"ซาร่า คาซิงกินี" เปิดอก ปรี๊ดแตกเพราะถูกคนใกล้ตัวกล่าวหาว่าละเลยลูก
เรียกว่าเกิดอารมณ์ปรี๊ดขึ้นมาในทันที สำหรับคุณแม่ลูกสอง ซาร่า คาซิงกินี เมื่อจู่ๆ ได้ถูกคนใกล้ตัวใช้คำพูดที่ค่อนข้างรุนแรงว่า เธอนั้นละเลยลูก
งานนี้ เมื่อมีโอกาสได้เจอ ซาร่า จึงได้สอบถามถึงประเด็นดังกล่าว โดยเจ้าตัวได้เผยว่า คนที่พูดคือเพื่อนสนิท ซึ่งได้เคลียร์ใจกันแล้ว แต่ก็ยังมีอารมณ์โกรธอยู่บ้าง ส่วนสาเหตุที่ทำให้โพสต์ข้อความดังกล่าวลงไปเพราะแค่อยากระบายในมุมของตัวเองก็เท่านั้นเอง
ถามประเด็นที่เราโพสต์ตัดพ้อ โดนชาวเน็ตว่าเรื่องละเลยลูก ?
"ไม่ใช่ชาวเน็ตค่ะ ถ้าเป็นชาวเน็ตอะไม่เอามาเป็นประเด็น เพราะคนร้อยพ่อพันแม่ เขาอาจจะไม่รู้จักเราจริงๆ อาจจะตัดสินเราจากข่าว อันนี้ซาร่าไม่ได้เอามาเป็นสาระสำคัญ ถ้าไม่ได้หยาบคายมาก แต่ถ้าพาดพิงถึงบุพการีหรือลูกเราอันนี้ไม่โอเค แต่ถ้าว่าเรา เรารับมือกับมันได้"
"ส่วนที่โพสต์เป็นคำพูดจากเพื่อน ตอนได้ฟังก็เลยรู้สึกว่าก็มีอารมณ์ ว่าเฮ้ย…เขาเป็นเพื่อนเรา ทำไมพูดกับเราแบบนี้ ก็มีทะเลาะกับเพื่อนนิดหนึ่ง แต่ก็เคลียร์แล้ว ตอนเขาว่าเรา เราก็ขึ้นปุ๊บ เขาก็ลง แล้วเขาก็บอกว่าเขาไม่ได้ว่าเรา แต่เราบอกว่าเขาว่าเรา"
กระทบจิตใจขั้นไหน ถึงกับต้องโพสต์ ?
"เหมือนกับวันนั้นเขาไปงานวันเกิด เขาดื่มมาด้วย เขาก็มาพูดกับเราว่าเราละเลยลูก ก็เลยถามว่าทำไมถึงพูดแบบนั้น เขาบอกว่าเขาเป็นห่วงเรา ว่าคนภายนอกมาเห็นเราภายในไม่กี่วินาที เหมือนที่ตัวเขาเห็นก็จะตัดสินเราภายในไม่กี่นาที ถ้าเหตุการณ์นั้น มีคนอื่นมองเข้ามาเขาอาจจะมองว่าเราละเลยลูก แต่ตอนนั้นเราฟังแล้วไม่โอเค ทำไมถึงคิดแบบนั้น ซึ่งประเด็นคือเราอยู่บนโต๊ะอาหารกัน มีน้องแม็กซ์เวลอยู่ด้วย แล้วเขาบอกให้เราอ่านเมนูอาหารให้หน่อย เขาอ่านไม่ได้ แค่นั้นแหละ เพื่อนคนนั้นก็ว่าเรา ซึ่งเราก็บอกไปว่าเราไม่ได้แคร์คนอื่น ยังไงคนอื่นก็ตัดสินจากเราไม่กี่วินาที แต่นี่เป็นเพื่อนเราไง ถามว่าคนนี้สนิทกันไหม สนิทกัน ซึ่งเขาก็บอกว่าเขาไม่ได้ว่าเรา เขาแค่มองว่าคนอื่นจะมาว่าเรา แต่เราฟังแล้วไม่สบอารมณ์"
"คือเราเป็นแม่ เวลาเกิดอะไรขึ้น ทุกคนก็จะโทษแม่ ก็เป็นปกติเนอะ แต่เรารู้สึกว่าแม่ไม่ใช่ยอดมนุษย์ ไม่ใช่ซุปเปอร์ฮีโร่ เราก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง มีชีวิตจิตใจ แล้วเราทำหน้าที่เยอะมากในหนึ่งวัน ลูกก็ต้องเลี้ยง งานก็ต้องทำ เงินก็ต้องหา เราก็พูดกับเพื่อนไปตรงๆ ว่ายังจะว่าเราอีกเหรอ ด้วยวัยแม็กซ์เวลไม่ใช่วัยที่จะอ่านหนังสือได้ เขาเพิ่งเรียนการอ่านได้เป็นคำๆ ส่วนเมนูอาหารเป็นประโยคยาว