ผบช.ไซเบอร์ จ่อประสานอัยการ-ตำรวจสากล ล่า "บังแจ็ค" หลังศาลอนุมัติหมายจับ

เมื่อวานนี้ (9 มิ.ย.) ศาลอาญามีนบุรี ออกหมายจับ "บังแจ็ค" 2 ข้อหา ฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ แล้ว ขั้นตอนต่อไปตำรวจไซเบอร์เตรียมประสานตำรวจสากลพิจารณาออกหมายแดง และขอให้อัยการสูงสุดทำเรื่องขอส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน นำตัวกลับมาดำเนินคดีในไทย

ล่าสุดวันนี้ (10 มิ.ย.) พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ เปิดเผยถึงขั้นตอนการดำเนินการหลังศาลอาญามีนบุรี ออกหมายจับ นายซาคาเนียน ราชา ไฮเดอร์ หรือ "บังแจ็ค" ในข้อหา "หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และ นำข้อมูลที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อที่น่าจะทำให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น เกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์" ว่า ขั้นตอนต่อไปจะต้องมีการประสานงานกับ 2 หน่วยงาน

หน่วยงานแรก คือ สำนักงานอัยการสูงสุด เนื่องจาก "บังแจ็ค" มีถิ่นพำนักอยู่ในต่างประเทศ ต้องตั้งเป็นคดีที่เกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร และให้อัยการสูงสุดเป็นเจ้าภาพในการประสานการติดตามดำเนินคดี

ส่วนอีกหน่วยงาน คือ องค์การตำรวจสากล หรือ อินเตอร์โพล (INTERPOL) ที่ต้องแจ้งให้ทราบว่า "บังแจ็ค" เป็นผู้ที่มีหมายจับ และเป็นบุคคลที่ทางการไทยต้องการตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ต้องการขอให้พิจารณาออกหมายแดง (Red Notice) และตามจับกุมตัวส่งกลับมาดำเนินคดีต่อไป

ส่วนการให้ปากคำของ นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของแตงโม ในฐานะพยาน คณะทำงานยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบพยานหลักฐานและผลการสอบปากคำที่แม่ได้ชี้แจง และแสดงความบริสุทธิ์โดยการให้ตำรวจเก็บข้อมูลโทรศัพท์มือถือไปตรวจสอบ ซึ่งยืนยันว่าผลการตรวจสอบ ตำรวจพบพยานหลักฐานที่เป็นประโยชน์มาก แต่เปิดเผยในรายละเอียดไม่ได้

นอกจากนี้ ผู้บัญชาการตำรวจไซเบอร์ ยังกล่าวอีกด้วยว่า หลังจากนี้อาจมีผู้เสียหายอีกหลายรายที่เข้าแจ้งความกับ "บังแจ็ค" เพราะการโพสต์ข้อความและรูปภาพเกิดขึ้นหลายครั้ง ต้องแยกการดำเนินคดีต่างกรรมต่างวาระ และหาก นางสาวอิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ หรือ "กระติก" ที่เป็นผู้เสียหายในคดีนี้ไปพบความเสียหายใหม่ แล้วต้องการจะแจ้งความดำเนินคดีอีกก็สามารถทำได้