเข้ารับการคีโมหรือไปทำอย่างอื่นมา นอกเหนือจากการยืดผมหรือเปล่า

ตอนนี้ทางร้านได้รับผลกระทบลูกค้าลดลงเนื่องจากได้รับความเสียหายจากโพสต์ที่ลูกค้านำไปโพสต์ลงในโซเชียล อยู่ระหว่างการปรึกษากับผู้รู้กฎหมายเตรียมรวบรวมหลักฐานเพื่อจะเข้าแจ้งความ ซึ่งตนเองก็ยินดีพูดคุยไกล่เกลี่ย ให้ทางลูกค้าออกมาแก้ข่าวที่ทำให้ทางร้านได้รับความเสียหาย แต่หากทางลูกค้าไม่มาพูดคุยหรือแก้ข่าวก็จะเข้าแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมาย

ในส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นมั่นใจว่าไม่ได้เกิดจากการยืดผมของทางร้านเพราะน้ำยาที่ใช้นั้นก็เป็นน้ำยาตัวเดิมตัวเดียวที่ทางร้านใช้มาตลอด ทำการยืดผมให้ลูกค้ามากกว่า 100 หัวก็ไม่เคยมีปัญหาเกิดขึ้นและหากลูกค้ามีปัญหาจากการยืดผมของทางร้านจริงก็น่าจะไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ก็น่าจะมีอะไรเกิดขึ้นแต่ลูกค้า มาทำผมตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ ระยะเวลาก็ผ่านมาเดือนกว่า กระทั่งช่วงต้นเดือนเมษายนลูกค้ามาบอกว่าผมร่วงจนต้องโกนผมออกทั้งหัวเพราะการยืดผมของทางร้านตนเองมองว่ามันไม่น่าจะใช่ และในส่วนขั้นตอนการยืดผมของทางร้านนั้นก็มีการยืดผมที่ใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที ขณะที่บางร้านใช้ระยะเวลานานกว่านี้ซะด้วยซ้ำ

ซึ่งวันที่ตนเองได้ยืดผมให้ลูกค้านั้นหลังจากได้ลงน้ำยาทิ้งเอาไว้ก็ไปกินข้าวกับเพื่อนและใช้เวลาเพียงแป๊บเดียว เพื่อนยังท้วงว่าทำไมรีบไปจังยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเลยตนเองก็บอกต้องรีบไปดูลูกค้า ไปเช็กดูผมและก็ได้ทำการล้างผม และลงน้ำยาในขั้นตอนสุดท้ายเพื่อให้ผมเซ็ตตัว หลังจากนั้นตนเองก็เห็นลูกค้าใช้ชีวิตตามปกติมัดผมรวบผมขายของตามปกติเพราะร้านตนเองและที่ลูกค้าขายของนั้นก็อยู่ห่างกันไม่ไกล แต่จู่ๆ ก็มาบอกว่าเกิดจากการยืดผมของร้านตนเอง และมาโพสต์สร้างความเสียหายให้ร้าน ซึ่งวันที่ลูกค้ามาช่วงต้นเดือนเมษายนนั้น ตนเองก็ได้คุยกับลูกค้าไปแล้ว ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดจากการยืดผม หากจะให้รับผิดชอบก็เป็นไปไม่ได้เช่นกัน ยืนยันอีกครั้งว่าไม่ได้เกิดจากการยืดผมของทางร้านหากยังไม่ออกมาแก้ข่าวก็จะมีการรวบรวมหลักฐานเข้าแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ขณะเดียวกันทางด้านคุณเหมยลูกค้าที่ออกมาโพสต์เรื่องราวดังกล่าวยังยืนยันกับผู้สื่อข่าวว่ามั่นใจว่าสาเหตุที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากการยืดผมของทางร้านและไม่ได้เกิดจากการฉีดวัคซีน หลังเกิดเรื่องขึ้นและผมร่วงก็ได้ไปคลินิกหาหมอและทำการตรวจหาสาเหตุ โดยหมอได้มีการซักถามว่าไปทำอะไรมาบ้าง ตนเองก็บอกว่าได้มีการยืดผมและก็ไม่ได้มีการทำอะไรเกี่ยวกับผมอีก หมอจึงวินิจฉัยว่าเกิดจากการแพ้สารเคมีรุนแรงและได้ให้ใช้แชมพูของทางคลินิก ส่วนแนวทางการรักษาขั้นตอนต่อไปนั้นจะต้องไปที่โรงพยาบาลเพื่อทำการฉีดยารักษาเท่านั้น อีกทั้งตนเองก็ได้ถามหมออยู่ว่าสาเหตุเกิดจากวัคซีนเป็นไปได้หรือไม่หมอยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้ ถ้าหากผมร่วงเกิดจากการฉีดวัคซีนคนอื่นๆ ก็ต้องร่วงด้วยตอนนี้ทราบว่าทางร้านจะเข้าแจ้งความตนเองก็พร้อมสู้คดีเพราะ มั่นใจว่าสาเหตุมาจากการยืดผมของทางร้านเพียงอย่างเดียว และครั้งที่ไปหาเจ้าของร้านช่วงต้นเดือนเมษายนนั้นก็เคยบอกไปแล้วหากไม่รับผิดชอบจะเข้าแจ้งความ ซึ่งตนเองก็พร้อมที่จะเดินหน้าร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรมเช่นกันเพื่อให้ทางศูนย์ดำรงธรรมได้มีการเรียกไกล่เกลี่ย โดยตนเองจะยื่นข้อเสนอให้ทางร้านรับผิดชอบเป็นค่าสินไหม เพราะตอนนี้งานก็ทำไม่ได้ไม่สามารถไปเจอผู้คนได้สภาพจิตใจก็ยำแย่ ไม่อยากจะส่องกระจก ทั้งนี้ตนเองก็พร้อมที่จะพูดคุยกับทางเจ้าของร้านเพื่อให้เรื่องดังกล่าวจบลงด้วยดี ยืนยันว่าสิ่งที่พูดนั้นเป็นเรื่องจริง

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook