"จ่าสิงห์ ผู้กองเจ้าเสน่ห์" รู้ทัน แก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรมาหลอก สวมบทเหยื่อสู้กลับ

"จ่าสิงห์ ผู้กองเจ้าเสน่ห์" รู้ทัน แก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรมาหลอก สวมบทเหยื่อสู้กลับ

"จ่าสิงห์ ผู้กองเจ้าเสน่ห์" รู้ทัน แก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรมาหลอก สวมบทเหยื่อสู้กลับ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ตลกชื่อดัง หนุงหนิง สิงหราช หรือ จ่าสิงห์ จากซิตคอมผู้กองเจ้าเสน่ห์ พบตำรวจ ปอท. หลังถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรมาหลอกถามข้อมูลส่วนตัว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (6 พ.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน จตุจักร กทม. นายสุวัฒน์ ทับทวี อายุ 47 ปี หรือ หนุงหนิง สิงหราช นักแสดงตลกชื่อดัง เจ้าของบท จ่าสิงห์ ในซิตคอมเรื่องผู้กองเจ้าเสน่ห์ ทางทีวีช่อง 3 และ ช่อง one31 เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.สถา ด้วงเอียด รอง สว.(สอบสวน) กก.2 บก.ปอท. แจ้งความกรณีที่ถูกกลุ่มบุคคลสงสัยว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมือง ชลบุรี โทรมาพยายามเอาข้อมูลส่วนตัว

นายศุภฤกษ์ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 3 พ.ค. ที่ผ่านมา มีโทรศัพท์โทรเข้ามาหาตนก่อนอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขอแอดไลน์เพื่อสนทนา ขณะที่ตนอยู่ที่บ้านพัก ซึ่งตนเห็นเบอร์แปลกๆ จึงบอกภรรยาให้เตรียมหยิบมือถือถ่ายอัดคลิปไว้ก่อนรับสายทางไลน์ที่ใช้ชื่อ สภ.ชลบุรี

โดยสายที่โทรมาขอเปิดกล้องให้เห็นหน้าเพื่อยืนยันว่าเขาเป็นตำรวจจริงชื่อ ส.ต.ท.ภานุรุต แจ้งว่าเมื่อวันที่ 3 มี.ค.65 ได้มีการนำข้อมูลส่วนตัวของตนไปใช้เช่ารถกระบะฟอร์ดเรนเจอร์ สีขาว หมายเลขทะเบียน 4420 ชลบุรี เป็นรถในคดีจราจร

ซึ่งตนเองปฏิเสธไปว่าไม่เกี่ยวข้อง ไม่รู้จัก ไม่เคยมีรถกระบะดังกล่าว ตนมีหลักฐานยืนยันว่าวันเวลาดังกล่าวสามารถตรวจสอบได้จากเฟซบุ๊กส่วนตัวขณะนั้นอยู่ที่บ้านแฟนที่ชัยบาดาล จ.ลพบุรี

จากนั้นก็ปลายสายขอทราบว่าข้อมูลส่วนตัวของตนรั่วไหลไปทางใดหรือเปล่า ตนตอบไม่ทราบ แต่จำได้ว่าหลายเดือนก่อน เคยให้ข้อมูลไปกับบุคคลหนึ่งที่ทำโครงการจิตอาสากลุ่มหนึ่ง ที่ จ.เชียงใหม่ ขอเอกสารข้อมูลจะไปออกบัตรสมาชิก จึงให้ไปทั้งเลขบัญชีธนาคาร บัตรประชาชน รูปถ่าย

จากนั้นเขาได้วิทยุสื่อสาร สอบถามฝ่ายทะเบียนของ สภ. ได้รับข้อมูลเพิ่มเติมว่าชื่อและเลขบัตรประชาชนของตนไปเกี่ยวข้องการคดียาเสพติดและการฟอกเงินของนายวิชิต โดยมีชื่อตนได้ขายบัญชีธนาคารกสิกร ภายในราคา 1.2 หมื่นบาท ในช่วงเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา มีเงิน 6.9 ล้านบาทเข้ามา ก่อนยอดเงินในบัญชีหายไป 2.5 ล้านบาท

ซึ่งผกก.สภ.ชลบุรี มีคำสั่งให้ติดตามเงินที่หายไปขอตรวจสอบบัญชีผู้ต้องสงสัยทั้งหมดในคดี ขอให้ทำการสอบสวนอย่างละเอียด และแจ้ง ว.5 ไปยัง ทาง พ.ต.อ. ภาคภูมิ ผกก.สภ.ชลบุรี ทราบ พร้อมกับให้อายัดเงินในบัญชีทั้งหมด

