แม่แตงโม-อัจฉริยะ เข้าให้ปากคำตำรวจไซเบอร์ ผบช.สอบข้อสงสัยกว่า 30 ประเด็น

แม่แตงโม-อัจฉริยะ เข้าให้ปากคำตำรวจไซเบอร์ ผบช.สอบข้อสงสัยกว่า 30 ประเด็น

แม่แตงโม-อัจฉริยะ เข้าให้ปากคำตำรวจไซเบอร์ ผบช.สอบข้อสงสัยกว่า 30 ประเด็น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แม่แตงโมควงแขนอัจฉริยะ เข้าให้ปากคำตำรวจไซเบอร์ ปมส่งมือถือให้ "บังแจ็ค" เผยไม่กังวลยังเชื่อใจบังแจ๊คเหมือนเดิม ด้าน ผบช.สอท.สอบเองกว่า 30 ประเด็น

วันนี้ (7 มิ.ย.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมด้วย นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน มารดาของ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม เข้าพบ พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ เพื่อให้ปากคำกรณีที่ส่งโทรศัพท์มือถือของแตงโมไปให้กับ "บังแจ็ค" ที่ประะเทศสหรัฐอเมริกา จนมีการปล่อยภาพและคลิปที่ไม่เหมาะสมลงในเพจ Happy melon official ที่มีผู้ติดตามกว่า 1.2 ล้านคน

ทั้งนี้ นางภนิดา เดินทางมาด้วยรถเบนซ์โดยมีสีหน้าเรียบเฉย ก่อนเปิดเผยกับสื่อมวลชนสั้นๆ ขณะเดินลงจากรถว่า ไม่มีความกังวลที่ต้องมาให้ปากคำกับตำรวจไซเบอร์ และยังมีความเชื่อมั่นในตัวบังแจ็คเนื่องจากเป็นคนอัธยาศัยดีและมีเพื่อนในประเทศไทยอยู่เยอะ จากนั้นเดินควงแขนนายอัจฉริยะขึ้นบันไดเลื่อนเข้าไปพบพนักงานสอบสวน โดยมี พล.ต.ท.กรไชย รอสอบปากคำด้วยตนเอง

ด้าน พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เปิดเผยว่า วันนี้เป็นการเชิญ นางภนิดา มาให้ข้อมูลเกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือของแตงโม ที่ส่งไปให้บังแจ็คที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อสอบถามประเด็นข้อสงสัยต่างๆ กว่า 30 ประเด็น ว่ามีความจำเป็นอย่างไรจึงส่งโทรศัพท์มือถือไปให้บังแจ็ค ทำไมถึงไว้ใจ และได้ค่าตอบแทนหรือไม่ รวมถึงอยากทราบว่ามือถือที่บังแจ็คอ้างว่าจะส่งมาให้ขณะนี้ได้รับหรือยัง หากได้รับแล้วตำรวจก็มีอำนาจในการริบไว้เป็นของกลางเพื่อนำไปสืบสวนประกอบสำนวนคดีตามกฎหมาย

พร้อมระบุหากพบว่า บังแจ็คกระทำความผิดเข้าข่ายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 20 ซึ่งบัญญัติว่า "ถ้าความผิดซึ่งมีโทษตามกฎหมายไทยได้กระทําลงนอกราชอาณาจักรไทย ให้อัยการสูงสุดหรือผู้รักษาการแทนเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบหรือจะมอบหมายหน้าที่นั้นให้พนักงานอัยการหรือพนักงานสอบสวนคนใดเป็นผู้รับผิดชอบทําการสอบสวนแทนก็ได้ เพื่อออกหมายแดงเข้าสู่กระบวนการติดตามตัวมาดำเนินคดีในประเทศไทย"

นอกจากนี้ ยังถือว่าเข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 16 นำภาพผู้เสียชีวิตไปเผยแพร่ทำให้เกิดความเสื่อมเสีย

ผบช.สอท.ยังกล่าวอีกด้วยว่า ส่วนตัวเห็นว่าบังแจ็คเป็นคนเพ้อเจ้อ ไม่ใช่ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางแต่อย่างใด ซึ่งการสอบปากคำครั้งนี้จะอนุญาตให้นางภนิดาและทนายความเข้าไปร่วมสอบปากคำกับพนักงานสอบสวนเท่านั้น จะไม่ให้บุคคลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปร่วมฟังการสอบปากคำเด็ดขาด เพื่อป้องกันไม่ให้นำข้อมูลออกไปเปิดเผยสู่สาธารณชน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook