“เวียร์ ศุกลวัฒน์” คุยเปิดอก ความสุขเรียบง่ายในวัย 37 เล่ามุมมองชีวิต ดราม่า และ ความรัก
เป็นพระเอกที่โด่งดังมานานมาก สำหรับ เวียร์-ศุกลวัฒน์ คณารศ ที่ค่อยๆ เติบโตในวงการบันเทิงจากเด็กหนุ่มหน้าใส สู่พระเอกตัวพ่อขวัญใจแฟนๆ มีผลงานดีๆ ออกมาให้แฟนๆ ติดตามเสมอ อย่างล่าสุด เจ้าตัวก็กำลังมีผลงานชิ้นใหม่กับละครสุดเข้มข้น "กรงน้ำผึ้ง" ทางช่อง 7 HD ประกบคู่นางเอกสาว พระพาย รมิดา
งานนี้ sanook.com พลาดไม่ได้ต้องคว้าตัว "พี่เวียร์" ของทุกคนมานั่งพูดคุยกันถึงละครเรื่องล่าสุด พร้อมคุยเปิดอกถึงเรื่องราวทุกมุมมองของความเป็น เวียร์ ในวัย 37 ปี เต็ม จะเป็นยังไงบ้างไปชมกันเลย
"กรงน้ำผึ้ง" ละครที่แฟนๆ รอคอย เพราะห่างจากจอไปนาน ?
"เป็นละครที่มีหลากหลายอารมณ์ ก็ตามชื่อเรื่องกรงน้ำผึ้งเลย มันเหมือนมีกรงที่มาขังความรู้สึกของตัวละครเอาไว้ ในเรื่องมีเนื้อเรื่องให้ติดตามตลอด เพราะเริ่มเรื่องที่ว่าใครฆ่าอากง มันมีตัวละครหลายตัวที่มีความน่าสงสัย เลยจะเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับความรัก การสืบสวน เกี่ยวกับครอบครัว มีโรแมนติกและดราม่า ตัวละครหลายๆ ตัวก็มีความสำคัญในเรื่องเท่าๆ กัน ทำให้ละครมีความอิ่ม น่าติดตามตลอด ผมก็มีโอกาสได้พลิกบทบาทพอสมควร เรื่องนี้จะนิ่ง ฉลาด และเป็นเหมือนเด็กกำพร้าที่สู้ชีวิต ทำทุกอย่างเพื่อความถูกต้อง มีความสับสนในตัวละครว่าจะทำเพื่อความถูกต้อง หรือว่าจะทำเพื่อผู้มีพระคุณ ก็จะมีความสับสนของตัวเอง ก็จะมีเรื่องราวความรักที่เป็นไปไม่ได้"
มีความท้าทายตรงไหนบ้างที่เวียร์รู้สึกว่าน่าลองเล่น?
"เพิ่งเริ่มเข้าวงการ (หัวเราะ) จริงๆ ละครทุกเรื่อง งานทุกงานที่ได้ทำ มันเหมือนใหม่เสมอ มันก็ตื่นเต้น คนดูจะได้เห็นความแตกต่างจากตัวละครอื่นที่ผมได้เล่นมา เรื่องนี้บอกเลยว่าต่างเลยนะ เป็นอีกคาแรคเตอร์ อีกตัวละครหนึ่งเลย ก็ยากอยู่ครับ ผมก็พยายาม มีผู้ช่วยหลายคน ทั้งทีมนักแสดงที่มีความสามารถ ทีมผู้กำกับ ทีมงาน ทีมบท ก็ช่วยๆ กันไป ถ่ายมา 2 ปี คงได้เห็นทีเซอร์ที่ตัดมาให้ได้ดูกันเยอะมาก จะออกอากาศวันเกิดพี่เวียร์ด้วย (ยิ้ม) ถือเป็นการเอาฤกษ์เอาชัย"
โดนแซวเป็น "ป๋าดัน" พระพาย รมิดา นางเอกใหม่
"ใช่ครับ เป็นประโยคเด็ดอยู่แล้ว อีกแล้วพี่เวียร์อะไรแบบนี้ จริง ๆ ผมว่ามันก็ช่วยกันแหละครับ ส่งเสริมกัน ผมก็ไม่รู้จะไปดันอะไรได้ขนาดไหน มันเหมือนกับว่าต่างคนต่างช่วยกันแหละ บางทีน้องก็น้องก็ต้องช่วยเราด้วย ท้ายที่สุดการทำงาน ก็คือการที่เราอยู่ในซีนด้วยกัน นักแสดงทุกคนก็ต้องช่วย เป็นตัวละครของตัวเองและแต่ละฉาก แต่ละซีน แต่ละซีเควนซ์ในละครมันออกมากลม อิ่มที่สุดครับ เราเก่งอยู่คนเดียวมันก็ไม่น่าดู เราก็ต้องดูเหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้น ไดอะล็อคต่าง ๆ สถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในละคร และเหมือนเราไปตามสิ่งที่เกิดขึ้นครับ มันก็จะทำให้ทุกอย่างดูพอดี ดูน่าดูครับ"
"ร่วมงานกันครั้งแรกเลยครับ ดีมาก เพราะน้องมีความตั้งใจมากเป็นนักแสดงที่มีความสามารถ เขาเป็นคนที่คล้ายๆ ผมด้วย มีความเป็นตัวของตัวเองสูง พอมาคุยกันก็ทำให้การทำงานค่อนข้างง่าย น้องเหมือนเด็กผู้ชาย ก็จะมีความสนุก แกร่ง ทำให้การทำงานในละครเรื่องนี้ที่ต้องลุยๆ มันก็ง่ายขึ้น น้องก็ทำออกมาได้ดีมาก ผมไม่เคยถามเขานะว่าเขากลัวหรือเกร็งผมมั้ย แต่จากที่เราเห็น แรกๆ อาจจะมีบ้าง แต่กองนี้ทุกคนมาทำงานด้วยความสนุก เลยไม่มีความเครียด เป็นละครเครียดนะแต่ทีมงานมีความสนุกสนาน เลยทำให้น้องไม่เกร็ง และบางทีผมก็แกล้งน้องเขาด้วย บอกไม่เอ่านบทมาก็ติดแบบนี้ แต่ผมแค่แกล้ง น้องเขาก็ตกใจบ้างช่วงแรก แต่ทำเพื่อความสนุกสนาน การทำงานจะได้งานขึ้นน้องไม่เกร็ง"
ทำไมถึงต้องห้ามพลาดละครเรื่องนี้ ?
"ก็ เวียร์ ศุกลวัฒน์ เล่นเป็นพระเอกก็น่าดูแล้วนะครับ (หัวเราะ) เราทุกคนต้องมีความมั่นใจ คือไม่หรอกครับ จริง ๆ ก็ตื่นเต้น และค่อนข้างที่จะลุ้นเหมือนกัน เพราะว่าทุกคนก็น่าจะพอทราบว่าเทรนด์ในความชอบในการดู หรือว่าเทรนด์ของละครในแต่ละช่วง ความชอบของคนดูในแต่ละช่วง มันก็ไม่เหมือนกันเนอะ บางทีอาจชอบบู๊ บู๊ก็เรตติ้งกระจาย บางทีก็ชอบคอเมดี้ ตลก ก็เรตติ้งกระจาย บางก็สืบสวนสอบสวน บางก็เป็นแนวโรแมนติกดราม่า เราคาดเดาไม่ถูกว่าคนดูจะชอบละครในช่วงนี้ของเรามั้ย แต่ผมเชื่อว่าละคร พวกเราเต็มที่ร้อยเปอร์เซ็นต์มาก ทั้งทีมงาน นักแสดง ผมเชื่อว่าละครออกมา คุณภาพเต็มร้อยอยู่แล้ว แต่ก็ตื่นเต้นว่าคนดูจะชอบดูละครแนวนี้ในช่วงนี้รึเปล่า เลยแอบลุ้นนิดนึง แต่เชื่อว่าดีแน่นอนครับ (ยิ้ม) ใครคิดถึงพี่เวียร์มาดู หายคิดถึงแน่นอน"
ยุคสมัยที่เปลี่ยนไปเราในฐานะนักแสดงปรับตัวยังไงบ้าง ?
"ผมก็พัฒนา พยายามเรียนรู้ ทั้งนี้ทั้งนั้นปัจจุบันทางเลือกค่อนข้างเยอะ และแพลตฟอร์มต่าง ๆ ก็เยอะขึ้น การเข้าถึงก็ง่ายขึ้น ปัจจุบันคนก็ดูละครจากโทรศัพท์ ดูง่าย ๆ บางทีก็ดูย้อนหลัง ซึ่งเราก็ปรับมันอยู่ตลอดเวลา แต่ฐานคนดูจริง ๆ ของเราก็ยังชอบดูละครทางทีวีอยู่ ทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ผมก็แอบไปสืบ ๆ มา เขาก็ยังรอดูละครที่เป็นละครของเรา ที่ช่อง 7 HD เราผลิตมาตลอด ซึ่งจริง ๆ พื้นฐานของเรายังแน่น ผมเองก็พัฒนาตัวเองครับ หาอะไรใหม่ ๆ ทำไปเรื่อย ๆ เล่นในบ้านบ้าง เล่นนอกบ้านบ้าง เล่นหนัง เล่นซีรี่ส์ อาจทำรายการของตัวเอง ลงในแพลตฟอร์มต่าง ๆ บ้าง เพื่อให้คนดูได้เห็นเราในทุกแพลตฟอร์ม เขาจะได้อ๋อ! โอเค หายคิดถึง ช่วงนี้อาจไม่ได้มีละคร ก็อาจไปดูรายการพี่เวียร์ พี่เวียร์ไปเล่นหนัง รอดูหนังของพี่เวียร์ พี่เวียร์ทำอะไรเยอะแยะไปหมดครับ"
เหมือนแฟนๆ ได้เห็นเราผ่านโซเชียลมากขึ้น
"ก็พยายามครับ จริงๆ ผมก็ไม่ได้เก่งหรอก เราก็หาช่องทางว่ามีอะไรบ้างที่เราจะสื่อสารกับแฟนๆที่เค้าติดตามเราได้ ปัจจุบันผมก็มีแค่อินสตาแกรมอย่างเดียว ยังเล่นไม่ครบเลยว่ามีอะไรบ้าง เฟซบุ๊กก็ไม่มี ก็มีทำรายการ ส่วนติ๊กต็อกต้องไปดูว่าสมัครยังไง"
เวียร์ ศุกลวัฒน์ ในวัยก้าวเข้าสู่ 37 ปีเต็ม
"เดือนนี้ครบ27 (ยิ้ม) ไม่ได้ทำอะไรเลย ก็มีทำบุญ วันเกิดทุกปีก็ทำบุญ ผมกับแม่เกิดพร้อมกัน หลังวันเกิดแม่อาจจะบินกลับมาเยี่ยม เพราะช่วงนี้โควิดเริ่มเบาบางลง ปีนี้อายุเยอะขึ้นอีกแล้ว ก็โตไปด้วยกันนี่แหล่ะ"
"เรื่องของขวัญให้ตัวเอง มีเยอะครับ ทั้งรถ ทั้งบ้าน ซื้อให้ตัวเองไม่ต้องรอวันเกิด ทำตลอดเวลา ให้รางวัลตัวเองตลอด ด้วยความที่เราทำงานเยอะ เก็บเงินมาก็ใช้ไปตลอด ทำอะไรที่เราชอบ มีความสุข ไลฟ์สไตล์ท่องเที่ยว ทำสวนทำไร่ ซื้อรถบ้าน ทำอะไรที่ตัวเองชอบไม่เดือดร้อนคนอื่นก็ทำไป"
เห็นว่าเพิ่งทำบุญบ้านที่เขาใหญ่ บ้านหลังนี้เป็นมาเป็นไปยังไง?
"อันนี้เป็นบ้านสวน บ้านหลังเล็กๆ เป็นบ้านไม้เหมือนบ้านปู่ย่าตายายที่ต่างจังหวัด เราก็นึกถึงวัยเด็กอยากมีบ้านแบบนั้นบ้าง เผื่อว่าเราไปพักผ่อน เพราะเราไปปลูกป่าปลูกอะไรไว้เต็มเลย เราก็รอดูมันโต ถูกๆ ครับไม่แพง ผมก็ไปดูแบบจากบ้านเพื่อน แล้วก็เอามาปรับนิดหน่อยให้เข้ากับพื้นที่ เป็นแค่บ้านสวน กุญแจไม่มีนะ ไปได้เลย ไม่ได้มีของมีค่าอะไร มีโต๊ะเก้าอี้ ถึงนอนก็เตรียมกันไปเองนะ อากาศเย็นลมพัด เป็นบ้านรับแขกเลย"
ปลูกต้นไม้เองด้วย ?
