"หมออั้ม" อธิบายชัด "ยาเสียสาว" ไม่ได้มีฤทธิ์กระตุ้นอารมณ์ทางเพศ แต่ทำให้ง่วง

"หมออั้ม" อธิบายชัด "ยาเสียสาว" ไม่ได้มีฤทธิ์กระตุ้นอารมณ์ทางเพศ แต่ทำให้ง่วง

"หมออั้ม" อธิบายชัด "ยาเสียสาว" ไม่ได้มีฤทธิ์กระตุ้นอารมณ์ทางเพศ แต่ทำให้ง่วง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หมออั้ม อธิบายชัดยา Alprazolam หรือ ยาเสียสาว เป็นยารักษาอาการวิตกกังวล ไม่ได้มีฤทธิ์กระตุ้นอารมณ์ทางเพศผู้ใช้ แต่อาจมีอาการง่วงซึม เบลอ หรือตื่นมาพร้อมกับความทรงจำระยะสั้น ที่หายไป

จากกรณี พ.ต.ท.กีรป กฤตธีรานนท์ เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้เปิดเผยผลการตรวจเลือดพยานบุคคลในเรือ ในคดี น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม นิดา ดาราสาวที่เสียชีวิต โดยว่าพบสารกลุ่มเบนโซไดอาซิปินส์ ชนิด Alprazolam หรือ ยาเสียสาว จำนวน 1 ราย

ล่าสุด วันนี้ (10 พ.ค.) เฟซบุ๊กแฟนเพจ เรื่องเล่าเช้านี้ มีรายงานข้อมูลจาก หนุ่ม กรรชัย ซึ่งได้เปิดเผยผ่านรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ช่อง 3 ระบุว่า เชื่อว่าสารดังกล่าวถูกพบในร่างกายของ ปอ ตนุภัทร เนื่องจากเคยติดต่อสอบถามปอ ยอมรับว่าเป็นตนเองที่พบยา Alprazolam หรือ ยาเสียสาว ซึ่งยาที่ใช้เป็น Alprazolam ขนาด 0.5 มิลลิกรัม โดยได้มาจากคลินิกแห่งหนึ่ง อ้างว่าเพื่อกินแก้เครียด

ล่าสุก เฟซบุ๊ก อั้ม อิราวัต ของนายแพทย์อิราวัต อารีกิจ ได้ออกมาโพสต์อธิบายในเรื่องของยา Alprazolam หรือ ยาเสียสาว ระบุว่า "อ่านข่าวแล้วงงๆ เรื่องยา Alprazolam ซึ่งชื่อทางการค้า ยี่ห้อที่คุ้นหูสุด คือ Xanax ประเด็นอยู่ที่สื่อเล่นคำ ว่าเป็น ยาเสียสาว หรือยาเสียตัว จนกลายเป็น ความเชื่อผิดๆ จริง ๆ แล้ว มันเป็นยารักษาอาการวิตกกังวล อาการแพนิค (ตื่นตระหนก) รวมไปถึง โรคซึมเศร้า บางครั้งใช้เป็นยานอนหลับ ในกรณีที่จำเป็น

โดยตัวยาจะไม่มีสี ไม่มีกลิ่นและแน่นอนครับ ว่ายาในกลุ่มนี้ ไม่ได้มีฤทธิ์กระตุ้นอารมณ์ทางเพศผู้ใช้ หากรับประทานเอง ก็จะมีอาการง่วงซึมและเป็นยาอันตราย หากทานร่วมกับยาอื่นๆ โดยเฉพาะหากใช้ร่วมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือแม้แต่การใช้ร่วมกับยาเสพติดชนิดอื่นๆ การใช้ในทางอาชญากรรมกับบุคคลอื่น ใช้เพื่อหวังผลให้ผู้อื่น ง่วง หลับ ซึม เบลอ หรือตื่นมาพร้อมกับความทรงจำระยะสั้น ที่หายไป เพื่อก่ออาชญากรรมในทรัพย์สินและร่างกาย

กรณีที่เป็นข่าวดังในขณะนี้หากเป็นการตรวจ ณ วันเกิดเหตุหากร่างผู้เสียชีวิต ไม่มี Alprazolam ในร่างกาย โอกาสจะเป็นอาชญากรรม ในประเด็นเรื่องยาก็จะน้อยลง ในมุมของการมอมยา เพราะแค่ตรวจพบในร่างกายผู้ต้องหามันบอกอะไรไม่ได้มาก บอกได้แค่ว่ามีการใช้ยาและแน่นอนว่า ใช้กับตัวเขาเอง ด้วยเหตุผลอื่นๆ แต่หากเป็นกรณีตรวจพบยาในร่างผู้เสียชีวิตจะเป็นอีกประเด็นหนึ่ง ที่ พลิกคดี ได้และแน่นอน ว่าผลจะคลาดเคลื่อนสูง หากไม่ได้รับการตรวจแบบทันท่วงที"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook