ลาซาด้าเปิดตัว “โปรแกรมการทำงานแบบยืดหยุ่น” ตอกย้ำแนวคิด “ใช้ชีวิตอย่างจริงจัง ทำงานอย่างมีความสุข”

ลาซาด้าเปิดตัว “โปรแกรมการทำงานแบบยืดหยุ่น” ตอกย้ำแนวคิด “ใช้ชีวิตอย่างจริงจัง ทำงานอย่างมีความสุข”

ลาซาด้าเปิดตัว “โปรแกรมการทำงานแบบยืดหยุ่น” ตอกย้ำแนวคิด “ใช้ชีวิตอย่างจริงจัง ทำงานอย่างมีความสุข”
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ดูเหมือนว่า สถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้นมายาวนานกว่า 2 ปี ไม่เพียงส่งผลต่อสภาพจิตใจ สภาพเศรษฐกิจ ที่ทำให้พฤติกรรมคนเปลี่ยนไป แต่ยังส่งผลกระทบถึงในระดับองค์กรเช่นกัน

แน่นอนว่า “สุขภาวะในการทำงาน” เป็นหนึ่งในปัจจัยและเป็นตัวแปรสำคัญที่ขับเคลื่อนดัชนีชี้วัดความภักดีของพนักงาน (eNPS - employee Net Promoter Score) และคำว่าสุขภาวะในการทำงาน ยุคนี้กินความไปถึงการให้พนักงานได้รับวัคซีน การเข้าถึงแหล่งข้อมูลด้านสุขภาพจิต และการส่งเสริมให้ทำงานและใช้ชีวิตอย่างสมดุล

ลาซาด้า ผู้นำแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันเฉียงใต้และในประเทศไทย ถือเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง ในฐานะผู้นำในการสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ นอกจากการให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันดับหนึ่ง ลาซาด้ายังให้ความสำคัญกับพนักงานมากไม่แพ้กัน เพราะทุกคนเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการพัฒนาแพลตฟอร์มและกิจกรรมต่างๆ จึงได้สร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีและมีความสนุกสนานให้กับพนักงานทุกคน ภายใต้แนวคิด “ใช้ชีวิตอย่างจริงจัง ทำงานอย่างมีความสุข” ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวคิดเดียวกับ อาลีบาบา กรุ๊ป ที่ต้องการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานในออฟฟิศให้เป็นสถานที่ที่สนุก มีบรรยากาศที่ทุกคนอยากทำงาน อยากใช้ไอเดีย และเกิดความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ รวมไปถึงการสร้าง Work-Life Balance เพราะนอกจากจะทำงานอย่างมีความสุขแล้ว พนักงานทุกคนยังสามารถใช้ชีวิตให้เต็มที่ได้ในเวลาเดียวกัน

คุณเอ๋-กรกมล ตันตินาม หัวหน้ากลุ่มผู้ดูแลสุขภาวะในที่ทำงาน (Group Lead, Workplace Well-being) บริษัท ลาซาด้า จำกัด เล่าถึงความท้าทายในการบริหารคนของลาซาด้าช่วงที่ประเทศไทยเผชิญหน้าวิกฤตโควิด-19 และแนวคิดในการเสริมสร้างพลังให้พนักงานด้วยการสร้างสุขภาวะที่ดีในที่ทำงานว่า "ช่วงแรกท้าทายมาก เนื่องจากเรายังไม่คุ้นชินกับเครื่องมือต่างๆ ในการทำงานที่บ้าน ขณะเดียวกันสถานการณ์ของโรคก็ยังไม่รู้วิธีรับมือ พอรัฐบาลประกาศล็อกดาวน์ ลาซาด้าก็ให้พนักงาน Work From Home ทันทีและเตรียม ATK ให้ตรวจหากมีความจำเป็นต้องเข้าออฟฟิศ รวมถึงจัดเตรียมวัคซีนให้พนักงานทุกคนฟรี เพื่อความปลอดภัยของพนักงานทุกคน"

