แม่ใจสลาย หอบลูกน้อยป่วยหนักไป รพ. เจอบอก "รอแป๊บนึง" ก่อนลูกเกร็งดับต่อหน้า
แม่เผยนาทีบีบหัวใจ พาลูกชายวัย 3 ขวบ 5 เดือน ป่วยหนักไปหาหมอ เจอบอกให้รอแป๊บนึง ก่อนลูกเกร็งดับต่อหน้า
จากกรณีเฟซบุ๊กแฟนเพจ Social Hunter 2021 ได้มีการโพสต์ภาพร่างอันไร้วิญญาณนอนอยู่ในโลงศพของเด็กชายวัยแบเบาะคนหนึ่ง พร้อมระบุว่า "#น้องกำลังน่ารัก คุณแม่คนนึงเล่าว่าลูกชายจากไปต่อหน้าต่อตาเนื่องจากหมอไม่สนใจ ซึ่งข้อเท็จจริงทั้งหมด คาดว่าทาง รพ. น่าจะออกมาชี้แจงรายละเอียดเร็วๆ นี้ สุดท้ายต้องขอแสดงความเสียใจกับทางครอบครัวของน้องด้วยนะคะ
น้องมีอาการตัวร้อน 2 วัน พอกินยาก็หายตัวร้อน เล่นได้ กินได้ ร่าเริงปกติ จนเมื่อวานตอนเช้าน้องบอกหายใจไม่ออกกระสับกระส่าย รีบพาน้องไปโรงพยาบาล พอไปถึงหมอไม่เคยมาช่วยอะไร บอกไปแล้วว่าน้องหายใจไม่ออก ไม่มาดู
จึงจะย้ายไปรวมแพทย์ ยังไม่ทันย้าย น้องมีอาการเกร็ง ตาค้างตะโกนให้หมอมาช่วยถึงมาปั๊มหัวใจ หัวใจคนเป็นแม่ต้องทนเห็นลูกจากไปอย่างทุรนทุรายภาพมันยังติดตาทำใจไม่ได้จริงๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น”
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (25 เม.ย.) เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นในพื้นที่ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ และทราบว่า เด็กที่เสียชีวิตคือ ด.ช.ออกัส (ขอสงวนชื่อ-นามสกุล) วัย 3 ขวบ 5 เดือน บุตรของนายอัมรินทร์ และนางคีระยา
ซึ่งขณะนี้ร่างของน้องออกัสได้ถูกนำไปสวดอภิธรรมศพตามพิธีทางศาสนาที่วัดหนองลาดสามัคคี ต.หนองหวาย อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมพูดคุยสอบถามถึงเรื่องราวทั้งหมด
นางคีระยา ผู้เป็นมารดา เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา คนในครอบครัวของตนติดโควิดกันทั้งบ้าน และลามไปติดน้องออกัสลูกชายของตนด้วย แต่ก็ได้รับการรักษาจนหายแล้ว ซึ่งก็ไม่พบว่าน้องออกัสมีอาการข้างเคียงหลังจากที่รักษาหายแต่อย่างใด แต่ปรากฏว่าในวันที่ 23 เม.ย. น้องต้องมาจบชีวิต โดยแพทย์ได้ลงความการตายว่า น้องออกัสติดเชื้อในปอด ซึ่งเป็นผลข้างเคียงมาจากเชื้อโควิด
นางคีระยา ลงลึกในรายละเอียดว่า เมื่อวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา น้องออกัสเกิดอาการตัวร้อน แต่พอกินยารักษาตามอาการไข้ก็ลดลง ยังสามารถกินได้ เล่นได้ และร่าเริงตามปกติ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 23 เม.ย. จู่ๆ น้องออกัสก็มีไข้ขึ้นสูง หายใจไม่ออก อาการกระสับกระส่ายหนัก
ตนและสามีจึงได้รีบพาตัวน้องออกัสเดินทางไปรักษายังโรงพยาบาลประจำอำเภอทันที แต่เมื่อไปถึงไม่มีแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องคนใดเข้ามาช่วยเหลือน้องเลย ทั้งที่บอกอาการกับเขาไปหมดแล้วว่าอาการน้องค่อนข้างรุนแรง แต่เขาก็ไปให้รออยู่สักพัก
จนตนเห็นท่าไม่ดี จึงได้แจ้งบอกว่าจะย้ายโรงพยาบาลในพื้นที่ อ.เมือง จ.ชัยนาท แต่ในขณะที่กำลังเคลื่อนย้าย กลายเป็นว่าน้องออกัสเกิดอาการเกร็ง ตาค้าง อย่างทุรนทุราย จึงมีแพทย์ของโรงพยาบาลรีบเข้ามาช่วยเหลือ ทำการปั๊มหัวใจ แต่สุดท้ายก็ไม่ทันการณ์ น้องได้เสียชีวิตไปต่อหน้าต่อตาตน
"ภาพที่เห็นในวันนั้น มันเป็นภาพที่สุดช็อก และชีวิตต้องจำติดตาไปจนตาย เมื่อเห็นลูกของหนูเกร็งทุรนทุรายอย่างทรมาน แล้วก็สิ้นใจ จนหนูแทบอยากจะสิ้นใจตามลูกน้อยไปด้วย"