"ใช่ครับ เป็นต้นไม้เศรษฐกิจ รวมๆ กันกับพวกผลไม้ แล้วก็พวกไม้เนื้ออ่อน ไม้เนื้อแข็ง ที่เขาปลูกแล้วมันเป็นป่าในอนาคต แต่ผมก็คงไม่ตัดหรอก มันปลูกตั้งแต่ต้นเล็กๆ เลย ตอนนี้พอเราเห็นมันเริ่มโตขึ้น เราก็ดีใจ เพราะว่าตอนนี้บางบริเวณของเขาใหญ่ มันก็จะเป็นอ้อย เป็นมันสำปะหลัง มันไม่ค่อยมีป่าไง เราก็เลยคิดว่าเราไปปลูกเพิ่มหน่อยก็ดี เผื่อว่าในอนาคตมันโตขึ้นมาแล้วน่าอยู่ อากาศดี"
"ผมเป็นคนชอบดูที่มาก จะขับรถไปทั่วเลย เวลาไปถ่ายละครหรือเวลาไปไหน ผมก็จะขับรถวนเข้าซอยโน้นซอยนี้ เพื่อไปดูว่าตรงนั้นตรงนี้สวยจังเลย เราถึงชอบซื้อรถยนต์ที่มันลุยๆ อย่างเขาใหญ่เนี่ย ไปมาไม่รู้กี่ร้อยรอบแล้ว ก็ไปซื้อมาหลายรอบ บางทีซื้อปั๊บไม่ได้ไปอยู่ จู่ๆ มีคนมาอยากได้ ก็ขายได้กำไรอีกนะ (หัวเราะ) แล้ววันหนึ่งเราดูไปเรื่อย ก็อะตรงนี้ ชาวบ้านบอกโอ๊ย…คุณเวียร์มาช่วยซื้อหน่อย ผมก็ซื้อ พอเจอที่สวยๆ เราก็ซื้อเก็บไว้"
เป็นเศรษฐีที่ดิน เรียกนายหัวได้ไหม ?
"เรียกเสี่ยๆ เรียกนายหัวก็ได้ (หัวเราะ)"
มีที่ดินที่ไหนอีกบ้างที่ซื้อไว้ทำแบบนี้?
"เยอะครับ คือ แอบไปซื้อไว้เล็กๆ ไม่ได้เยอะ เวลาเจอที่ที่น่าสนใจหรือมีคนบอกว่าเนี่ย…ตรงนี้อยากขาย เราก็ซื้อเก็บไว้นิดๆ หน่อยๆ แต่ว่าบางแปลงก็ยังไม่ได้ทำอะไรนะครับ ก็ซื้อเสียภาษี (หัวเราะ) แล้วเราก็ไปปลูกโน่นปลูกนี่ ล่าสุดที่สุราษฎร์ธานี สวนทุเรียน จริงๆ ได้ผลผลิตมาหลายปีแล้ว แต่ว่าเราเพิ่งมาเป็นเจ้าของในปีนี้ เพราะว่าเพื่อนเขามีหลายแปลง แล้วเขาบอกว่ามีปัญหานิดหน่อยต้องใช้ตังค์ เขาดูแลไม่ไหวด้วย ก็เลยแบ่งให้เราส่วนหนึ่ง เราก็เลยอะ ชอบไปสุราษฎร์ฯ อยู่แล้ว ไปดำน้ำ ก็เลยเออไปแล้วมีสวนทุเรียนด้วย ไปดำน้ำด้วย อร่อยด้วย เดี๋ยวได้ชิมครับ เดี๋ยวออกมาพี่ๆ ต้องช่วยกันโปรโมทให้ผมด้วยนะ เดี๋ยวส่งไปให้เลย ต้องไลฟ์สดขายทุเรียนเลยใช่ไหม แต่ต้องเอฟเป็นต้นนะ เราไม่ขายเป็นลูก (หัวเราะ)"
"มีอยู่ 8 ไร่ แต่ไม่ได้เป็นทุเรียนล้วนๆ มันก็แซมด้วยเงาะบ้าง แล้วก็มีลองกอง มีมะม่วงเบา แล้วก็มีพวกไม้ตะเคียน ไม้พยูง ที่เขาปลูกแซมๆ ไปด้วย ก็เป็นป่าที่อยู่ร่วมกับต้นทุเรียน น่าอยู่ๆ อันนี้ก็น่าไปตั้งแคมป์นะ อากาศดีเย็นสบาย มีน้ำล้อมรอบด้วย เป็นเขาเล็กๆ"
อยากบอกอะไรตัวเองในวัย 37 ปี ?
"จริงๆ แล้วมันเป็นวัยที่ ไม่รู้สิมันก็ต้องเริ่มมั้ย ผมเคยบอกไว้ตอนอายุ 30 ว่ามันกำลังเริ่มโตเนาะ เป็นหนุ่ม พอ 40 มันก็เป็นหนุ่มเต็มตัว เรากำลังจะเข้าใกล้ 40 แล้วผมว่าเป็นช่วงเวลาที่ต้องชัดเจน ในเรื่องของไลฟ์สไตล์ต่างๆ ผมโชคดีอย่างนึงคือเราค่อนข้างประสบความสำเร็จในช่วงชีวิตแรกๆ ของเรา ในวัยที่เรายังเด็กอยู่ 20 ปลายๆ อะไรอย่างงี้ เราโชคดีพอเรามาถึงจุดที่ก็มีประมาณนึง ไม่ได้ลำบาก เรามีหน้าที่การงานที่มั่นคง เราก็รู้สึกว่าเราได้ใช้ชีวิตของเราเร็ว เราเที่ยวเร็ว เราซื้อที่เร็ว สร้างบ้านเร็ว เราเริ่มมีความมั่นคงของเราประมาณนึง พอมันมาถึงจุดนึง มันก็ทำให้เรามองว่า เอ๊ะ พอเรามีทุกอย่างแล้วเรามีความสุขไหม เนี่ยเป็นวัยที่ผมรู้สึกว่าผมกำลังหาคำตอบให้ตัวเองอยู่ว่าพอผมมีทุกอย่างแล้วผมจะไปยังไงต่อ ซึ่งผมก็ไปต่อได้ ผมก็มีความสุขของผมไปต่อ ก็มีอะไรให้ทำอีกเยอะเลย"
ความสุขของเวียร์ตอนนี้ไปในทิศทางไหน ?
"มันก็แบบพักผ่อน หางานที่เราอยากทำจริงๆ ถามว่าเลือกไหมก็ประมาณนึงเพราะเราโตแล้ว เราเล่นมาหมดแล้วเพราะฉะนั้นเราก็เลือกในสิ่งที่เราอยากทำจริงๆ หรือ บางทีบทหรือละครบางเรื่องเขาก็เลือกเราเอง อยู่ๆ ก็ต้องไปเล่นเรื่องนั้นมันมีหลายๆ อย่างที่เป็นเรื่องท้าทายและสนุกในชีวิตอยู่ ผมเพิ่งได้คำตอบว่า อายุ 37 มันเพิ่งเริ่มมากๆ เมื่อก่อนผมคิดว่า 30 เพิ่งเริ่ม จริงๆ 37 ก็เพิ่งเริ่ม เมื่อก่อนบางคนกลัวว่า 37 ต้องเล่นเป็นพ่อแล้วนะ แต่ไม่ใช่แล้วนะตอนนี้ เหมือนทุกอย่างมันเปลี่ยนไป แพลทฟอร์มหรือช่องทางต่างๆ มันมีให้นักแสดงในวัยผมโลดแล่นมากกว่าเดิม มันไม่ใช่เมื่อก่อนที่แบบ พี่เวียร์พออายุ 35 เดี๋ยวต้องเล่นเป็นพ่อพระเอก โถ่ ชีวิต (หัวเราะ) คิดอยู่เลยว่าจริงเหรอเนี่ย มันไม่จริงอีกต่อไปแล้ว ยังมีอะไรให้เราทำอีกเยอะ แล้วก็ถ้าเรายังเป็นคนที่มีความสนุกในการทำงาน มีความสามารถ พัฒนาตัวเองแล้วก็เข้าใจตัวเองว่าทำอะไรอยู่ อยู่ในจุดไหน มันยังมีทางให้ไปอีกเยอะเลย มีทางให้สนุกอีกเยอะเลย"
"ได้ยินเขาพูดกัน เราก็แบบจริงเหรอ ซึ่งเมื่อก่อนอาจจะจริงก็ได้ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่แล้ว มันเปลี่ยนแล้ว ผมไม่อยากใช้คำว่าพระเอกแล้วนะ ผมอยากจะเปลี่ยนให้นักแสดงที่อยู่ในละครแต่ละอย่างให้เป็นนักแสดงนำ เป็นคำนี้ไป อย่างตัวละครอื่นๆ ก็มีความสำคัญพอๆ กับเรา"
มองเรื่องการเกษียณบ้างไหม?
"จริงๆ ผมพูดกับตัวเองว่าผมเกษียณไปตั้งนานแล้วนะ ผมทำงานสบายๆ ทำที่เราอยากทำ เงินก็อยากได้ (หัวเราะ) ถ้าพูดแบบเข้าใจง่ายก็คือไม่ได้ร้อนเงิน ไม่ได้มีภาระอะไรแต่ว่ายังเป็นอาชีพที่เราสนุก ละครก็อยากเล่น พักก็อยากพัก (หัวเราะ) พอพักนานๆ ก็คิดถึง พอเล่นเยอะๆ ก็เหนื่อยอยากพักไง เป็นปกติ แต่พอเจอละครที่สนุก ทีมงาน นักแสดง เราก็ไม่อยากปิดกล้องนะ อยากทำยาวๆ เป็นซีรีส์ไปเลย ขอมีสัก 100 ตอนได้มั้ย (หัวเราะ) เอาแบบซีรีส์ต่างประเทศมีแบบ 8 ซีซั่นอะไรอย่างงี้ ไม่ต้องเล่นอะไรอีกแล้ว มีมั้ยอ่ะ"
คิดไหมว่าตัวเองจะทำงานในวงการมาได้นานขนาดนี้ ?
"เอาจริงๆ เมื่อก่อนคิดไว้สองแบบคือ คิดว่าระยะเวลาในการทำงานของนักแสดงสั้น คิดว่า 5 ปี 7 ปี ด้วยความที่เมื่อก่อนเราเห็นไงว่าบางคนก็รีไทร์เร็ว เออรี่เร็ว แต่เราก็มีความคิดอีกครึ่งหนึ่งว่า ถ้าเรามองว่ามันคืออาชีพๆ นึงมันต้องยาวสิ มันจะสั้นได้ยังไง ในเมื่อเราเลือกทำอาชีพนี้แล้ว เราจบวิศวะเนอะ ถ้าเราเป็นวิศวะเราก็ทำถึง 60 ใช่ไหมเพราะฉะนั้นถ้าเราเป็นนักแสดงทำไมไม่ถึง 60 จะเป็นทำไมวะเนี่ย แล้วชีวิตเรามาอยู่ตรงนี้เราทิ้งหน้าที่การงานตัวเองมา มาอยู่ตรงนี้แล้ว 7 ปีหรอแล้วเราไปทำอะไรต่ออ่ะ มันกลับไปทำอาชีพเดิมไม่ได้แล้วไง เราเลยมองว่า มันก็ต้องอยู่ให้ได้ยาวที่สุดแล้วประจวบเหมาะกับทุกอย่างเหมือนพัฒนาไงมันเปลี่ยนถ้ายังเป็นเหมือนเดิมก็คงแย่เหมือนกันนะตอนนี้ก็อาจจะไม่ได้ทำแล้วก็ได้"
ตั้งเป้าความสำเร็จของชีวิตไว้แบบไหน ?
"เรื่องเป้าหมายมันคงพูดลำบาก ถามว่าเราชอบจะทำอะไรมากกว่า ในวัยที่เราโตแล้วผมก็แค่อยากจะมีความสุข อยากจะให้คนอยู่รอบข้างผมอยู่กับผมแล้วมีความสุข ผมแค่อยากจะทำในสิ่งที่ตัวเองทำแล้วมีความสุข คนอื่นก็มีความสุข มันเหมือนกับว่าเราอยู่ในวงจรของความสุขความสนุกให้ได้ตลอดเวลาอย่างมีความสุขที่ได้เป็นตัวของตัวเอง เหมือนกับพอเราโตขึ้นมันคัดทุกอย่างเลยเนอะ เหลือแค่ไม่กี่อย่างที่เราจะทำ เหลือเพื่อนแค่ไม่กี่คนที่เราคบ
หรืออะไรแค่ไม่กี่อย่างแต่มันก็มีความสุขตลอดเลยไม่รู้เพราะอะไร อาจจะเป็นเพราะว่าเราเป็นคนแบบว่าแง่บวกด้วยมั้งสบายๆ ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ ถามว่าชื่อเสียงอ่ะมันก็คงได้มาเป็นรางวัลจากการที่เราตั้งใจทำงานนั่นแหละพัฒนาตัวเอง คืออยากให้งานมีคุณภาพแหละมันเลยมีชื่อเสียงเงินทองมันก็ตามมา แต่ถามว่าเป้าหมายหลักๆ ไม่ใช่ ก็คืออยากมีความสุข"
เรื่องการสร้างครอบครัวล่ะ มองเรื่องนี้ยังไง ?
