เคนลี เผชิญหน้าพลเมืองดี ยันทำไปไม่ใช่สันดาน สาวถูกทำร้ายจ่อแจ้งความสองฝ่าย
“เคนลี เทคมีเอาท์” เผชิญหน้าพลเมืองดี ยอมรับสิ่งที่ทำลงไปเลวทราม ควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่ยืนยันไม่ใช่สันดาน ขอร้องครอบครัวไม่เกี่ยว ขณะที่สาวถูกทำร้ายเตรียมแจ้งความทั้งสองฝ่าย
กรณีพลเมืองดีถ่ายคลิปวิดีโอก่อนโพสต์ลงเฟซบุ๊กส่วนตัว เป็นชายคนหนึ่งกำลังทำร้ายร่างกายผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ก่อนที่พลเมืองดีจะเข้าไปห้ามปราม เพราะกลัวเหตุการณ์บานปลายไปมากกว่านี้ แต่สุดท้ายกลับมีปากเสียงกันรุนแรง ฝ่ายพลเมืองดีเตะเข้าที่ลำตัวของผู้ชายด้วยความไม่พอใจ เกิดการโต้เถียงกันอย่างดุเดือด
ล่าสุดรายการโหนกระแสวันนี้ (10 มิ.ย. 65) ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย” ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 สัมภาษณ์ “เคนลี เทคมีเอาท์” หรือ “อธิคุณ โชติธนัสปิติ” ชายที่อยู่ในคลิป เผชิญหน้า “ตาล-โฟม” พลเมืองดีที่ถ่ายคลิป รวมทั้ง “กัน จอมพลัง” ที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเคลียร์เรื่องนี้
จริงๆ เคนไม่ได้จะมาออกรายการ แต่บังเอิญเมื่อเช้าได้มีโอกาสคุย เคนอยากมาชี้แจงดีกว่าโฟนอินหรือไม่พูดอะไรเลย แต่ขออนุญาตไม่พูดถึงเรื่องราวในอดีต ขอพูดถึงเรื่องปัจจุบันนี้ คนคงเสพข่าวไปแล้วว่าเขามีคดีเก่า แต่วันนี้จะเอายังไง?
เคนลี : ก่อนอื่นผมขอโทษ (ยกมือไหว้) ผมมีการทำร้ายร่างกายผู้หญิงจริง เบื้องต้นผมมีการโทรไปขอโทษทางพ่อแม่ของผู้หญิงแล้ว เกี่ยวกับการกระทำที่เกิดขึ้น ผมทำจริงๆ ครับ ผมผิดร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ทั้งสิ้นกับการกระทำนั้น ทุกคนเห็นคลิป ทุกคนเห็นภาพ อาจตีความหมายไปได้ต่างๆ นานา ทุกอย่างไม่ต้องโทษใคร ไม่ต้องโทษฝ่ายหญิงว่าทำไมคุยกับผม ไม่ต้องโทษผู้ถ่ายคลิปหรือฝ่ายอื่นว่าห้ามปรามในรูปแบบไหน เพราะทุกอย่างอยู่ที่ว่าผมทำร้ายร่างกายผู้หญิง ผมไม่รู้ว่าผมจะปฏิเสธตรงนี้ยังไง เพราะทุกคนเห็นภาพไปแล้ว ผมตีเขาจริงๆ และเป็นการทารุณด้วย ฉะนั้นวันนี้ผมแค่จะเดินเข้ามาขอโทษจริงๆ กับการกระทำที่เกิดขึ้น ผมพลาด ผิด ผมไม่ได้คิดว่าการกระทำนั้นเป็นการกระทำที่สมควรเลย ผมมั่นใจว่าจะเป็นบทเรียนในชีวิตผม และผมจะไม่ทำอีก
ฝั่งตาลกับโฟมได้พูดกับสื่อไปแล้ว คุณยังไม่เคยพูดเลย ผู้หญิงที่คุณทำร้ายเขาเป็นใคร?
เคนลี : เป็นเพื่อนครับ ยังอยู่ในสถานะเพื่อน มีความสนิทสนมแต่เป็นเพื่อน
มีเหตุอะไรทำไมต้องทำร้ายเขาขนาดนั้น?