นางคีระยา กล่าวต่อไปว่า การที่ตนนำเรื่องราวไปแจ้งยังเพจ Social Hunter 2021 นั้น ตนไม่ได้ติดใจสาเหตุการเสียชีวิตของลูก ตนเข้าใจได้ว่ามันมีผลข้างเคียงมาจากเคยเป็นโควิด แต่สิ่งตนติดใจอย่างเดียว ก็คือโรงพยาบาล โดยเฉพาะแพทย์น่าจะใส่ใจดูแลให้มากกว่านี้
อย่างกรณีลูกของตน ถือว่ามีอาการหนัก แพทย์ควรต้องรีบเข้ามาตรวจดูวินิฉัยก่อน หากอาการแบบนี้ ควรที่จะต้องรักษาเร่งด่วน ควรที่จะต้องรีบรับไปรักษาทันที ไม่ใช่ปล่อยให้เวลาเลยผ่าน จนลูกตนทรุดหนัก แล้วถึงรีบมากระตือรือร้นรีบมาช่วยรักษาให้ ซึ่งระบบการรักษาของโรงพยาบาลก็เข้าใจกันมาตลอดอยู่แล้ว คำว่าเสี้ยวนาที มันมีความหมายอย่างไร
อย่างไรก็ตาม แม้นางคีระยาจะไม่พอใจที่แพทย์ไม่ช่วยรีบรักษาลูก แต่ก็ไม่ติดใจเอาความฟ้องร้องใดๆ เพียงแต่อยากนำเรื่องของลูกตนไปตีแผ่ให้เป็นอุทาหรณ์แก่โรงพยาบาล และแพทย์ผู้รักษาคนป่วยทุกๆ ราย
อยากให้ใส่ใจกับการรักษาคนป่วยให้มากกว่านี้ ไม่ใช่ป่วยหนักแล้วบอกให้ "รอแป๊บนึง รอแป๊บนึง" คำว่ารอ เลยไปเป็นชั่วโมง แบบนี้มันใช้ไม่ได้ และถ้าวันนั้นแพทย์ได้รักษาลูกตนอย่างสุดความสามารถ ตนก็จะไม่ติดใจอะไรเลย
ด้าน พญ.ศรุตา ช่อไสว ผู้อำนวยการโรงพยาบาลตาคลี อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ได้ชี้แจงกับผู้สื่อข่าวว่า เรื่องของน้องออกัส ทางโรงพยาบาลและเจ้าหน้าที่ทุกคนรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์เป็นอย่างมาก ที่น้องต้องเสียไปอย่างกะทันหันหันต่อหน้าผู้ปกครอง
แต่ต้องระบุก่อนว่า น้องออกัส เคยป่วยเป็นโรคโควิดมาเมื่อช่วงเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา และถึงแม้ว่าตอนน้องป่วย จะไม่มีอาการอะไรรุนแรง แต่เมื่อวันที่ 23 เม.ย. น้องเกิดอาการป่วยหนัก และมารดารีบนำตัวส่งมารักษา ก่อนจะเกร็งจนเสียชีวิต หมอได้วินิจฉัยว่าอาจจะเป็นภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หรืออาจจะเกิดจากภาวะแทรกซ้อนจากโควิด
ซึ่งทราบว่าหลังการเสียชีวิต แม่ของน้องไม่ประสงค์ขอให้ส่งศพไปชันสูตร แต่ถ้าหากแม่ยังติดใจทางโรงพยาบาลจะมีการไปประสานทางแม่ เพื่อนำศพน้องออกัส ส่งไปชันสูตรเพื่อสรุปสาเหตุการตายอย่างละเอียดอีกครั้ง
เมื่อถามถึงกรณีที่แม่ออกัสระบุว่า ตอนส่งน้องออกัสไปถึงโรงพยาบาลแล้วไม่มีแพทย์มารีบดูแล พญ.ศรุตา กล่าวว่า ในนาทีนั้น แพทย์ที่เข้าเวรประจำการได้รับผู้ป่วยโรคหัวใจ และผู้บาดเจ็บจากการประสบอุบัติเหตุมาพร้อมๆ กัน และฝ่ายของน้องออกัสนั้นมาที่หลัง จึงทำให้แพทย์ต้องเร่งรีบไปรับการรักษาของผู้ป่วยโรคหัวใจก่อน โดยให้ทีมเจ้าหน้าที่คอยดูอาการของน้องออกัสอยู่
แต่ในระหว่างที่จะเปลี่ยนไปตรวจวินิจฉัยให้กับผู้บาดเจ็บประสบอุบัติเหตุนั้น น้องออกัสก็เกิดมีอาการชักเกร็ง จึงทำให้แพทย์ต้องรีบเปลี่ยนช่วยรักษาน้องออกัสทันที โดยรีบพาตัวเข้าห้องฉุกเฉินไปปั๊มหัวใจแล้ว แต่ก็ไม่ทันการณ์
ขอยืนยันว่า ทางแพทย์โรงพยาบาลได้พยายามเร่งช่วยผู้ป่วยทุกคนอย่างที่สุดแล้ว แต่เนื่องจากตอนนั้นมีผู้ป่วยวิกฤติหลายราย และเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จนไม่ทันการณ์ และหลังจากเกิดเหตุการณ์ แพทย์ที่เข้ารับการรักษาในวันนั้นก็รายงานกับตนถึงเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยเสียงสั่นเครือแบบเสียใจสุดๆ