"อยากจะมีชีวิตครอบครัวที่เรียบง่าย มีความสุขเหมือนกัน พูดง่ายแต่ว่ามันก็ยากอยู่นะ หลายๆ ครอบครัวชีวิตคู่มันก็เป็นเรื่องปกติมันก็ชีวิตอ่ะพี่เวียร์ก็เลยไม่ค่อยได้มองตรงนั้นแบบตั้งใจจริงจังกับมัน ให้มันไปตามธรรมชาติ แต่เราก็ต้องปรับนะเพราะบางทีด้วยความที่ตัวเราเองก็เป็นวันแมนโชว์มาตั้งแต่เด็ก อยู่คนเดียวโตมาคนเดียว เราก็ต้องเรียนรู้การที่จะอยู่แบบครอบครัว"
นิยามความรักในวัย 37 แบบ "เวียร์ ศุกลวัฒน์"
"ผมว่ามันเป็นช่วงเวลาที่เราต้องให้ มันต้องให้ เราก็ได้รับพอดีๆ มันเหมือนเราโตขึ้นแสดงว่าเราต้องใจเย็นขึ้นเราจะมองภาพที่มันใหญ่ได้มากกว่าเดิมเพราะเราโตขึ้นเราจะรู้สึกว่าเรายอมรับผิดให้อภัยได้มากกว่าเมื่อก่อนเพราะว่าเรา 37 แล้ว (หัวเราะ)"
กว่าจะมาถึงจุดนี้ประสบการณ์ที่ผ่านมาให้อะไรกับเราบ้าง ?
"จริงๆ แล้วระยะเวลาที่เราผ่านเรื่องราวสิ่งต่างๆ ที่มันผ่านเข้ามาจริงๆ ไม่ใช่ทุกคนนะที่จะตกตะกอนกับเรื่องราวพวกนี้ได้ บางคนก็แก่ขึ้นมาโดยที่ไม่มีอะไรด้วยซ้ำ แต่บางคนก็โตขึ้นมาด้วยความที่เหมือนเขาเคารพสิ่งต่างๆ ที่มันเกิดขึ้นมาในชีวิตว่ามันคือบทเรียนบางคนเขาไม่ได้สนใจไง แต่ผมก็สนใจบ้างไม่สนใจบ้าง ก็เอาสิ่งพวกนี้แหละเข้ามาเป็นถ้าเป็นแบบนี้อ๋อ..มันจะเป็นแบบนี้ เวลาเราเจอเหตุการณ์อะไรขึ้นมาเราก็จะมองว่ามันเล็กลงเมื่อก่อนดูเป็นเรื่องใหญ่ แต่ทุกวันนี้เราก็รู้ว่าจัดการได้แค่ใจเย็นๆ
ทุกวันนี้โฟกัสไปที่ความสุขง่ายๆ ของชีวิต?
"ใช่ๆ แต่มันก็ไม่ได้ทำได้ทุกคน ผมโชคดี อย่างที่ผมบอกว่าจะมาพูดให้สวยหรูว่าผมมีชีวิตต้องการความสุขง่ายๆ คนก็บอกมีหมดแล้วไง ก็พูดได้ แต่จริงๆไม่จำเป็นนะ บางทีเราไม่จำเป็นต้องรวยล้นฟ้าหรอก หาให้เจอว่าความสุขเราอยู่ตรงไหน แต่ละคนมันไม่เหมือนกัน ความสุขของเราอยู่ตรงไหนนั่นแหละ บางคนก็บอกว่ายังทำต้องทำงานหาเงิน แล้วบอกตัวเองว่าไม่มีความสุขเพราะเหนื่อย ก็ลองหาว่าตรงไหนคือความสุข มันต้องมีบ้างแหละ เราจะปิดกั้นตัวเองไม่ให้ไปเจอความสุขเลยเหรอ"
วันนี้เจอความสุขของตัวเองหรือยัง ?