เคนลี : ผมต้องพูดอย่างหนึ่ง วันนั้นผมดื่มมา แล้วผมไม่ชอบการโดนคำพูดด้อยค่า หรือจี้ปมกับสิ่งที่เคยทำในอดีต
คุณถูกผู้หญิงด้อยค่า จี้ปม ทั้งที่เป็นเพื่อนกัน?
เคนลี : ผมต้องแจ้งก่อนว่าจุดเริ่มต้นทะเลาะกัน ไม่ได้ทะเลาะกันที่คอนโด เป็นการทะเลาะกันระหว่างเดินทางมา
เรื่องชู้สาวมั้ย?
เคนลี : การโดนด้อยค่าเลยครับ เหตุผลการทำร้ายร่างกาย ถามว่าเหตุผลชู้สาวมีมั้ย มี แต่ไม่เชิงชู้สาวว่าเขาหึงเราจากผู้หญิง เขาพูดในเชิงผู้ชายมามองเรา แล้วผมไม่ชอบคำพูดตรงนั้นอยู่แล้ว แต่หลักๆ พอเกิดวิวาทะขัดแย้งกัน เราโดนคำพูดด้อยค่ามาเราเลยไม่สามารถระงับอารมณ์ได้ในเหตุการณ์นั้น เลยควบคุมตัวเองไม่ได้ ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ลงไม้ลงมือ
ยอมรับว่าผิดจริง?
เคนลี : ผมพูดตั้งแต่วันแรกที่มีการลงคลิป และวันแรกที่มีผู้สื่อข่าวติดต่อไป ว่าผมไม่มีอะไรจะพูด ไม่ไปออกรายการด้วย เพราะผมผิดจริงๆ ผมยอมรับ จะให้พูดอีกกี่ครั้งก็ผิด จะให้คนดูกี่ประเทศ ผมก็ผิดแน่นอน
คุณรู้ใช่มั้ย มานั่งตรงนี้ถูกด่าแน่นอน ทำไมเลือกมาออก?
เคนลี : จริงๆ เมื่อวานเราได้เจอกันแล้วหนึ่งครั้ง และผมพูดจริงๆ ว่าผมไม่ประสงค์ออกรายการ ผมต้องขอโทษคุณพ่อคุณแม่ก่อน คุณพ่อคุณแม่สั่งห้ามผมมาออก เพราะเขารู้ว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นคืออะไร ครอบครัวพี่น้องหรือคนรู้จักผม ไม่มีใครเห็นด้วยกับการที่ผมมาออกรายการนี้ แต่สิ่งที่อยากให้รู้คือมีผู้สื่อข่าวบางสำนัก เริ่มมีการเดินทางไปที่บ้านของพ่อแม่ผม แล้วนำภาพของผมไปให้เพื่อนบ้านดูว่าบุคคลนี้อยู่บ้านหลังนี้มั้ย ผมรู้สึกว่าจากต้นคลิปที่ผมทำร้ายร่างกายผู้หญิง ที่ผมผิด เริ่มแผ่ความเดือดร้อน และคุกคามไปถึงพ่อแม่ผมแล้ว ไม่ใช่แค่พ่อแม่ผม พ่อแม่ผู้หญิงก็ตาม ครอบครัวก็ตาม ที่ต้องนั่งดูคลิปไม่รู้กี่ครั้งที่ปรากฏอยู่บนเฟซบุ๊ก ซึ่งเมื่อเช้านี้ผมดูล่าสุดมีคนแชร์ไปแล้วกว่า 9 หมื่นครั้ง ผมนั่งคิดว่า 9 หมื่นครั้ง คนจะดูกี่คน
เหตุการณ์วันนั้นคุณเคลียร์กับเพื่อนจบแล้วแยกย้ายกันไป?
เคนลี : มีการพูดคุยกันต่ออีกสักครู่หนึ่ง เพราะเสื้อผ้าเขาไม่ค่อยเหมาะสม เขามีการขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ขึ้นไปพูดคุยเจรจากันอีกสักแป๊บก่อนแยกย้ายกัน
คุณไปเคลียร์กับที่บ้านเขาหรือยัง?
เคนลี : คุยแล้วครับ ก่อนผมทำทุกอย่าง สิ่งแรกที่ผมทำคือ โทรไปขอโทษพ่อเขาก่อน ณ วันที่คลิปได้มีการกระจายไปว่าลูกเขาได้ถูกทำร้ายทารุณขนาดไหน ก่อนเขาจะเห็น ผมได้โทรไปขอโทษพ่อเขาแล้ว และแจ้งความประสงค์แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเหตุการณ์นั้น ผมคิดว่าผมจะแก้ไขปัญหาตรงนี้ยังไงต่อไป
พูดง่ายๆ ว่ากำลังยอมรับตรงนี้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งเลวทราม?
เคนลี : เลวทรามครับ ผมผิดล้านเปอร์เซ็นต์ครับ คนดูอีกกี่ประเทศก็ผิด ผมออกมาวันนี้ กลับไปผมโดนเละแน่นอน แต่ผมนั่งคิดกับตัวเองว่าผมจะกลัวอะไร ตอนผมทำผิดผมยังไม่กลัว ตอนผมขาดสติ ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ก็เกิดจากการกระทำของผมคนเดียว วันนี้ถ้าจะออกมายอมรับผิดในส่วนที่ผมทำผิดมันอาจจะน่าอาย แต่ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ผมสมควรได้รับ เป็นผลของการกระทำของผมที่ผมควรได้รับ
ในเฟซบุ๊กยังไม่มีคนชมคุณ คนกระหน่ำว่าทำไมไม่แมนเหมือนวันนั้น คุณยอมรับได้หมดวันนี้?
เคนลี : ครับ วันนี้ถ้าผมไม่ออกมาพูด แล้วเลือกที่จะโทรเข้ามา คนก็จะมองว่าทำไมไม่กล้าออกมา วันนี้ผมไม่ออกมา ผมก็โดนตำหนิ โดนว่า แต่การที่ผมออกมาผมไม่ได้ห้ามให้ทุกคนว่าผม ว่าผมได้เลย แต่ขอร้องล่ะครับ พ่อแม่ผมไม่ได้สอนให้ผมทำร้ายร่างกายผู้หญิง พ่อแม่ผมและครอบครัวผมไม่เกี่ยวข้องเรื่องนี้ อย่าไปคุกคามหรือไปต่อว่าถึงคนที่ไม่เกี่ยวข้องเลย คนทำผิดคือผม คุณจะด่าผมอีกกี่วันกี่เดือนกี่ปีก็ได้ ผมทำผิด การมาออกรายการนี้ ผมต้องทิ้งห้วงเวลาผมให้คนได้ดู ไม่ว่าจะเปิดย้อนมากี่ครั้ง คนจะได้เห็นข่าวนี้และรู้ว่าไอ้ผู้ชายคนนี้มันทำร้ายร่างกายผู้หญิง ใช่ครับ ผมผิด แต่ขอร้องช่วยหยุดลามปามไปถึงพ่อแม่ มันไม่ใช่เฉพาะพ่อแม่ผม เป็นพ่อแม่ฝั่งผู้หญิงด้วย กลายเป็นเพื่อนฝั่งผู้หญิงด้วย ไม่ว่ายังไง เรื่องทั้งหมดผิดที่ผม
ที่บอกว่าพ่อแม่ไม่ได้สอนให้คุณทำแบบนี้ มันเป็นสัญชาตญาณดิบคุณหรือเปล่า คุณชอบทำร้ายร่างกายคนหรือเปล่า?
เคนลี : คนส่วนใหญ่ไม่มีใครชอบทำร้ายร่างกายอยู่แล้ว แต่ผมอาจมีวุฒิภาวะไม่พอ มีสติไม่พอที่จะควบคุมสถานการณ์และอารมณ์ตัวเอง ผมไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ และมันไม่ได้ผิดที่อาการจิต หรืออาการอะไรเลย มันผิดที่ผมไม่มีวุฒิภาวะมากพอที่จะควบคุมอารมณ์ตัวเอง
ไม่ใช่นิสัย ไม่ใช่สันดาน?
เคนลี : ไม่ใช่ครับ
เมา?
เคนลี : มีส่วนครับ แอลกอฮอล์มีส่วน
คุณขอร้องอย่างเดียว อย่าไปคุกคามครอบครัวไม่ว่าจะสื่อหรือคนทั่วไป วันนี้คุณมานั่งให้ด่า คุณไม่ออก คนก็ด่าว่ามุดหัวอยู่ไหน อยู่ใต้กระโปรงผู้หญิง แต่วันนี้ออกมานั่งให้ด่า เฮียจริงๆ ที่ไปทำ?