"ระหว่างทางเราก็ปรับมาเรื่อยๆ เช่น ปรับรูปแบบการทำงานเป็นแบบ Remote Working พนักงานก็เริ่มคุ้นชินกับการทำงานจากที่บ้าน และยังได้ใช้เวลากับครอบครัวมากขึ้น ซึ่งเราพบว่าประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ และยังค้นพบความสามารถที่โดดเด่นของพนักงานบางคน แม้จะต้องทำงานภายใต้การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้"

เพราะลาซาด้าตระหนักถึงความสำคัญในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน และต้องการสนับสนุนให้พนักงานมีความยืดหยุ่นในการเลือกสถานที่ทำงานที่เหมาะสม และยังเป็นการส่งเสริมให้เกิดวัฒนธรรมแห่งความไว้วางใจในองค์กร ซึ่งมุ่งเน้นความสำคัญที่ผลลัพธ์ของงาน จึงเป็นที่มาของ 'Flexible Work Arrangement Program (FWA)' หรือ โปรแกรมการทำงานแบบยืดหยุ่น

“เป้าหมายของการเพิ่มสุขภาวะในที่ทำงานไม่ได้อยู่ที่การกำจัดความเครียดให้หมดไป เนื่องจากความเครียดเชิงบวกในระดับต่ำถือเป็นสิ่งดี แต่อยู่ที่การพัฒนาปรับปรุงด้านสุขภาวะและความยืดหยุ่น เพื่อให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีสุขภาพที่ดีทั้งกายและใจ สามารถทำงานได้อย่างเต็มความสามารถ แม้จะเป็นการทำงานภายใต้ภาวะความกดดัน เราเชื่อว่าการมีสุขภาวะที่ดีในที่ทำงาน จะสร้างแรงบันดาลใจให้พนักงานและดึงศักยภาพของตัวเองมาใช้อย่างเต็มที่ ผ่านการใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือต่างๆ เพื่อร่วมกันพลิกโฉมธุรกิจอีคอมเมิร์ซ”

ทำความรู้จัก ‘Flexible Work Arrangement Program’ (FWA) โปรแกรมที่ช่วยสร้างชีวิตการทำงานที่ดีขึ้นของพนักงานลาซาด้า

คุณเอ๋ อธิบายว่า หัวใจสำคัญของโปรแกรม FWA คือการสร้างสุขภาวะที่ดีของพนักงาน หรือ Employee Well-Being โดยตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2565 พนักงานลาซาด้าสามารถเลือกทำงานที่บ้านเองได้ 2 วันต่อสัปดาห์ โดยบริษัทจะช่วยจัดเตรียมความพร้อมในการทำงานที่บ้าน เพื่อให้พนักงานมีสมดุลในการใช้ชีวิตและการทำงาน ลดเวลาการเดินทาง และเพิ่มประสิทธิผลในการทำงาน

“เราให้อิสระพนักงานในการออกแบบชีวิตการทำงาน เช่น กำหนดวันทำงานที่ออฟฟิศหรือที่บ้านในแต่ละสัปดาห์ได้ด้วยตัวเอง แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งงานและการพูดคุยกันระหว่างหัวหน้าทีมด้วย นอกจากนั้นเรายังมีนโยบาย Pause Wednesday สนับสนุนให้เลี่ยงการจัดประชุมเช้าวันพุธ ซึ่งเป็นวันกลางสัปดาห์ เพื่อให้พนักงานมีเวลาทบทวนงานและเคลียร์งานให้เสร็จ”

นอกจากการส่งเสริมให้พนักงานได้ใช้ชีวิตอย่างจริงจัง ทำงานอย่างมีความสุขผ่านโปรแกรมการทำงานแบบยืดหยุ่นแล้ว ลาซาด้า ยังมี “โปรแกรมการสร้างสุขภาวะที่ดีในการทำงาน” อื่นๆ อีกมายมาย เพื่อช่วยให้ชีวิตการทำงานของพนักงาน ไม่ว่าจะทำงานที่บ้านหรือมาทำงานที่ออฟฟิศก็แฮปปี้ที่สุด ได้แก่

