"พระพยอม" แนะหลวงพี่ย้อยต้องมีทีมงานพร้อม หลังแฉทิดกาโตะจนวัวพันหลัก

"พระพยอม" แนะหลวงพี่ย้อยต้องมีทีมงานพร้อมสรรพแบบหมอปลา หลังออกมาแฉทิดกาโตะจนกระแสตีกลับกลายเป็นวัวพันหลักอยู่ตอนนี้

เมื่อวานนี้ (1 พ.ค.) เวลา 17.30 น. พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว กล่าวกับผู้สื่อข่าวถึงกรณีของหลวงพี่กาโตะ ว่า หลวงพี่กาโตะคงจะถูกแรงกดดัน และเชื่อว่าสู้ไปก็คงจะมีแต่ช้างตกหล่ม ยิ่งดิ้นก็ยิ่งจม ก็เลยต้องสึกออกไป ก็ดีแล้วถ้าคิดได้ว่าอยู่ไปก็ทำให้ตัวเองทุกข์และศาสนิกที่เป็นญาติเป็นพี่น้องก็พลอยไม่สบายใจไปด้วย ถ้าไปแล้วเรื่องก็จบ แต่หลังจากนี้ก็อาจจะมีการสืบในเรื่องของเงินต่อไปอีก ว่าที่ผ่านมาใช้เงินส่วนตัวหรือเงินของวัด ถ้าเรื่องผู้หญิงจบก็เหลือเรื่องเงิน สเตทเม้นท์ การเบิกเอาไปใช้จ่ายยังไง ให้ใครอะไรยังไง ถ้าเขาไม่เดินต่อก็ถือว่าจบ แต่จบแบบเจ็บหรือไม่เจ็บก็อีกเรื่องหนึ่ง

ในส่วนของการที่ขอสึกเองแล้วอีก 2-3 ปี จะกลับเข้ามาบวชใหม่นั้น พระพยอมกล่าวว่า ก็ต้องไปตรวจสอบดู สืบดูว่าถ้าเรื่องของเงิน ถ้ามีการโกงเงินเกิน 1,000 บาท ก็ไม่สามารถกลับมาบวชใหม่ได้ ขาดโอกาส ไม่สามารถมาบวชใหม่ได้ แล้วถ้าเรื่องสืบไปว่าฝั่งผู้หญิงยืนยันว่าจริง ก็ไม่สามารถกลับมาบวชใหม่ได้เช่นกัน แต่ถ้าผู้หญิงไม่ยืนยันก็ถือว่าบริสุทธิ์ไป เข้าข่ายยกโทษให้จำเลยไป  ที่สำคัญคือ เรื่องของเงินในกรณีนี้ต้องดูว่า ใช้เงินส่วนตัวหรือเงินของวัด ถ้าเป็นเงินของวัด นำไปใช้อะไร ถ้าใช้ในการก่อสร้างเกี่ยวกับวัดก็ไม่น่าจะมีปัญหา แต่ถ้าให้ผู้หญิงก็ยุ่งแน่ๆ

นอกจากนี้ พระพยอมยังกล่าวเสริมอีกว่า อยากฝากไปถึงหลวงพี่ย้อย ตอนนี้ทุกข์หนักร้องไห้ร้องห่ม เวลาจะเป็นโจทก์อะไรกับพระเนี่ย ต้องมีหลักฐานชัดเจนและอย่าไปทำลุยเดี่ยว อย่าไปเป็นพระเอกคนเดียว ต้องมีสตาฟทีมงาน เพราะตอนนี้เหมือนจะเข้าตัวเขาเองด้วย ยกตัวอย่างของหลวงปู่มั่นที่เคยพูดไว้ว่า "แฉเรื่องจริงก็จริง แต่แฉแล้วประโยชน์ไม่เกิดกับใครเลย ตัวเองก็ได้รับโทษ ทางนั้นก็ได้รับโทษ" จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ แต่ถ้าจะทำจะต้องพร้อม มีทีมงานเหมือนหมอปลา เวลาที่เขาจะไปไหนเขาจะมีทีมงาน พร้อมเจ้าหน้าที่บ้านเมืองด้วย ทั้งสำนักพุทธ ตำรวจด้วย อะไรทำนองนี้ ถ้าทำได้แบบนี้ถือว่าปลอดภัย เพราะตอนนี้กระแสก็กำลังตีกลับไปที่พระย้อย กลายเป็นวัวพันหลักไปซะแล้ว กรณีนี้ถ้าจะแฉจะมัดแล้วอ้างว่าปกป้องคุ้มครองพระศาสนาให้บริสุทธิ์จะต้องมีหลักฐานเป๊ะ คือตัวเองไม่เดือดร้อน