ช็อกซ้ำ! กล่องดำชี้เครื่องบินไชน่าอีสเทิร์นฯ โหม่งโลกเกิดจากจงใจ ไม่ใช่อุบัติเหตุ

ช็อกซ้ำ! กล่องดำชี้เครื่องบินไชน่าอีสเทิร์นฯ โหม่งโลกเกิดจากจงใจ ไม่ใช่อุบัติเหตุ

ช็อกซ้ำ! กล่องดำชี้เครื่องบินไชน่าอีสเทิร์นฯ โหม่งโลกเกิดจากจงใจ ไม่ใช่อุบัติเหตุ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า ผลการตรวจสอบกล่องดำเครื่องบินโบอิ้ง 737-800 ของสายการบินไชนา อีสเทิร์น แอร์ไลน์ส ซึ่งตกในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงของจีนเมื่อวันที่ 21 มี.ค. ที่ผ่านมาของปีนี้ พบว่า การที่เครื่องบินตกในลักษณะปักหัวลงสู่พื้นนั้น เป็นการจงใจของผู้ที่อยู่ในห้องนักบิน

เครื่องบินไชนา อีสเทิร์น แอร์ไลน์ส เที่ยวบินที่ MU5735 ตกลงในหุบเขาใกล้กับเมืองอู๋โจว โดยเครื่องบินลำดังกล่าวเดินทางออกจากเมืองคุนหมิงเมื่อเวลา 13.11 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันที่ 21 มี.ค. และมีกำหนดเดินทางถึงเมืองกวางโจวภายในเวลา 2 ชั่วโมง แต่ประสบอุบัติเหตุตกก่อนเดินทางถึงจุดหมาย

หลังจากนั้น หน่วยงานด้านการบินของจีนสามารถกู้กล่องดำจากที่เกิดเหตุได้ และดำเนินการส่งให้ทีมนักวิเคราะห์ของสหรัฐ

ล่าสุดเจ้าหน้าที่สหรัฐ ระบุว่า ผลการตรวจสอบกล่องดำชี้ให้เห็นว่า มีคนบางคนในห้องนักบิน ซึ่งอาจจะเป็นนักบินเองหรือใครบางคนบนเครื่องบิน เข้าควบคุมกลไกของเครื่องบินและบังคับเครื่องบินปักหัวลงเป็นแนวดิ่งสู่พื้นดิน จนเป็นเหตุให้ผู้โดยสารทั้งหมด 132 คนบนเครื่องเสียชีวิต และนับเป็นอุบัติเหตุด้านการบินครั้งรุนแรงที่สุดของจีนในรอบ 28 ปี

ผลการตรวจสอบกล่องดำยังระบุอีกด้วยว่า นักบินไม่ได้ตอบสนองเสียงเรียกจากหอบังคับการบินที่ส่งสัญญาณเรียกหลายครั้ง จนกระทั่งเครื่องบินตกในลักษณะดิ่งลงสู่พื้นในที่สุด

ที่ผ่านมานั้น ทีมผู้ตรวจสอบพยายามพิสูจน์ว่า การตกในลักษณะที่ผิดปกติของเครื่องบินลำนี้เป็นความตั้งใจของนักบินหรือไม่ เพราะนับจนถึงขณะนี้ยังไม่พบว่าเครื่องบินลำดังกล่าวมีปัญหาทางเทคนิค

ข้อมูลจาก flightradar24 ระบุว่า เที่ยวบิน MU5735 ของสายการบินไชนา อีสเทิร์น แอร์ไลน์ส บินที่ระดับความสูง 29,000 ฟุต (8,839.2 เมตร) และอยู่ห่างประมาณ 100 ไมล์ (160.93 กิโลเมตร) จากจุดหมายปลายทาง ซึ่งเป็นจุดที่นักบินจะเริ่มลดเพดานบินเพื่อเตรียมลงจอด แต่แทนที่จะค่อยๆ ปรับลดเพดานบินลงประมาณ 1,000 ฟุตต่อนาที เครื่องบินกลับปักหัวลง และจากนั้นก็เริ่มดิ่งลงด้วยความเร็วกว่า 30,000 ฟุต (9,144 เมตร) ต่อนาที ภายในเวลาไม่กี่วินาที ซึ่งผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่วิเคราะห์ว่าเป็นสถานการณ์ที่ผิดปกติ

ทั้งนี้ ราคาหุ้นโบอิงดีดตัวขึ้นถึง 6.2% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กช่วงเช้านี้ หลังจากมีการเปิดเผยผลการตรวจสอบกล่องดำ และหากการตรวจสอบดังกล่าวถูกต้อง ก็หมายความว่าบริษัทโบอิงไม่ต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์เครื่องบินตกในครั้งนี้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook