ตำรวจภาค 1 แถลงขอโทษ ปมบาดแผลแตงโมโดนใบพัดเรือ เทียบภาพเคสต่างชาติ
ตำรวจภาค 1 แถลงปมบาดแผลแตงโมโดนใบพัดเรือเทียบเคสต่างชาติ ระบุ ต้องการชี้ให้เห็นบาดแผลรูปตัวเอส พร้อมขอโทษนำเสนอกำกวม ยืนยันไม่กระทบคดี
พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 พร้อมด้วยคณะทำงานนำทีมแถลงถึงกรณีภายหลังสรุปสำนวนคดีแตงโม นิดา หรือ นางสาวภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ เมื่อวันที่ 26 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยชี้แจงว่าบาดแผลขนาดใหญ่บริเวณขาขวาเกิดจากใบพัดเรือ ซึ่งได้ยกกรณีตัวอย่างโดยมีการอ้างอิงและเปรียบเทียบกับคดีในต่างประเทศที่ระบุว่ามีผู้เคราะห์ร้ายถูกใบพัดเรือชนิดเดียวกันปั่นขา
ขณะที่ชาวโซเชียลได้ตั้งข้อสังเกตว่าสรุปแล้วข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เนื่องจากสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าผู้เคราะห์ร้ายที่เป็นนักศึกษาสาววัย 21 ปี เคยได้รับบาดแผลดังกล่าวจากงานสังสรรค์ ตั้งแต่ปี 2019 โดยถูกของมีคมกรีดที่ขาขวา ซึ่งไม่ได้มีการกล่าวถึงใบพัดเรือแต่อย่างใด
พ.ต.อ.วรชาติ แสนคำ รอง ผบก.สส.ภ.1 กล่าวว่า ภาพที่นำมาอธิบายลักษณะบาดแผลเป็นรูปเว้าโค้ง โดยตำรวจได้ใช้คำว่าบาดแผลเว้าโค้งที่มีลักษณะเดียวกันในวันแถลงสรุปคดี เนื่องจากมีข้อจำกัดทางกฎหมายที่ไม่สามารถนำบาดแผลจากศพมานำเสนอได้ โดยแผลหลังการเย็บ จะมีรูปโค้งเว้าเป็นอักษรตัวเอส (S)
ซึ่งจุดประสงค์ทีมงานที่นำมาเสนอต้องการให้เห็นภาพบาดแผลว่าเป็นอย่างไร โดยภาพบาดแผลนั้น สามารถค้นหาได้ด้วยคำว่า Propeller Wound ซึ่งมีทั้งบาดแผลในคนและสัตว์ โดยตำรวจได้ศึกษางานวิจัยของต่างประเทศ ในเรื่องคนที่ถูกใบพัดเรือฟันในลักษณะต่างๆ
ยืนยันว่าตำรวจไม่สามารถบิดเบือนข้อเท็จจริงได้ในโลกที่ผู้คนสามารถค้นหาข้อมูลต่างๆ ได้เช่นปัจจุบัน จึงต้องขออภัยประชาชนที่นำภาพซึ่งไม่ได้ระบุแหล่งที่มาอย่างครบถ้วน จนทำให้เกิดความเข้าใจที่กำกวมและมีข้อสงสัย ซึ่งเจตนาจริง ตำรวจต้องการนำเสนอภาพบาดแผลที่คล้ายอักษรตัวเอส เท่านั้น
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่า เสียงบรรยายในคลิปที่มีการนำเสนอในวันสรุปสำนวนคดีอ้างอิงกรณีต่างประเทศถูกใบพัดเรือชนิดเดียวกันและแผลหลังการเย็บมีลักษณะเว้าโค้งเช่นเดียวกับแผลของแตงโม พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม ผบก.สส.ภ.1 กล่าวว่า ให้ย้อนกลับไปดูว่าพูดแบบนั้นจริงหรือไม่ พร้อมกล่าวขออภัยในการนำเสนอข้อมูลที่กำกวม
ส่วนกรณีที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ตั้งข้อสังเกตว่าบาดแผลบนศพมีจำนวนเพิ่มขึ้นจาก 11 แผลเป็น 22 แผล และเป็น 26 แผล โดยไม่มีการระบุที่มาของแผลเพิ่มเติมนั้น
ผบช.ภ.1 ระบุว่า เปิดเผยไม่ได้ และส่งสำนวนให้อัยการแล้ว หมดอำนาจในการสืบสวนสอบสวน ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ส่งผลต่อสาระสำคัญของคดี ส่วนประเด็นที่ผู้สื่อข่าวสอบถามว่ากรณีดังกล่าวเป็นการนำเข้าข้อมูลที่เป็นเท็จหรือไม่ พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ปฏิเสธที่จะตอบคำถามดังกล่าว