"ผมเจอมาตลอดเลย (ยิ้ม) มันก็อยู่ได้ ความทุกข์มันก็มีแทรกมาบ้างแหละ แต่มันก็ไม่มีอะไรเป็นเรื่องใหญ่อีกต่อไปแล้ว ทุกอย่างมันเป็นเรื่องที่เข้ามาแล้วก็ผ่านไปอะไรอย่างนั้น"
มีวิธีรับมือกับคำวิพากษ์วิจารณ์และดราม่าต่างๆ ยังไงบ้าง ?
"ผมจะเล่าให้ฟังนะว่าสมัยก่อนน่ากลัวกว่าตอนนี้อีก ความรู้สึกผมนะ เดี๋ยวนี้ผมว่า..ไม่รู้สิ ผมแทบจะไม่ได้สนใจอะไรเลย สมัยก่อนข่าวน่ากลัวกว่าสมัยนี้อีก ความรู้สึกผมนะ ในยุคที่ไม่ใช่ยุคโซเชียล ผมว่ามันดูตื่นเต้นมากเลยนะยุคนั้น แต่ยุคนี้ถามว่าผมจะรับมือยังไงกับคำวิพากษ์วิจารณ์ คือ แต่ละคนก็มีสิทธิ์ที่จะมีความคิดเห็นของตัวเองอยู่แล้ว เพียงแต่เรามองว่าให้มันพอดี แต่ละคนก็มีเหตุผลในสิ่งที่ตัวเองทำไม่เหมือนกัน เราต้องมองว่าทุกคนมีเหตุผล แต่ละคนทำแบบนี้เพราะเขามีเหตุผลของเขา ทุกวันทำแบบนี้ รู้สึกแบบนี้ พอเรามองแบบนี้ซะแล้ว ก็ไม่เห็นจะต้องไปรู้สึกอะไร เพราะว่าไม่มีใครเหมือนกันหรอก"
"แม้แต่คนในครอบครัวยังทะเลาะกันเลย เราไม่สามารถตัดสินใครได้ เขาอาจจะทำผิดแต่เขามีเหตุผล ถ้าเขาไม่มีเหตุผลก็ค่อยไปว่ากันทีหลัง แต่เราไม่ตัดสินใครเลย เพราะเดี๋ยวนี้คนเราตัดสินกันง่ายมาก ก็เลยทำให้พิมพ์อะไรกันไปก็ไม่รู้ ยังไม่ผ่านกระบวนการความคิดอะไรออกมาเลย ก็ออกมาเป็นข่าวโซเชียล ซึ่งเราก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะตอนนี้ก็แข่งขันกัน เราอยู่ด้วยความเข้าใจ อะไรมันก็จะแบบว่าอือๆ โอเค รีบจังเลยเนอะ รอๆหน่อยก็ได้ รอดูสิว่าจริงๆมันคืออะไร แต่ยังไม่ทันได้ผ่านกระบวนการอะไรเลยที่คัดกรองให้มันถูกต้องแล้วค่อยปล่อยออกไปทางสื่อ
สมัยก่อนกว่าจะออกมาได้แต่ละข่าวๆ มันยากมาก แต่ปัจจุบันพูดไปประโยคเดียว แปปเดียวก็ออกไปทั่วแล้ว เราเข้าใจ แต่มันไม่ใช่แค่เราที่เข้าใจ จะมีกลุ่มคนอื่นที่เขาเสพเขาไม่เข้าใจว่ามันจริงหรือไม่จริง ทุกวันนี้เพื่อนยังมาถามเลยว่าจริงไหม ก็บอกมีจริงบ้าง ไม่จริงบ้างแหละ ก็ผสมผสานกันไป ก็เลือกๆเสพเอา เราก็มองอย่างเข้าใจ ไม่ตัดสินใคร ไม่โกรธเขา ไม่อะไรเขา"
เรียกว่าพูดคุยกันแบบเต็มอิ่มทุกเรื่องราว สำหรับ "พี่เวียร์" พระเอกขวัญใจแฟนๆ บอกเลยว่าตอนนี้ในวัย 37 ปี หนุ่มคนนี้หาความสุขของตัวเองเจอและชัดเจนมากๆ ยังไงแฟนๆ ที่คิดถึงก็เปิดช่อง 7 เฝ้าจอรอชม "กรงน้ำผึ้ง" กันได้เลย
อัลบั้มภาพ 41 ภาพ