ตนรู้สึกตัวว่าน่าจะเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อาละวาดหลอกลวงให้โอนเงิน ได้สอบถามชื่อตำรวจที่โทรมาอีกครั้ง ก่อนจะคุยต่อด้วยการสวมบทเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ซะเลย โดยถามกลับไปว่า เพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจไม่เกี่ยวข้องกับคดียาเสพติดและการฟอกเงินดังกล่าว ตนจะต้องทำอย่างไรบ้าง

ปลายสายแจ้งว่า ผกก.ได้ให้ตรวจสอบ 1.นายพิชิต ซื้อสมุดบัญชีจากตนไปราคา 1.2 หมื่นบาทจริงหรือไม่ ตนปฏิเสธว่าไม่ได้ซื้อ 2.นายพิชิต ได้โอนเงินจำนวน 2.5 ล้านบาทไปบัญชีสุวัฒน์ ของตน ปฏิเสธว่าไม่จริง 3.นายพิชิตที่ถูกจับกุมได้ ระบุว่าตนของ 10 เปอร์เซ็นต์ของการฟอกเงิน ตนปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง

ปลายสายแจ้งต่อว่า ถึงแม้ตนจะปฏิเสธแต่ก็ยังตกเป็นผู้ต้องสงสัย แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะตกเป็นผู้ต้องหา เขาขอทำการตรวจสอบบัญชีของสุวัฒน์ ทั้งหมดทุกบัญชี ขอแค่เลขบัญชี 4 ตัวท้ายเท่านั้นและเป็นบัญชีอะไรบ้างเพื่อทำการเปรียบเทียบกับบัญชีคนร้าย ตนจึงปฏิเสธไม่ยอมให้

เขาขู่ว่าถ้าไม่ยอมบอกก็ให้รอหมายเรียกมาเพื่อไปพบที่ สภ.ชลบุรี ถ้าไม่ไปพบก็จะออกหมายจับ โดย พ.ต.อ.ภาคภูมิ ผกก.สภ.ชลบุรี จะทำการอายัดบัญชีธนาคารของตนทุกบัญชีไว้ก่อน จากนั้นก็วางสายไป

หนุงหนิง สิงหราช กล่าวทิ้งท้ายว่า วันนี้จึงมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่เกี่ยวข้อง กับขบวนการค้ายาเสพติดและการฟอกเงินแต่อย่างใด

เบื้องต้น พนักงานสอบสวนได้ตรวจสอบก่อนแนะนำผู้เสียหายแจ้งความทางออนไลน์ก่อน

ด้าน พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ขอประชาสัมพันธ์และแจ้งเตือนประชาชน เกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่หลอกลวงเหยื่อโดยทำให้ตกใจกลัวว่าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดที่มีอัตราโทษสูง เช่น ยาเสพติด ค้ามนุษย์ ฟอกเงิน เป็นต้น

นอกจากนี้ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้พยายามใช้เทคโนโลยีทุกรูปแบบเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้เหยื่อหลงเชื่อ ในส่วนของการสืบสวนปราบปราม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ดำเนินการอย่างเข้มข้นมีการจับกุมผู้ร่วมขบวนการทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง

อยากฝากให้พี่น้องประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารโดยเฉพาะรูปแบบการกระทำความผิดของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่มีการพัฒนารูปแบบการหลอกลวงอยู่โดยตลอด เพื่อที่จะรู้เท่าทันไม่ตกเป็นเหยื่อและขอยืนยันว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่มีนโยบายให้ประชาชนโอนเงินในบัญชีธนาคารมาให้เจ้าหน้าที่เพื่อตรวจสอบ

ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบว่ามีบุคคลใดแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือขอให้ท่านโอนเงินไปให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ให้สันนิษฐานว่าอาจเป็นมิจฉาชีพมาหลอกลวงท่าน อย่าหลงเชื่อ และกรุณาแจ้งเบาะแสไปยังสายด่วน 191 หรือ สายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

อัลบั้มภาพ 7 ภาพ

อัลบั้มภาพ 7 ภาพ ของ "จ่าสิงห์ ผู้กองเจ้าเสน่ห์" รู้ทัน แก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรมาหลอก สวมบทเหยื่อสู้กลับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook