บิ๊กโจ๊ก เจอลูบคม! หนุ่มใหญ่อ้างเป็นพี่ชาย ลวงเหยื่อให้เชื่อว่าฝากเข้าตำรวจ-ทหารได้

ตำรวจจังหวัดขอนแก่น จับกุมผู้ต้องหาอ้างตัวเป็นพี่ชาย "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. หวังหลอกลวงชาวบ้านว่าสามารถฝากเข้าเป็นตำรวจ-ทหาร มีเหยื่อหลงเชื่อจำนวนมาก

จากกรณีที่มีผู้เสียหายร้องเรียนมายังสื่อมวลชนว่ามีพระภิกษุอ้างตนเป็นพี่ชาย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ว่า สามารถฝากลูกหลานเข้ารับราชการเป็นตำรวจและทหาร โดยเสียค่าใช้จ่ายรายละประมาณ 100,000 บาท มีผู้เสียหายหลงเชื่อ ซึ่งก่อเหตุในบริเวณพื้นที่ จ.ขอนแก่น และ จ.มหาสารคาม นั้น

ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (9 มิ.ย.) พ.ต.อ.พงศ์ฤทธิ์ คงสิริสมบัติ รอง ผบก.สส.ภาค 4 พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย รอง ผบก.สส.ภาค 4 พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น คือ นายอภิรักษ์ อายุ 75 ปี ในข้อหา "ฉ้อโกง" โดยสามารถจับกุมได้ที่บริเวณบ้านเช่าหลังหนึ่ง ต.นาสัก อ.สวี จ.ชุมพร

พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองขอนแก่น กล่าวว่า พฤติการณ์ในคดีนี้ กล่าวคือ นายอภิรักษ์ บวชเป็นพระภิกษุ อยู่ที่วัดปธรรมจักร บ้านท่าแก ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น ได้รับฉายา “พระอภิรักษ์ อภิปุญโญ” และเริ่มตีสนิทญาติโยมที่มาทำบุญตามวัดต่างๆ โดยอ้างตนเองมียศนายพลทหารและมาบวชเป็นพระภิกษุ มีน้องชายคือ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. และสามารถฝากบุคคลเข้ารับราชการตำรวจและทหาร มีโควตาปีละ 2 คน โดยมีค่าใช้จ่ายประมาณ 100,000 บาท จนมีชาวบ้านหลงเชื่อและจ่ายเงิน

เมื่อนายอภิรักษ์ได้เงินแล้ว ก็จะย้ายวัดไปจำวัดที่วัดอื่นต่อ และหลอกลวงญาติโยมที่มาทำบุญในลักษณะเดียวกันที่วัดอื่นอีก จนถูกดำเนินคดีและออกหมายจับ ต่อมาจึงลาสิกขาบทจากความเป็นพระในพื้นที่ จ.ตาก และหลบหนีไปตามพื้นที่ต่างๆ จนมาถูกจับกุมได้ที่ อ.สวี จ.ชุมพร

จากการตรวจสอบประวัติพบว่า ผู้ต้องหาเคยถูกกองปราบจับกุมโดยกระทำความผิดในลักษณะเดียวกันมาก่อนเมื่อปี 2558-2559 โดยก่อเหตุในพื้นที่ จ.อ่างทอง และเมื่อพ้นโทษในปี 2564 ได้บวชเป็นพระและมาก่อเหตุช้ำอีก และจากการตรวจสอบเพิ่มเติมยังพบอีกว่า มีผู้เสียหายในลักษณะคล้ายกัน คือ ถูกนายอภิรักษ์หลอก โดยเหตุเกิดในเขตพื้นที่อำเภอเมืองขอนแก่น 2 คดี และอำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคามอีก 3 คดี รวมมูลค่าความเสียหายทั้งสิ้นกว่า 500,000 บาท

ทั้งนี้ จึงขอประชาสัมพันธ์ให้กับพี่น้องประชาซนทราบ หากทราบว่าตนเองถูกผู้ต้องหาหลอกลวงในลักษณะเดียวกันนี้ ขอให้แจ้งมายัง สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อดำเนินคดีเพิ่มเติมต่อไป