แปลกไหม? เยาวรุ่นมะกันอายุ 18 ซื้อปืนไรเฟิลได้ แต่ซื้อเหล้า-เบียร์ไม่ได้
โศกนาฏกรรมน่าสะพรึงเกี่ยวกับอาวุธปืนเกิดขึ้นซ้ำๆ ในสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา ซัลวาดอร์ รามอส หนุ่มวัย 18 ปี กราดยิงปืนไรเฟิล AR-15 ใส่ชั้นเรียนนักเรียนประถมของโรงเรียนประถมศึกษาในเมืองยูวัลดี รัฐเท็กซัส มีผู้เสียชีวิต 21 ราย19 รายเป็นนักเรียนอายุ 9-11 ปี และอีก2 รายเป็นครู
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แถลงว่า ปืน คือนักฆ่าหมายเลขหนึ่งของเด็กๆ ในสหรัฐ มีเด็กวัยเรียนเสียชีวิตด้วยปืนมากกว่าอุบัติเหตุทางรถยนต์ หรือจากโรคมะเร็ง หรือแม้แต่การเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่ขณะปฎิบัติหน้าที่
"ตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา เด็กในวัยเรียนเสียชีวิตจากปืนมากกว่าตำรวจและทหารที่ตายในหน้าที่รวมกันเสียอีก" ประธานาธิบดีสหรัฐกล่าว
สถิติความรุนแรงจากอาวุธปืน
เพียง 5 เดือนแรกของปี 2022 มีผู้ถูกยิงและถูกสังหารด้วยอาวุธปืนในสหรัฐมากกว่า 17,000 ราย ในนั้นเป็นเด็ก 650 ราย โดยเฉลี่ยแต่ละปี มีผู้ถูกสังหารด้วยอาวุธปืนราว 41,000 คน
ตามรายงานของ Everytown for Gun Safety มีผู้ตกเป็นเหยื่ออาวุธปืนในสหรัฐเฉลี่ยวันละ 111 ราย ในเท็กซัสซึ่งเป็นรัฐที่มีการควบคุมการขายปืนน้อยมาก มี ประชาชนถูกสังหารด้วยอาวุธปืนในแต่ละปีสูงถึง 3,600 คน
The Gun Violence Archive องค์กรไม่แสวงรายได้ รายงานว่า ตั้งแต่เริ่มปี 2022 มีผู้ถูกสังหารด้วยอาวุธปืนอย่างน้อย 17,199 ราย ในจำนวนนั้น ราว 7,600 รายเป็นเหยื่อการฆาตกรรม และมากกว่า 9,500 รายเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย
ในปี 2021 มีบันทึกผู้เสียชีวิตจากปืนมากกว่า 45,000 ราย รวมถึงมีผู้ถูกฆาตกรรมด้วยปืนจำนวน 20,920 ราย ซึ่งนับว่าสูงที่สุดตั้งแต่ปี 2017
เด็กๆ คือเหยื่ออายุน้อย
เด็กๆ ในสหรัฐเป็นอีกกลุ่มที่ตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงจากอาวุธปืน ข้อมูลล่าสุดของปีนี้ มีผู้เยาว์ 640 คนถูกยิงและสังหารด้วยอาวุธปืน 1,594 รายได้รับบาดเจ็บ ในจำนวนนั้นมีเด็กที่อายุต่ำกว่า 11 ปี ถูกฆ่า 140 คน 300 คนได้รับบาดเจ็บ และในปี 2021 มีเด็ก 1,560 คนถูกฆ่าจากอาวุธปืน และมีเด็กมากกว่า 4,000 คนได้รับบาดเจ็บ
เหตุกราดยิงเกิดมากกว่า 1 ครั้งต่อวัน
The Gun Violence Archive เผยว่า145 วันแรกของปี 2022 เกิดเหตุกราดยิงใส่ฝูงชนเท่าที่รับรู้ 213 ครั้ง แต่ละครั้งมีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตมากกว่า 4 ราย โดยไม่นับรวมผู้ยิง ส่วนในปี 2021เกิดเหตุกราดยิง 692 ครั้ง
อายุ 18 ปีซื้อปืนไรเฟิลได้ แต่ห้ามซื้อเหล้าเบียร์
ภายใต้กฎหมายของรัฐบาลกลาง ชาวอเมริกันจะซื้อปืนสั้นจากผู้แทนจำหน่ายได้ ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 21 ปี แต่ตามกฎหมายรัฐเท็กซัส บุคคลที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปสามารถซื้ออาวุธปืนชนิดใดก็ได้
ซัลวาดอร์ รามอส มือปืนที่ก่อเหตุสังหารหมู่ในโรงเรียนประถมที่เมืองยูวัลดี รัฐเท็กซัส เมื่อวันที่ 24 พ.ค. ซื้อปืนไรเฟิล AR-15 สองกระบอกหลังวันเกิดครบ 18 ปีของเขา
ขณะที่กฎหมายรัฐบาลกลางสหรัฐกำหนดอายุสำหรับผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ได้ไว้ที่ 21 ปีขึ้นไป รวมถึงห้ามการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับผู้ที่อายุต่ำกว่า 21 ปี กฎหมายยังกำหนดห้ามขายบุหรี่ให้ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีอีกด้วย