  • LazTalk เปิดโอกาสให้พนักงานเติมความรู้และเติมแรงบันดาลใจจากผู้บริหาร ผู้เชี่ยวชาญ ในเรื่องด่างๆ เพื่อให้พนักงานของเราได้นำความรู้และสิ่งที่ได้รับไปปรับใช้ในการทำงานหรือในการดำเนินชีวิต
  • LazListen - โปรแกรมช่วยเหลือพนักงาน (Employee assistance program: EAP) ทางด้านสุขภาพจิตและความเครียด
  • LazRita - โปรแกรมแชตบอต ที่พนักงานสามารถสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับสวัสดิการ สิทธิประโยชน์ต่างๆ ของการเป็นพนักงานลาซาด้าเช่น วันหยุดพนักงาน สวัสดิการ หรือข้อสงสัยอื่นๆ และจะได้รับคำตอบในทันที
  • LazGo – แอปพลิเคชันที่ออกแบบขึ้นมาสำหรับพนักงานใหม่โดยเฉพาะ เพื่อช่วยให้การเริ่มงานกับลาซาด้าราบรื่นยิ่งขึ้น
  • Covid Care kit เซ็ตดูแลสุขภาพให้ห่างไกลจากโควิด-19 ที่มอบให้พนักงานทุกคน รวมถึงการจัดเตรียมวัคซีนและชุดตรวจ ATK ฟรีให้พนักงานทุกคน

“กุญแจสำคัญที่ทำให้โปรแกรม FWA ของลาซาด้าสามารถสร้างความสุขให้กับพนักงานได้จริง คือตัวพนักงานเอง เพราะพวกเขาต้องวางแผนการทำงานและตั้งเป้าหมายในแต่ละวัน เพื่อให้งานเสร็จตามกำหนดเวลา หากพนักงานนำหลักของ FWA ไปปรับใช้ก็จะทำให้พนักงานมีความสุขในการทำงาน สร้าง Work-Life Balance ของตัวเองได้ สิ่งต่อมาคือ ลูกค้าและผู้ขาย เพราะลาซาด้ายึดหลัก Customer Centric ความต้องการของลูกค้ามาก่อนเสมอ ดังนั้นในการทำงานหรือกิจกรรมใดขององค์กร ก็จะเริ่มต้นด้วยความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ ควบคู่ไปกับการให้อิสระทางความคิดแก่พนักงานทุกคน ในการทำงาน เราสนับสนุนการคิดต่าง เพื่อให้เกิดไอเดียใหม่ๆ ในการนำไปพัฒนาผลงาน”

คุณเอ๋ ยังกล่าวต่อว่า แม้ว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ ลาซาด้ายังคงใช้นโยบาย FWA ต่อไป เพราะพิสูจน์แล้วว่าสามารถสร้าง Work-Life Balance ที่ดี พนักงานมีความสุขกับการทำงาน ได้ใช้ชีวิตอยู่กับตนเองและครอบครัวมากขึ้น และยังทำให้ลาซาด้าสามารถรักษาพนักงานในองค์กรไว้และดึงดูดพนักงานใหม่ๆ เข้ามาอีกด้วย

“ถ้าองค์กรไหนสนใจอยากนำแนวทางของ FWA ไปปรับใช้เพื่อพัฒนาศักยภาพของพนักงานและเพิ่มความสุขในการทำงานและการใช้ชีวิต ลาซาด้าก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นความมุ่งมั่นของเราที่จะเป็นผู้นำด้านอีคอมเมิร์ซไปพร้อมกับสร้างมาตรฐานของการทำงานแบบใหม่สำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซด้วย” คุณเอ๋ กล่าวทิ้งท้าย

[Advertorial]

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook