บ้านพักเด็กฯ รับเด็กสาว 15 ปีเข้าดูแล แม่บุญธรรมผวา เสี่ยเจ้าของรีสอร์ตตามถึงบ้าน
(25 เม.ย.65) เจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ , ปคม. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ลงพื้นที่ไปรับตัว น.ส.เอ (นามสมมติ) นักเรียน ม. 3 ผู้เสียหาย ที่ผู้ปกครองพาเข้าแจ้งความร้องทุกข์ว่าถูกเสี่ยเจ้าของรีสอร์ตบังคับให้ขายบริการ เพื่อนำไปดูแลคุ้มครองที่บ้านพักเด็กฯ
โดย น.ส.พัทธ์ธีรา ขุนชะ หัวหน้าหัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัว จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า วันนี้หลายหน่วยงานก็ได้ลงพื้นที่ติดตามเยี่ยมบ้านน้องที่พักอาศัยอยู่กับปู่และย่า เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือเรื่องสภาพความเป็นอยู่ เนื่องจากสภาพบ้านค่อนข้างทรุดโทรม ซึ่งก็จะได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดูแลซ่อมแซมบ้านผู้สูงอายุ สำหรับแนวทางการช่วยเหลือเด็ก
ในเบื้องต้นทางบ้านพักเด็กฯ ก็ได้รับคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กไว้ก่อน เพื่อดูแลเรื่องความปลอดภัยและสภาพจิตใจของเด็กที่ถูกกระทำด้วย ส่วนในเรื่องคดีความก็เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่จะดำเนินการตามกระบวนการขั้นตอน ส่วนการช่วยเหลือของพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ก็จะเตรียมความพร้อมเด็กเพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมเด็กในการเข้าพบทีมสหวิชาชีพ เพื่อสอบปากคำ หลังจากได้รายละเอียดแล้วก็จะเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่จะดำเนินการในเรื่องของคดีความต่อไป ซึ่งทาง พมจ.และบ้านพักเด็กฯ มีหน้าที่ในการช่วยเหลือคุ้มครองสวัสภาพของเด็ก
ส่วนที่ปู่กับย่าซึ่งเป็นผู้สูงอายุและพิการนั้น จากการตรวจสอบพบว่า ได้รับเบี้ยผู้สูงอายุและผู้พิการอยู่แล้ว สำหรับเรื่องการศึกษาของเด็ก ก็จะได้ประสานกับทางสถานศึกษา เพื่อให้การดูแลเรื่องการศึกษาต่อชั้น ม.4 โดยไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการเรียน นอกจากนั้นยังมีเงินสงเคราะห์ช่วยเหลือเด็กและครอบครัวยากจน ซึ่งทาง พมจ.ก็จะพิจารณาให้ความช่วยเหลือด้วยเช่นกัน ซึ่งเคสดังกล่าวทางผู้ว่าราชการจังหวัด และนายกเหล่ากาชาดจังหวัด ก็กำชับให้ดูแลช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ทั้งนี้เบื้องต้นก็ได้นำถุงยังชีพของกาชาดมามอบช่วยเหลือครอบครัวด้วย
