บุกรวบพ่อค้าสัตว์ป่าคุ้มครองรายใหญ่ พบของกลาง "ลูกเสือ-นกเงือก" รวม 10 ชีวิต
บุกรวบพ่อค้าสัตว์ป่าคุ้มครองรายใหญ่ พร้อมของกลางเป็นลูกเสือและนกเงือก รวม 10 ชีวิต เสนอขายมูลค่ารวม 460,000 บาท
วันนี้ (13 พ.ค.) เวลา 16.00 น. ศูนย์ปราบปรามการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปทส.ตร.) ร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาครอบครอง และค้าสัตว์ป่าคุ้มครอง ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา
พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศปทส.ตร กล่าวว่า ได้รับข้อมูลว่ามีกลุ่มนายทุนลักลอบค้าเสือ และนกหวงห้ามจำพวกนกกาฮัง และนกกรามช้าง ซึ่งล่ามาจากป่าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ โดย กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ทำการสืบสวนร่วมกับ ชุดเหยี่ยวดง กรมอุทยานแห่งชาติฯ จนทราบว่าจะมีการขายลูกเสือ ลูกนกกาฮัง และลูกนกกรามช้าง ในบริเวณที่เกิดเหตุซึ่งเคยขออนุญาตประกอบกิจการสวนสัตว์ เมื่อปี พ.ศ. 2557 แต่ขาดต่อใบอนุญาติเมื่อปี พ.ศ. 2562 โดยมีนายเคียง (สงวนนามสกุล) เป็นเจ้าของสถานที่ และเป็นผู้ขายสัตว์ป่าดังกล่าว
ทั้งนี้ นายเคียง เสนอขายลูกเสือ อายุประมาณ 3 เดือน จำนวน 2 ตัวๆ ละ 400,000 บาท นกกาฮัง 6 ตัว และนกกรามช้าง จำนวน 2 ตัวๆ ละ 20,000 บาท มูลค่ารวมกันทั้งสิ้นประมาณ 460,000 บาท โดยนำตัวผู้ต้องหา พร้อมด้วยของกลาง ส่ง พงส.สภ.โนนสูง จว.นครราชสีมา เพื่อสอบสวนดำเนินคดีต่อไป สำหรับการสืบสวนจับกุมในครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนข้อมูลการสืบสวนจากมูลนิธิฟรีแลนด์ จนสามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้
การกระทำดังกล่าว มีความผิดตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มาตรา 17 ในข้อหาร่วมกันมีสัตว์ป่าคุ้มครอง และซากของสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดี อัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
และมาตรา 29 ในข้อหาร่วมกันค้าสัตว์ป่าคุ้มครองและซากของสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดี อัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
หากพบพยานหลักฐานว่ามีการนำสัตว์ป่า ซึ่งเป็นสัตว์ควบคุมลักลอบเข้ามาจากต่างประเทศอาจเป็นความผิดในข้อหานำเข้าซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครอง สัตว์ป่าควบคุม (สัตว์ไซเตส) ชากสัตว์ป่าดังกล่าว โดยไม่ได้รับอนุญาต อัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 23
ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 10.00 น. คณะเจ้าหน้าที่ ประกอบด้วยชุดปฏิบัติการปราบปรามการกระทำความผิดด้านสัตว์ป่าและพืชป่า (ชุดเหยี่ยวดง) ชุดปฏิบัติการพิเศษ 1362 สำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า เจ้าหน้าที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 7 (นครราชสีมา) กองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กก.3 บก.ปทส.) และสถานีตำรวจภูธรโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา ร่วมวางแผนจับกุมผู้กระทำผิดค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย ตำบลธารปราสาท อำเภอโนนสูง
ตรวจสอบพบบุคคลเป็นชาย จำนวน 1 คน ทราบชื่อภายหลังคือ นายเคียง (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 67 ปี ยอมรับว่าเป็นเจ้าของสถานที่ดังกล่าว คณะเจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้น พบสัตว์ป่าคุ้มครอง นกกาฮัง จำนวน 6 ตัว นกเงือกกรามช้าง จำนวน 2 ตัว และลูกเสือโคร่ง จำนวน 2 ตัว พร้อมอุปกรณ์การกระทำผิด กล่องเดินทางสำหรับใส่สัตว์ จำนวน 2 กล่อง กรงเหล็กขนาดใหญ่ จำนวน 3 กรง และโทรศัพท์มือถือ จำนวน 1 เครื่อง
