กรีดจนเลือดซิบ! "ชวน" ฉะ "ธุรกิจการเมือง" ชนวนส่วนหนึ่งที่ทำประชาธิปไตยสะดุด
“ชวน” กรีดจนเลือดซิบ! ระหว่างร่วมงานรำลึก 30 ปีเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ฉะ “ธุรกิจการเมือง” เป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่ทำให้ประชาธิปไตยสะดุด
วันนี้ (17 พ.ค.) คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 จัดงานพิธีรำลึก 30 ปี สดุดีวีรชนพฤกษาประชาธรรม ที่สวนสันติพร อนุสรณ์สถานพฤษภาประชาธรรม ถ.ราชดำเนิน กรุงเทพฯ โดยมีนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธาน
ทั้งนี้ ในระหว่างกล่าวเปิดงาน นายชวน ระบุว่า จากปี 2535 จนถึงปัจจุบัน ผ่านมา 30 ปี เกิดความเปลี่ยนแปลงมาก เวลาส่วนใหญ่ก็เป็นของประชาธิปไตย แม้จะมีการยึดอำนาจถึง 2 ครั้ง แต่กว่า 20 ปีเป็นเวลาของประชาธิปไตย เศรษฐกิจและสังคมเปลี่ยนไปมีทั้งดีและร้าย และเกิดการสะดุดด้วยสิ่งที่ไม่คาดคิด คือ "ธุรกิจการเมือง" เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ประชาธิปไตยสะดุด
ดังนั้น จึงได้ข้อสรุปว่าในรอบ 30 ปี แม้มีรัฐธรรมนูญที่ว่าดีอย่างรัฐธรรมนูญปี 40 แต่ในที่สุดรัฐบาลก็ถูกยึดอำนาจ เพราะปัญหาพฤติกรรมบุคคล ดังนั้นข้อสรุปหนึ่งที่อยากเรียน คือ หลักที่ดี คนที่ดี และกฎหมายที่ดี ต้องไปด้วยกัน เพราะหากดีเพียงส่วนเดียว เราก็เห็นแล้วว่าในที่สุดเกิดปัญหา แม้รัฐบาลมาจากประชาธิปไตย แต่ถ้าไม่ยึดแนวประชาธิปไตย จะเป็นเงื่อนไขติดตามมา อย่างเช่นเหตุการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ มาจากการไม่ยึดหลักนิติธรรมตามหลักกฎหมาย จนในที่สุดทำให้รัฐธรรมนูญปี 50 ต้องเพิ่มวรรคสอง มาตรา 3 ระบุว่า อํานาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย
สำหรับข้อสรุปที่เป็นบทเรียนเพื่อฟันฝ่าสู่การเป็นประชาธิปไตยต่อไปนั้น นอกเหนือจากหลักที่ดี คนก็ต้องดีด้วย ฝากถึงญาติวีรชนและทุกคนว่า การสูญเสียที่เกิดขึ้นไม่ได้สูญเปล่า แต่ขอเพียงอย่าหวั่นไหวหรืออย่าท้อ ขอให้เชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งเราตัดสินใจเรื่องนี้มานาน 90 ปี และจะไปสู่ปีต่อๆ ไปด้วยระบอบนี้
ขณะเดียวกันต้องพยายามขจัดโรคร้ายในช่วงเวลาที่ผ่านมาก็ดีและต่อไปก็ดี สิ่งที่ทุกคนปรารถนาทั้งความสามัคคีปรองดองและความเป็นประชาธิปไตย เกิดขึ้นจากคน ไม่ใช่เพียงการเขียนที่ดี ถ้าเขียนดีแต่คนไม่ปฏิบัติก็ไม่เกิดสัมฤทธิผล ตนจึงย้ำอยู่เสมอว่าหลักที่ดีกับคนที่ดีต้องไปด้วยกัน