เคนลี : ครับ
ทำไมต้องไปแจ้งความเขา เขาเป็นพลเมืองดีลงไปช่วยเหลือ ในการไปถ่ายคลิปและห้ามคุณสองคน ถ้าเขาไม่ลงไปห้าม อาจหนักกว่านั้นก็ได้ อาจไปถึงผู้หญิงตาย ถ้าคุณหลุดไปแล้ว ทุกอย่างดาวน์ลงแล้ว ทำไมถึงไปแจ้งความเขา เกิดอะไร?
เคนลี : ก่อนอื่นเลยขอบคุณพี่ๆ สองคน ถ้าเขาไม่ห้าม ความรุนแรงจะมากขึ้นหรือน้อยลงหรือขนาดไหน ไม่รู้เลยจริงๆ แต่สิ่งที่ทุกคนเห็นผ่านสื่อ เรามีการพูดคุยกันหลังการถ่ายคลิปนั้น เนื่องจากผมไม่รู้จักเขาทั้งสอง ผมไม่มีทางหาคอนแทกต์ได้แน่นอน ผมได้ติดต่อพี่ตาลไป แต่คนน่าจะแชร์เยอะมากๆ ฟีดน่าจะเด้งเยอะๆ ทำให้เขาไม่เห็นแมสเสจที่ผมส่งไป ทำให้แอมได้ติดต่อไปหาพี่ตาล ผมทราบหลังลงไป 2-3 ชั่วโมง
เหตุการณ์นานมั้ยกว่าตาลจะลง?
ตาล : เหตุเกิดตีสาม แล้วมาลงอีกทีตอนสี่ทุ่ม ต่อเนื่องในวันเดียวกัน ยังไม่ถึง 24 ชั่วโมง
ฝั่งนี้ติดต่อมาจริง ใครเป็นคนโทรมา?
ตาล : ติดต่อมาจริงค่ะ น้องผู้หญิงโทรมาไอจีเพื่อนหนูค่ะ
ของโฟม เขาบอกยังไง?
โฟม : ขอให้ลบคลิปค่ะ เริ่มสายคือ ขอให้ลบคลิปได้มั้ย
ตาล : เริ่มต้นขอให้ลบคลิปเลย โดยไม่ได้มีการคุยไกล่เกลี่ย หรือปรับความเข้าใจอะไรกันก่อน พอหนูบอกว่าอ้าว เพราะเขาอธิบายว่าเดี๋ยวพ่อแม่จะเห็น เพราะตอนแรกที่หนูลง หนูก็เซ็นเซอร์ไว้แล้ว แต่บางทีบกพร่อง อาจมีบางซีนบางช็อตยังเห็นหน้าอยู่ หนูก็ไม่ได้ตรวจสอบให้ถี่ถ้วน ตอนนั้นเขาบอกให้ลบ แต่ยังไม่ได้คุยกันเลย ตอนนั้นยังคิดว่าอ้าว โทรมาน่าจะขอบคุณหน่อยนะ หรือเมื่อคืนอย่างโน้นอย่างนี้ ปรับความเข้าใจกันก่อน ไม่ใช่โทรมาให้ลบคลิปเลย หนูก็ผู้หญิงด้วยกันก็ทำไมไม่อยากให้พ่อแม่รู้ ในเมื่อโดนแบบนี้ มีปัญหา ตอนนั้นหนูก็มั่นใจว่าเซ็นเซอร์ละเอียดแล้ว แต่ยังมีบางจุด
ฝั่งคุณก็เลยมีการไปแจ้งความ?