เด็กเขาอ่านไม่ได้ทุกคำเขาก็เลยจะให้แม่อ่านว่ามีเมนูอะไรบ้าง คือน้องไม่ได้พัฒนาการช้า หรือมีปัญหา ถ้ามีปัญหาครูเขาจะแจ้ง หรือไปพบหมอก็จะแจ้งว่าน้องไม่ยอมเขียนไม่ยอมอ่าน แต่ลูกเราปกติ ดังนั้นคุณจะมาพูดหรือตัดสินเราภายใน 5 วินาที หรือได้รู้ว่าน้องกำลังเรียนอะไรอยู่ ถ้าเป็นคนอื่นพูดเราจะไม่แคร์ แต่พอเป็นเพื่อนก็เลยไม่โอเค ก็อธิบายกัน แต่สุดท้ายก็ขอโทษเรา สุดท้ายเขาก็รู้ว่าเราทุ่มเทกับลูกแค่ไหน"
เคลียร์ใจกับเพื่อนเรียบร้อยใช่ไหม ?
"ก็เคลียร์ แต่ก็โกรธ (หัวเราะ) ระหว่างคุยกันไปก็พิมพ์ในเฟซบุ๊กไปทีเดียวเลย เขาก็ถามว่าทำอะไรดังกึกๆๆ ก็บอกพิมพ์อยู่โกรธมาก (หัวเราะ) เหมือนเราอยากระบาย"
กลัวความสัมพันธ์กับเพื่อนคนนี้จะลดลงไหม ?
"คือเพื่อนคนนี้เป็นคนพูดแบบนี้แหละ เขาก็รักเรา เขาเป็นห่วง สุดท้ายที่เขาพูดคือว่าถ้าวันนั้นถ้ามีคนอื่นได้ยินประโยคนี้ว่า แม็กซ์อ่านหนังสือไม่ได้ แล้วเขาจะจ้องมาที่เราแบบนี้ แต่เราก็บอกไปปล้วว่าเราไม่ได้แคร์คนอื่นเลย คนอื่นก็ไม่ได้อยู่กับเรา 24 ชั่วโมง ไม่ได้อยู่ในโมเมนต์ตั้งท้อง 9 เดือน เราต้องเจออะไรบ้าง เรารับส่งลูกไปโรงเรียน กลับมามีการบ้านเราต้องตรวจ มันหลายอย่างมากในหนึ่งชีวิตที่เราไม่ได้ประกาศให้คนรู้เกี่ยวกับลูก เราก็โพสต์แต่ความสุข อยากให้คนติดตามเห็นแต่ความสุข ไม่อยากให้เป็นพลังลบค่ะ"
กับลูกถือเป็นเรื่องใหญ่อันดับหนึ่ง ?
"ใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของเราเลย เราไปไหนลูกจะติดตัวเราเลย ถ้าลูกไม่มีเรียน ถ้าคนติดตามจะรู้ ว่าเราไปไหนมีลูกไปด้วยทุกที่"
อีกประเด็นหนึ่งเวลาไลฟ์ คนจะคอมเมนต์ว่าเอาลูกมาหากิน ?
"ไม่รู้สึกอะไร เรามองว่าเราเลี้ยงลูก ไม่ได้บังคับให้เขามานั่งไลฟ์กับเรา เขาเห็นบทบาทหนึ่งที่เราเป็นอาขีพแม่ค้าออนไลน์ขายของ ลูกเห็นเราทุกวันๆ เขาซึมซับที่เราขายของ เป็นเรื่องที่ดีนะ ที่เขาตัวแค่นี้แล้วเขาติดว่าจะช่วยแม่ทำมาหากิน เราไม่ได้บอกให้ลูกไปตำน้ำพริกสิ เขาแค่มาสนุกกับตอนที่เราขายของ แต่อยากพูดอยากขาย ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่สอนเขาให้เรียนรู้หนิ ชีวิตคนหนึ่งมันสั้นไม่รู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรบ้าง ถ้าวันหนึ่งเราไม่อยู่ อยากน้อยตรงนี้สิ่งที่เขาเป็นก็ทำให้เขาๆด้เรียนรู้ว่าจะใช้ชีวิตยังไง ทำมาหากินยังไง แม่เขาเป็นตัวอย่างที่ดี เราไม่ได้ทารุณลูกไม่ได้บังคับเขาว่าต้องมานั่งอยู่ตรงนี้ มันเป็นความเต็มใจที่เขาอยากจะมาอยู่กับเรา เวลาเขานั่งอยู่นานเขาเบื่อก็ลุกออกไปเราก็ไม่ได้ว่าอะไร
หลายคนยังไม่มูฟออนเรื่องเก่าของเรา ?
"มีค่ะ (จัดการยังไง?) ไม่ได้คิดอะไรมาก รู้อยู่แล้วว่าสิ่งที่เราทำคือไม่ใช่เรื่องไม่ดี เรารู้ว่าแต่ละวันมีจุดมุ่งหมายอะไร เราทำทุกอย่างเพื่อเลี้ยงดูลูกเราทั้งคู่ ตราบใดที่ยังมีชีวิตแล้วไม่ได้ไปเบียดเบียนคนอื่น หรือทำให้คนอื่นเดือดร้อน ก็ไม่ได้กลัวว่าทำแบบนี้แล้วคนจะด่า ที่ฉันทำแบบนี้มันดีกับตัวเราและลูก ส่วนใครจะว่าเป็นเรื่องของเขาแล้ว ไม่เก็บมาเป็นสาระแล้ว แต่จะรู้สึกถ้าเป็นคนใกล้ตัวพูด ก็จะรู้สึกว่าไม่รู้จักเราเหรอ เธอรู้จักฉันหนิ อันนี้ไม่น่ามาว่าฉันนะ พูดง่ายๆ ว่าถ้าเป็นคนที่เรารัก เป็นเพื่อน ครอบครัวถ้าพูดเราจะรู้สึกมีอารมณ์อ่อนไหว แต่ถ้าเป็นคนอื่นปล่อยผ่าน แต่ถ้ารุนแรงถึงลูกถึงพ่อแม่ก็จะไม่โอเคแล้ว ไม่ปล่อย ฟ้องเลย"
ที่ผ่านมาทำให้เราแกร่ง ?
"ก็เป็นตั้งแต่ตอนแม็กซ์เวลแล้ว เรื่องราวดราม่าไม่ใช่เพิ่งมาเกิดตอนเอมมิลี่ ตอนแม็กซ์เวลเราโดนตลอดทั้งจากแฟนคลับชาวจีน จากฝั่งที่เขาเลือกข้าง ซึ่งหลายคนอาจจะไม่ได้โฟกัสว่าเราโดนอะไรบ้าง แต่จริงๆ เราโดนไดเรกต์ตั้งแต่ท้องแม็กซ์เวลแล้ว เวลาตรงนี้ก็ 7-8 ปีแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมาโดน ก็รับมือกับมันได้"
7-8 ปี เวลาไม่ใช่น้อยๆ เลย ?
"ถ้าเรามีความสุขเราก็ทนได้ แต่มุมที่ไม่สนุกก็เหนื่อยเนอะ บางทีคนเราเลี้ยงลูกทำงานก็จะมีนอนน้อย พักผ่อนไม่พอ อารมณ์มันก็จะสวิง ตอนที่ท้องเอมมิลี่ตอนนั้นรู้สึกดาวน์ แต่โชคดีลุกขึ้นได้ ฟื้นตัวเองได้ ไม่มีใครแข็งแกร่งตลอดเวลาหรือ เราก็แต่ผู้หญิงคนหนึ่ง ก็มีร้องไห้ฟูมฟาย คิดมาก คิดสั้นก็เคยเกิดขึ้น"
ไม่ค่อยมีคนรู้มุมนี้ ?
"ใช่ เราเป็นคนที่พยายามเข้มแข็ง ไม่อยากให้ใครมาทุกข์กับเรา อยากให้คนที่อยู่ข้างเรามีความสุขกับเรา มุมที่ทุกข์ๆ ก็เก็บเอาไว เก็บไว้เยอะ เวลามันตู้มออกมาก็หนักเลย"
กลัวไหมเก็บไว้เยอะๆ แล้วมันส่งผลให้ซึมเศร้า ?
"อันนั้นเคยมีปรึกษาคุณหมอ เคยมีคิดว่าเราเป็นอะไรหรือเปล่า ก็ปรึกษาหมดเลย คิดว่าคุณหมอน่าจะรู้ดีกว่าว่าเราปกติหรือเปล่า เคยมีภาวะเป็นซึมเศร้าช่วงหนึ่งเป็นภาวะหลังคลอดระยะสั้นๆ ที่ตอนนั้นคิดสั้น ก็ผ่านมันมาได้ค่ะ"
อัลบั้มภาพ 12 ภาพ