ไพรวัลย์-สมปอง ยันไม่ได้ปกป้องหมอปลา ผิดก็ว่าไปตามผิด แต่เชื่อสังคมให้อภัยได้
ไพรวัลย์-สมปอง ยันไม่ได้ปกป้องหมอปลา ผิดว่าตามผิด ชี้อย่าลืมปัญหาใหญ่ๆ ทั้งเรื่องการใช้งานพระผู้ใหญ่และเรื่องเงิน
นายไพรวัลย์ วรรณบุตร และนายสมปอง นครไธสง ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ภายหลังจากพาหมอปลาและทีมงาน กล่าวขอขมาหน้ารูปหลวงปู่แสง
นายไพรวัลย์ กล่าวว่า ตนไม่ใช่ตัวกลาง แต่มองว่าการขอขมาคืออารยะวิธีที่สังคมพุทธใช้กันทั่วไป ตนจึงให้หมอปลาและทีมงานได้กราบขอขมา เพราะว่าตัวของทุกคนก็ยืนยันว่าบริสุทธิ์ใจ เมื่อสิ่งที่ทำลงไปแล้วถูกสังคมมองว่าไม่เหมาะสม ก็แสดงความบริสุทธิ์ใจโดยการขอขมา ทั้งนี้ ตนไม่ได้ต้องการให้หมอปลาทำเพื่อลดกระแสวิจารณ์ แต่คิดว่าทำในฐานะที่ผิดพลาดและยอมรับว่าสิ่งที่ทำลงไปมีข้อผิดพลาดจริง ๆ ส่วนสังคมและลูกศิษย์ของหลวงปู่จะให้อภัย หรือจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ก็เป็นสิทธิ์ของเขา
นอกจากนี้ ตนเคยเสนอไปว่าหากไม่อยากให้หมอปลาทำอะไรแบบนี้ องค์กรทางศาสนาต้องเข้มแข็ง เมื่อชาวบ้านเห็นความไม่ชอบมาพากลในศาสนา เขาก็จะไปร้องเรียนองค์กรที่ช่วยได้ หากเกิดเรื่องอะไรแล้วมาทำภายหลังก็ไม่ทัน จึงไม่สามารถจะเป็นที่พึ่งให้กับชาวบ้านได้ ตนคิดว่าองค์กรทางศาสนาต้องทำงานรวดเร็ว และทันต่อปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เงียบหรือทำงานตามหลัง
อย่างไรก็ตาม หากสังคมจากประณามการกระทำของหมอปลาก็สามารถทำได้ แต่ต้องไม่ลืมปัญหาใหญ่ๆ 2 อย่างที่เกิดขึ้น คือ เรื่องการใช้งานพระผู้ใหญ่เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีหลายกรณีแล้ว และเรื่องเงิน ต้องตามไปจัดการคณะสงฆ์ ว่าตกลงเงินมีกี่ล้านบาท และจะจัดการอย่างไรในกรณีที่หลวงปู่เป็นผู้ไร้ความสามารถที่ไม่สามารถจัดการปัจจัยที่มีญาติโยมมาถวายได้ ทำอย่างไรให้เงินก้อนนั้นตกมาเป็นศาสนาสมบัติส่วนกลาง เพื่อนำไปใช้สอยในทางพระศาสนาแบบที่หลวงปู่ในสมัยที่ท่านยังรู้สึกตัวให้เป็น ดังนั้น เรื่องนี้ต้องตรวจสอบให้ชัดเจน
"ในหลักของพระพุทธศาสนา การกระทำของหมอปลาถือว่าบาปหรือไม่นั้น ศาสนาพุทธไม่ใช่ว่าเอะอะก็บาป แต่ศาสนาพุทธจะใช้คำว่าโทษล่วงเกิน ซึ่งทุกคนมีสิทธิ์ทำต่อกัน พระเองก็อาจจะทำอะไรเป็นโทษล่วงเกินต่อฆราวาสได้ หากทำอะไรผิดแล้ว ก็มีเปิดโอกาสการขอโทษกัน ผมไม่ได้ปกป้องหมอปลา เขาทำไม่ดีก็ต่อว่า กรณีที่เกิดขึ้นหมอปลาผิดก็นำมาปรับปรุงแก้ไข" นายไพรวัลย์ กล่าว
ขณะที่ นายสมปอง เปิดเผยว่า การให้ที่ไม่เสียอะไรเลยก็คือ การให้อภัย ซึ่งตนก็ได้พูดคุยกับหมอปลาและทีมงานแล้ว เมื่อรู้ว่าผิดพลาดตรงไหนก็สามารถขอโทษได้อย่างกล้าหาญ ตนมองว่าสังคมให้อภัยได้ การจัดการอะไรต่าง ๆ เป็นเรื่องดี แต่อยากเสนอหมอปลาและทีมงานว่าจัดสรรให้ดีกว่านี้ ชาวบ้านในจังหวัดนั้น ๆ อาจจะกลัวว่าหากหมอปลาลงพื้นที่ไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ตนจึงมองว่าการจัดสรรที่ดีก็จะเป็นอะไรที่สวยงาม
ส่วนกรณีของลูกศิษย์รอบตัวหลวงปู่นั้น ตนมองว่าเหมือนเป็นการสอบตก การได้ดูแลหลวงปู่ หรือพระอาจารย์ ควรจะมีการสอบหรือดูความเหมาะสมว่าสามารถทำได้หรือไม่ จะได้มีมาตรฐานเดียวกัน เพราะมีผลต่อความศรัทธาของญาติโยม