สิทธิในการครอบครองอาวุธถูกรับรองในรัฐธรรมนูญสหรัฐแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 2 เมื่อปี 1791 โดยกลุ่มบิดาผู้ก่อตั้งประเทศ เพื่อให้สิทธิพลเมืองของมลรัฐปกป้องอิสรภาพของตนเองจากการคุกคามของรัฐบาลสหพันธรัฐ
ตามรายงานของโครงการสำรวจอาวุธขนาดเล็ก พบว่า ในปี 2020มีอาวุธปืนจำนวน 393.3 ล้านกระบอกหมุนเวียนอยู่ในสหรัฐ หรือคิดเป็นปืนจำนวน 120 กระบอกต่อประชากรทุก 100 คน ซึ่งมากกว่าจำนวนประชากรของสหรัฐที่มีอยู่ราว 330 ล้านคน และเป็นสัดส่วนสูงที่สุดในโลก ทั้งนี้ยังไม่นับรวมถึงจำนวนของ 'ปืนผี' ซึ่งซื้อขายกันโดยไม่มีเลขทะเบียน
เหตุสังหารหมู่ที่โรงเรียนประถมในยูวัลดี ทำให้ สส.เท็กซัสรวมตัวเรียกร้องให้เพิ่มอายุของผู้ที่มีสิทธิซื้อปืนไรเฟิลจาก 18 ปี เป็น 21 ปี จากข้อมูลของศูนย์กฎหมายกิฟฟอร์ดส์เพื่อป้องกันความรุนแรงจากปืน เผยว่าขณะนี้มีเพียง 6 รัฐ ได้แก่ ฟลอริดา วอชิงตัน เวอร์มอนท์ แคลิฟอร์เนีย อิลลินอยส์ และฮาวาย ที่กำหนดอายุต่ำสุดในการซื้อปืนยาวเป็น 21 ปี หลังเกิดเหตุสังหารหมู่ในโรงเรียนมัธยมปลายที่ปาร์คแลนด์ ฟลอริดา เมื่อปี 2018 มีเหยื่อถูกสังหาร 17 ราย
ทั้งนี้ สมาคมไรเฟิลแห่งชาติ (National Rifle Association-NRA) พยายามจะยกเลิกกฎหมายควบคุมอายุผู้มีสิทธิซื้อปืนในฟลอริดา โดยอ้างว่าเป็นการละเมิดสิทธิของคนที่อายุ 18-20 ปีในการซื้ออาวุธปืนตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
ทางด้านอัยการรัฐฟลอริดาโต้แย้งว่า คนในวัย 18-20 ปี เป็นช่วงที่หุนหันพลันแล่น ใช้อารมณ์ และมีพฤติกรรมเสี่ยง การขีดเส้นทางกฎหมายการซื้ออาวุธปืนที่อายุ 21 ปีเป็นวิธีที่สมเหตุสมผลตามความห่วงใยต่อความปลอดภัยสาธารณะของสภานิติบัญญัติ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากศาลสหพันธรัฐให้เป็นกฎหมายเมื่อปีที่แล้ว ขณะที่สมาคมไรเฟิลแห่งชาติกำลังทำการยื่นอุทธรณ์
วอชิงตันโพสต์ได้รวบรวมและวิเคราะห์เหตุการณ์กราดยิงโรงเรียนประถมหรือมัธยมตั้งแต่การสังหารหมู่ที่โรงเรียนมัธยมปลายโคลัมไบน์ เมื่อ 20 เม.ย.1999 ผลการวิเคราะห์พบว่ามากกว่า 200 เหตุการณ์ เกินกว่า 2 ใน 3 มือปืนที่ก่อเหตุมีอายุต่ำกว่า 18 ปี โดยค่ากลางของอายุมือปืนอยู่ที่ 16 ปี
ส่วนการก่อเหตุกราดยิงโดยรวม พบว่าราว 1 ใน 4 ของผู้ก่อเหตุ อายุต่ำกว่า 25 ปี การศึกษาของ RAND study ตั้งแต่ปี 1976-2018 พบว่า 26% ของผู้ก่อเหตุอายุต่ำกว่า 25 ขณะที่มหาวิทยาลัยอลาบามาพบว่า 27.2% ของผู้ก่อเหตุอายุต่ำกว่า 25 และ 6.8% ของผู้ก่อเหตุอายุต่ำกว่า 18
ประธานาธิบดีไบเดนกล่าวว่า จำเป็นต้องควบคุมอาวุธจู่โจมและแม็กกาซีนที่บรรจุกระสุนเกิน 10 นัด หรือกำหนดอายุผู้ซื้อปืนจาก 18 เป็น 21 ปี เพิ่มการตรวจประวัติย้อนหลังให้เข้มข้น ออกกฎหมายการเก็บปืนในที่ปลอดภัยและกฎหมายควบคุมอาวุธปืน ยกเลิกการพ้นผิดลอยนวลซึ่งช่วยปกป้องอุตสาหกรรมผู้ผลิตปืนจากความรับผิดชอบ
ผู้นำสหรัฐกล่าวด้วยว่า ควรนำกฎหมายควบคุมอาวุธจู่โจมและแม็กกาซีนบรรจุกระสุนได้สูงในปี 1994 กลับมาใช้ และสนับสนุนการควบคุมปืนกึ่งอัตโนมัติ อย่างAK-47 และ AR-15 ช่วงเวลา 10 ปีที่กฎหมายบังคับใช้ลดการการกราดยิงใส่ฝูงชนลงได้มาก แต่หลังจากถูกเลิกไปโดยรัฐบาลรีพับลิกันยกในปี 2004 การกราดยิงใส่ฝูงชนได้เพิ่มสูงขึ้นเป็น 3 เท่าตัว