ขณะที่นางน้อย (นามสมมติ) แม่บุญธรรม บอกว่า หลังจากพาน้องออกมาร้องขอความช่วยเหลือผ่านสื่อ และเข้าแจ้งความร้องทุกข์ กรณีที่น้องถูกบังคับขายบริการ เมื่อคืนประมาณ 2 ทุ่มกว่า เสี่ยเจ้าของรีสอร์ต พร้อมลูกน้องอีก 2 คนได้มาที่หน้าบ้านที่ตนอาศัยอยู่กับลูกชาย แล้วมาถามหาน้องซึ่งไม่รู้ว่าจะมาพบน้องเพื่อจุดประสงค์อะไร พอลูกชายบอกว่าตนกับน้องไม่อยู่ เสี่ยกับลูกน้องก็เดินทางไปที่บ้านปู่ย่าของน้อง ไปบอกปู่ย่าว่าน้องไปกู้ยืมเงิน 6,300 บาท แล้วไปสร้างความเดือดร้อนให้กับเสี่ย จากการที่เสี่ยซึ่งเป็นคู่กรณีที่ถูกกล่าวหาบังคับน้องขายบริการ บุกไปที่บ้านในยามวิกาลก็เหมือนกามคุกคาม ทำให้ทั้งตนและครอบครัวรู้สึกไม่ปลอดภัย แต่ก็ขอบคุณที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาคอยดูแลให้เป็นระยะ
ส่วนกรณีที่มีสื่อบางสำนักเสนอข่าวว่า แม่บุญธรรม โผล่มาจากไหนแล้วทำไมถึงต้องเป็นคนที่พาน้องไปแจ้งความหรือร้องขอความช่วยเหลือนั้น ก็ขออธิบายว่าความจริงว่า ตนเองไม่ได้เป็นญาติพี่น้องอะไรกับน้องผู้เสียหายเลย แต่เป็นคนที่น้องเคารพและไว้ใจ เนื่องจากลูกชายของแม่เป็น หัวหน้ากู้ภัยอยู่จุด อ.ละหานทราย แล้วน้องผู้เสียหายสนิทกับลูกชายและลูกสะใภ้ เนื่องจากช่วงที่น้องว่างจากเรียนหนังสือก็มาทำงานเป็นอาสากู้ภัยด้วย กระทั่งช่วงหนึ่งน้องมีปัญหากับที่บ้านเนื่องจากแม่เสียชีวิต ปัจจุบันอาศัยอยู่กับย่าที่ป่วยติดเตียง ปู่เป็นอัลไซเมอร์ ส่วนพ่อก็มีภรรยาใหม่ ก็ไม่ค่อยได้ดูแล จนบางครั้งน้องก็มากินนอนอยู่ที่หน่วยกู้ภัยฯ ของลูกชาย จนน้องคุ้นเคยกับลูกชายและลูกสะใภ้ดูแลกันเหมือนคนในครอบครัว และไม่ใช่แค่น้องคนเดียว ลูกข่ายอาสากู้ภัยอีกหลายคนก็พึ่งพาอาศัยและดูแลกันเหมือนคนในครอบครัวแบบนี้ แล้วในฐานะที่ตนเองเป็นแม่ของ หัวหน้าจุดกู้ภัยดังกล่าว คนที่เป็นลูกข่ายหรืออาสากู้ภัย เขาก็เลยเรียกตนเองว่าแม่และก็ให้ความเคารพนับถือ
ซึ่งก่อนที่ตนเองจะพาน้องออกมาร้องขอความช่วยเหลือ เพราะลูกชายโทรไปปรึกษา พอน้องเล่าความจริงให้ฟังและขอให้ตนเองช่วยเพราะอยากหลุดพ้นจากสิ่งที่ถูกกระทำ เราก็ช่วยแต่พอเข้าไปช่วยกลับมาถูกจับผิดทั้งยังมาถูกคุกคามจนครอบครัวต้องอยู่ด้วยความหวาดระแวง นอกจากนี้ยังมีคนมากล่าวหาว่าเดี๋ยวอีกหน่อยก็จะเปิดรับบริจาค ถือเป็นการกล่าวหาให้เสียหาย ซึ่งตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริงและไม่มีการเปิดรับบริจาคแน่นอน ที่ทำไปเพราะต้องการช่วยเหลือเด็กคนหนึ่ง ก็อยากขอร้องว่าให้นึกถึงเด็กคนหนึ่งที่ถูกกระทำมากกว่า แต่หากใครมากล่าวหาหรือคอมเมนต์อะไรให้ตนเสียหายก็พร้อมจะแจ้งความดำเนินคดีแน่นอน
อัลบั้มภาพ 5 ภาพ