เคนลี : ตอนคุยเราได้ยินกัน 4 คน คือ ผม แอม และเขาสองคน ณ ตอนที่พูดคุยสื่อสารกันชัดเจนว่าขอให้ลบคลิปในส่วนที่เห็นหน้าผู้หญิง ผมยินยอมให้โพสต์คลิปที่เห็นหน้าผม เพราะผมพูดว่าผมผิด การที่ลงเห็นหน้าผู้หญิง อย่างที่บอก พ่อแม่เขามาเห็น ก็ส่งผลกระทบกับการที่เขาจะโกรธผมมากหรือน้อยลงด้วย เขาให้อภัยผมเบื้องต้น แต่ถ้าใครเป็นพ่อแล้วเห็นภาพนี้เรื่อยๆ ก็คงไม่มีทางให้อภัย ภาพที่ลูกถูกลากในโซเชียลเรื่อยๆ
การที่ผมพูดแบบนี้ คนอาจพูดว่ามึงก็เป็นคนทำ ผมผิดครับ แต่ต้องแยกก่อน สังคมต่อว่าผมในเชิงทำร้ายผู้หญิง นี่คือผลการกระทำที่ผมได้รับ เป็นโทษส่วนหนึ่งที่ไม่ใช่กฎหมายที่ผมได้รับ แต่การที่พี่สองคนเขาลงมาช่วยห้ามปรามความรุนแรงที่เกิดขึ้น แต่พอมีภาพของเขาหลุดไปในโซเชียล มันเป็นการทำร้ายเชิงสังคมแทน ผมเข้าใจว่าการเซ็นเซอร์ภาพอาจมีความบกพร่อง เราย้อนคิดสองกรณี กรณีแรก ถ้าผู้หญิงที่ถูกทำร้ายร่างกายเขาบาดเจ็บทั้งร่างกายและจิตใจ ในเมื่อเขาเป็นคนพูดเองว่าขอให้ลบคลิปเพราะเห็นหน้าเขา เขาเป็นคนเดียวในเหตุการณ์ที่ไม่มีความผิดเลย
คุณบอกว่าเขาเป็นเหยื่อคุณ และกำลังเป็นเหยื่อให้เขาได้รับความเสียหาย?
เคนลี : ใช่ครับ ผมแค่คิดว่าการตรวจสอบคลิปอีกครั้งที่ลงน่าจะเกิดขึ้น ทุกคนอาจคิดว่าเซ็นเซอร์แล้วจริงๆ แต่สิ่งที่เกิดขึ้น ครอบครัว เพื่อน พี่น้องเขาทราบได้ยังไงว่าผู้หญิงคนนี้ชื่ออะไร คือใคร ถ้าไม่เห็นหน้าเขาจริงๆ
มีคนเอ่ยชื่อเขาได้เลยว่าเป็นใคร?
เคนลี : ถูกต้องครับ
เคนทำร้ายเพื่อนสนิทชื่อแอม มีการเคลียร์กับแอมเรียบร้อย สองคือ กรณีเคนกับฝั่งตาล ที่เอาคลิปไปลง แอมขอให้ลบคลิปออก ฝั่งนี้ไม่ลบ และมีการลงว่าสมควรที่โดน?
ตาล : เจตนาหนูตอนนั้นไม่อยากให้น้องปิดบังพ่อแม่ ก็เลยลงไปว่าขนาดตัวเองยังไม่รัก เลยไม่แปลกใจที่โดนแบบนี้
พอคุณลงข้อความ ทางนี้ก็แจ้งความ เปิดเผยใบหน้าของใคร?
เคนลี : เหตุผลที่แจ้งความเพราะผมได้พูดคุยกันแล้วว่าถ้าลงคลิปเห็นหน้าผม ผมยินยอม แต่ช่วยลบคลิปหน้าน้องออก หลังจากนั้นมีการโต้วาทะกันในสาย และตัดสายกันไป
จริงมั้ยเขาขอให้ลงคลิปเขาได้ แต่ให้ลบคลิปผู้หญิง?
ตาล : จริงค่ะ แต่ถามว่าน้องได้ดูคลิปหรือยัง ไปดูก่อนมั้ยหนูเซ็นเซอร์ให้แล้ว จุดแรกเห็นแค่ครึ่งหน้า เสี้ยววิเดียว มันก็ประมาทไป คนเรารู้จักกันแว้บเดียวก็จำได้แล้วค่ะ ยอมรับตรงนี้ ตรงนี้เราบกพร่อง แต่เราไม่มีเจตนา เราอยากให้น้องบอกพ่อแม่ ไม่อยากให้โกหกว่าโดนทำร้ายร่างกาย
ทางนี้เขาเคลียร์กับฝั่งผู้หญิงแล้ว ผู้หญิงคุยกับพ่อแม่เรียบร้อยแล้ว?
ตาล : หนูไม่ทราบมาก่อนว่าเขาไปคุยกับพ่อแม่ เพราะเขาไม่ได้แจ้งตั้งแต่แรก ตอนที่โทรมาที่บอกว่าให้ลบคลิปเพราะกลัวพ่อแม่รู้
เคนลี : ตอนที่ลงคลิปหรือลงโพสต์ ตอนผมทำร้ายร่างกายผู้หญิง ผมก็ไม่ได้ปรึกษาใคร เกิดจากอารมณ์ชั่ววูบทำให้เกิดความรุนแรงขึ้น การที่เขาลงคลิปหรือลงโพสต์ ไม่รู้ว่าเขามีการปรึกษาใครก่อนมั้ยแต่ไม่ได้พูดคุยกับผมก่อนเช่นกัน คลิปที่สองที่เขาอ้างอิงว่าเห็นครึ่งหน้า แต่ถ้าเห็นคลิปสุดท้ายที่ทะเลาะกับตำรวจ ไม่ได้เห็นแค่ครึ่งหน้า เขาเห็นทั้งตัวเลย ซึ่งตรงนั้นผมถามว่าที่เขาบอกว่ามีคนโทรมาบอกว่าเป็นผู้หญิงคนนั้น จะเป็นไปได้ยังไงถ้าเขาไม่เห็น
มันไปเข้า พ.ร.บ. PDPA ผู้หญิงเดินไปไหนจะอับอายสำหรับเขา แต่คุณที่ไปทำร้ายเขา คุณไม่อาย?
เคนลี : ผมอาย แต่ผมทำผิด ผมต้องยอมรับ ผมทำไปแล้ว ผมแก้ไขการกระทำผมไม่ได้ สิ่งที่ผมต้องทำคือต้องออกมารับโทษ นี่คือโทษทางสังคมที่มอบให้ผม ผมก็ต้องยอมรับมันให้ได้
เรื่องไม่ได้จบแค่นี้ แอมบอกจะแจ้งความทั้งคุณเคนและคุณตาล เขาบอกเขาแจ้งความแน่ น่าจะวันนี้หรือพรุ่งนี้ ไม่รู้คุณรู้หรือยัง?
เคนลี : จริงๆ บทบาทผมกับแอม นอกจากเป็นเพื่อนกัน เขายังคงอยู่ในบทบาทเจ้าหนี้ของผมด้วย
คุณกระทืบเจ้าหนี้เลยเหรอ?
เคนลี : ใช่ครับ ผมมีพื้นหลังไม่ดีมาก่อน ช่วงมีพื้นหลังไม่ดี ผมพยายามแก้ไขปัญหามาเรื่อยๆ เขาคือหนึ่งคนที่ยื่นมือมาช่วยเหลือเหตุการณ์ตรงนั้น แน่นอนการกระทำของผมไม่ใช่แค่ทำร้ายร่างกายผู้หญิง แต่ยังทำร้ายคนที่ช่วยเหลือผม ในส่วนข้อกฎหมายที่ผมเคยโดน เมื่อวานเขาก็โทรมาแจ้งแล้วว่าจำเป็นต้องดำเนินคดี เพราะต่อให้พ่อแม่เขายอม แต่มันเป็นการรักษาหน้าพ่อแม่เขาด้วย ผู้ชายคนหนึ่งที่เขาช่วยเหลือแล้วยังไปทารุณเขาขนาดนี้ ผมก็บอกเขาว่าผมยินดีมากๆ ไม่ปฏิเสธอะไรเลยที่เขาจะไปแจ้ง
สรุปผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่แฟน แต่เป็นเพื่อนและเป็นเจ้าหนี้ คุณบอกว่าคุณมีภูมิหลังไม่ดี คือมีเรื่องคดี ผู้หญิงคนนี้ช่วยคุณ ซัปพอร์ตคุณในเรื่องเงิน ในการเอาไปใช้หนี้ต่างๆ นานา วันนี้คุณไปทำร้ายร่างกายเขา เพราะคุณบอกว่าเขาด้อยค่าคุณในบางคำพูดที่คุณทนไม่ได้ คุณทำคนมีพระคุณของคุณ เขาจะไปแจ้งความ คุณยอมรับ?
เคนลี : ไม่มีเหตุผลที่ผมต้องไม่ยอมรับ ไม่มีคำพูด ไม่มีข้อโต้แย้ง ถ้าไม่ยอมรับผิดก็จะเป็นสิ่งที่ติดอยู่ในใจ ไม่มีเหตุผลที่จะต้องไม่ยอมรับ
ทราบมั้ยเขาจะไปแจ้งความคุณด้วย?
ตาล : ไม่ทราบค่ะ
ผมคุยกับคุณแอม เขาบอกว่าจำเป็นต้องแจ้งทั้งคู่ ฝั่งนี้เธอยืนยันว่าไม่ใช่แฟน แต่เป็นเพื่อนที่คบหาด้วยความรู้สึกที่ดี ตัวเธอก็ซัปพอร์ตเขาหลายอย่าง สิ่งที่คุณพูดไม่ได้โกหกผม เพราะแอมพูดแบบนี้เหมือนกัน เขาบอกว่าซัปพอร์ตและดูแลผู้ชายคนนี้ ในมุมเรื่องการเงินต่างๆ นานา เขาก็รับไม่ได้เหมือนกันที่เหตุการณ์เกิดแบบนี้ เขาจะมองหน้าพ่อแม่/ญาติพี่น้อง/เพื่อนยังไง เขาก็จำเป็นต้องแจ้งความ ผมก็บอกว่าสมควรที่แอมต้องแจ้ง แต่มุมนี้ก็สงสัย ว่าเขาเป็นพลเมืองดี คิดมั้ยถ้าเขาไม่ลงไปช่วย คุณอาจตายไปแล้วก็ได้นะ เขาบอกว่าเขาเข้าใจตรงนี้ ถ้ากราบเท้าได้ก็อยากกราบเท้าขอบคุณที่ช่วยเหลือเธอ แต่บริบทเอาคลิปไปลง เธอขอแยก เพราะพ่อเธอไม่พอใจ มุมสังคมของเธอที่มีการเห็นภาพ ตรงนั้นเธอจำเป็นต้องแจ้ง รู้สึกยังไง?
ตาล : ก็ท้อนิดหนึ่งค่ะ เพราะเจตนาดีที่จะทำ แต่ตัวเองก็เลินเล่อทำให้น้องเขาเสียหายด้วย และไม่คิดว่าการช่วยเหลือคนหนึ่งไปจะต้องโดนแจ้งความ
โฟมล่ะ?
โฟม : (ร้องไห้) หนูสงสารเพื่อน วันนั้นหนูบอกเขาแล้วว่ามึงอย่าไปยุ่งเลย หนูบอกให้เขาขึ้นเถอะ แต่เขาบอกว่าถ้าเป็นลูกมึง ญาติมึง หรือเป็นมึง มึงอยากให้คนอื่นช่วยมั้ย ก็เลยบอกว่างั้นก็ไป ถ้าจะพูดแบบนี้
ตอนแรกห้ามเขาไม่ให้ยุ่ง แต่ตาลบอกว่าไม่ได้นะ ถ้าเป็นลูกมึง น้องมึง ญาติมึง โดนแบบนี้แล้วจะทำยังไง?
ตาล : ตอนเห็นภาพคือชวนกันลงไปช่วยอัตโนมัติ เขาร้องขอความช่วยเหลือนานมาก พอเห็นแบบนั้นก็ลงไประงับเหตุการณ์ แต่หนูผิดที่ลงคลิปไปเลินเล่อ เพราะเขาบอกว่าอย่าให้เห็นหน้าเขา ตอนถ่ายโฟมไม่ได้ถ่ายติดน้องผู้หญิงเลย เพราะอยากให้น้องผู้ชายตื่นมาแล้วได้รับบทเรียน
มุมตัวเราเองก็ยอมรับว่าทำผิดจริง คุณไปแจ้งความว่าเขาละเมิดคุณ แล้วแอมจะไปแจ้งคุณว่าละเมิดเหมือนกัน?
เคนลี : ตรงนี้สิ่งที่ผมบอกไป มันมีประโยคการสนทนาพูดคุยผ่านอินสตาแกรมก่อนแล้ว ว่าเห็นหน้าผู้หญิงจริงๆ ผมไม่ได้เป็นคนมีคลิปอยู่ในโทรศัพท์ ผมไม่สามารถเข้าไปควบคุม เซ็นเซอร์ด้วยตัวเอง คนได้รับผลกระทบโดยตรงคือแอมที่ถูกทำร้ายร่างกาย เขาแจ้งว่าเห็นหน้าเขาคุณก็ควรรีเช็ก แล้วผมพูดเองว่าลงคลิปผมไปเลย
คุณถอนให้เขาก่อนได้มั้ยหนึ่งคดี มุมแอมค่อยไปว่ากันอีกที?