นายเคียง (ขอสงวนนามสกุล) กล่าวว่า สัตว์ป่าคุ้มครองของกลางดังกล่าวนั้นซื้อมาจากบุคคลซึ่งอยู่ที่กรุงเทพมหานคร โดยนกกาฮัง ซื้อมาตัวละ 6,000 บาท นกเงือกกรามช้าง ซื้อมาตัวละ 8,000 บาท และลูกเสือโคร่ง ในราคาตัวละ 150,000 บาท และนำมาส่งให้กับตนยังสถานที่เกิดเหตุ
สำหรับสัตว์ป่าคุ้มครองชนิดนกกาฮัง จำนวน 6 ตัว นกเงือกกรามช้าง จำนวน 2 ตัว และลูกเสือโคร่ง จำนวน 2 ตัว พร้อมอุปกรณ์การกระทำความผิดดังกล่าว ขออนุมัติพนักงานสอบสวนรับไปส่งมอบให้สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 7 (นครราชสีมา) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ดูแลและเก็บรักษาจนกว่าคดีจะถึงที่สุดต่อไป
นกกก หรือ นกกาฮัง หรือ นกกะวะ เป็นนกที่มีลำตัวขนาดใหญ่ที่สุดในกลุ่มนกเงือก 13 ชนิดที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย มีลำตัวยาวจากหางถึงปาก อาจจะถึง 150 ซม. น้ำหนักหลายกิโลกรัม เป็นนกที่มีอายุยืนได้ถึง 30-40 ปี ประเทศไทยมีทั่วไปเกือบทุกภาคยกเว้นภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือบางส่วน และเคยมีมากที่เกาะตะรุเตา กินผลไม้ต่างๆ และสัตว์เล็กๆ เช่น กิ้งก่า แย้ หนู งู อาศัยอยู่ตามป่าดิบชื้น ป่าดงดิบแล้ง และป่าดงดิบเขา ซึ่งมีต้นไม้สูงๆ ชอบอยู่กันเป็นฝูงเล็กๆ ฤดูผสมพันธุ์จะอยู่กันเป็นคู่ๆ ชอบกระโดดหรือร้อง ขณะหากินร้องเสียงดังมาก เวลาบินจะกระพือปีกสลับกับร่อน เสียงกระพือปีกดังคล้ายเสียงหอบ มีสถานภาพที่เกือบอยู่ในข่ายเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์
นกเงือกกรามช้าง มีขนาด 110 เซนติเมตร มีขนาดเล็กกว่านกกกเล็กน้อย โหนกเตี้ยแบนมีลอนหยัก จำนวนลอนบ่งบอกถึงอายุของนก คืออายุ 1 ปี มี 1 ลอน ชอบกินผลไม้เป็นส่วนใหญ่ บินได้ไกลมาก หากินได้ทั่วไป มีเสียงร้อง เอิก เอิ๊ก เอิก เอิ๊ก ชอบอาศัยอยู่ตามป่าดงดิบจากที่ราบจนถึงที่สูง 1800 เมตรจากระดับน้ำทะเล โดยนกเงือกทุกชนิดช่วยแพร่กระจายพันธุ์เมล็ดพืชป่าได้ตลอดชีวิต ให้ต้นไม้ไปงอกไกลๆ ตามระยะที่นกเงือกบินหาอาหารไป และผลไม้หลายชนิดก็วิวัฒนาการปรับตัวให้ผ่านระบบการย่อยของนก เพื่อให้เมล็ดพืชมีความเหมาะสมพอดี พร้อมงอกทันทีเมื่อถูกขับถ่ายออกมา
สำหรับ เสือในประเทศไทย พบเสือโคร่งอาศัยอยู่ในกลุ่มป่าตะวันตก กลุ่มป่าดงพญาเย็นทางภาคตะวันออก-ภาคอีสาน และ กลุ่มป่าแก่งกระจาน ซึ่งเสือเป็นสัตว์ที่มีชีวิตสันโดษ ยกเว้นแม่เสือที่มีลูกอ่อน แต่เสือแต่ละตัวจะมีอาณาเขตไม่ไกลกันนัก เสือโคร่งบางตัวอาจมีพฤติกรรมเข้าสังคม เช่น แบ่งปันเหยื่อกันกิน เสือโคร่งจะหลบซ่อนตัวอยู่ในถ้ำ โพรงไม้ และในบริเวณที่มีต้นไม้หนาแน่น เสือโคร่งแต่ละตัวจะมีอาณาเขตอาศัยเป็นของตัวเอง
ในพื้นที่ที่มีเหยื่ออุดมสมบูรณ์ เมื่อเสือโคร่งโตเต็มวัย ทั้งตัวผู้และตัวเมียจะอาศัยอยู่เพียงลำพัง จนกระทั่งถึงเวลาที่พร้อมจะผสมพันธุ์ ซึ่งตัวเมียอุ้มท้องประมาณ 3 เดือนก่อนคลอดลูกจำนวน 2 – 7 ตัว แต่ส่วนใหญ่ลูกจะรอดชีวิตจนโตเต็มวัยประมาณ 2 – 3 ตัวเท่านั้น เสือโคร่งตัวเมียเท่านั้นที่ทำหน้าที่เลี้ยงลูก ในขณะที่ตัวผู้จะคอยปกป้องอาณาเขตไม่ให้เสือโคร่งตัวผู้อื่นๆ รุกล้ำ และอาจจะผสมพันธุ์กับเสือโคร่งตัวเมียอื่นๆ ที่อยู่ในอาณาเขตของตน
เสือโคร่งเป็นสัตว์ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ และในประเทศไทยเสือโคร่งมีสถานะเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง และถูกจัดให้เป็นสัตว์ที่มีสถานะใกล้สูญพันธุ์ โดยปัจจัยที่ทำให้จำนวนเสือโคร่งมีจำนวนลดลงอย่างรวดเร็ว มีปัญหาหลักอยู่ 3 ปัจจัย คือ การถูกล่า จำนวนของเหยื่อลดน้อยลง และพื้นที่ป่าถูกทำลาย
อย่างไรก็ตาม หากพบเห็นการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้าสัตว์ป่า โปรดแจ้งสายด่วนพิทักษ์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติฯ 1362 และสายด่วน ศปทส.ตร. 1136
อัลบั้มภาพ 9 ภาพ