เคนลี : ผมถอนให้ก่อนไม่ได้ เพราะปัญหาเรื่องคลิปเขาทราบตั้งแต่แรกแล้ว ระหว่าง 2-3 วันที่ผ่านมา เขาสามารถลบได้ตลอด
ถ้าวันนั้นเขาสองคนไม่ได้ลงไปช่วย ไปเคลียร์ คุณอาจเป็นฆาตกร กลับไปคิดก่อนได้มั้ย?
เคนลี : ได้ครับ อย่างที่บอกเรื่องนี้กระทบกับคนหลายๆ คน สิ่งที่ผมต้องตัดสินใจ ณ ตอนนี้ ผมไม่สามารถตัดสินใจคนเดียวได้ว่าถอนแน่นอน
อยากให้ทราบเรื่องกฎหมาย PDPA โฟนอินหา “ไพบูลย์ อมรภิญโญเกียรติ” ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายด้านไซเบอร์ และที่ปรึกษาด้านกฎหมาย เรื่องนี้ผิดข้อกฎหมาย PDPA มั้ย?
ไพบูลย์ : ต้องเข้าใจหลักการก่อน ในตัวกฎหมายคุ้มครองตัวเจ้าของข้อมูล ปกติถ้าไม่มีเหตุทางกฎหมาย ถ่ายไม่ได้นะครับ แต่กรณีที่เป็นข่าวเป็นเรื่องทำร้ายร่างกายกัน ในกฎหมาย PDPA หรือกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ยกเว้นให้ครับ หมายความว่าคนถ่ายสามารถถ่ายได้ในฐานะพลเมืองดี แต่การถ่ายมีข้อยกเว้น คือ มีความจำเป็นรวบรวมพยานหลักฐานทางกฎหมาย เพื่อปกป้องชีวิตร่างกาย พอถ่ายได้เสร็จปุ๊บจะใช้เป็นพยานหลักฐาน ต้องส่งมอบให้ตำรวจ จะไปโพสต์เองไม่ได้ เพราะกฎหมายฉบับนี้คุ้มครองตัวเขา โดยหลักคือเป็นพลเมืองดี เราเจอมีการกระทำความผิด ทำร้ายร่างกาย เราหยิบกล้องมาถ่ายได้ เพราะมีประโยชน์สาธารณะ เราต้องรวบรวมพยานหลักฐานเอาไว้เพื่อป้องกันชีวิต ร่างกาย การถ่าย ถ่ายได้ แต่พอไปเปิดเผยหรือแชร์ต่อในโซเชียล ตรงนี้ผิดครับ
เพราะโดยหลักเราไม่ใช่สื่อมวลชน ไม่ใช่ตำรวจ เวลามีข้อทะเลาะเบาะแว้งกัน เราถ่ายรวบรวมในทางกฎหมายก็ส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ถ้าในโซเชียล กฎหมายยกเว้นสื่อมวลชนหรือตำรวจหรือศาล กรณีที่ใช้ปกติต้องเบลอหน้าดีที่สุด ส่วนกรณีที่เป็นข่าว เนื่องจากกฎหมายฉบับนี้เพิ่งบังคับใช้ เป็นความผิดส่วนตัว กรณีพิพาทเป็นเรื่องเล็กน้อย ถ้ามีการไปแจ้งความ หรือร้องเรียนต่อสำนักงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ปีนี้ก็คงใช้วิธีการสั่งให้ลบหรือแก้ไข ถ้าไม่ลบตรงนี้ก็อาจมีโทษปรับหรือโทษต่างๆ ตามมา ซึ่งปีแรก 1 มิ.ย. 65 จะใช้กระบวนการคือถ้ามีการละเมิดก็จะมีการตักเตือนสั่งให้แก้ไขหรือให้ลบก่อน กรณีที่ถามมา ยืนยันว่ากรณีพบผู้กระทำความผิด ทำร้ายคน ทุจริต ถ่ายได้ แต่ต้องรวบรวมเป็นพยานหลักฐานส่งให้ตำรวจ ส่งให้ศาล หรือส่งให้ทางสื่อที่มีใบอนุญาตเผยแพร่ได้ แต่เราเป็นบุคคลธรรมดา เราไม่มีสิทธิ์ไปขยายความหรือดำเนินการเผยแพร่ เพราะมันจะเป็นเรื่องกระทบสิทธิ์เขา โดยหลักควรเบลอ หรือถ้าเขาขอให้มีการลบก็ควรลบให้ถูกต้อง ส่วนคดีความถ้ายังมีการฟ้องกันไปมาก็ไม่ได้มีประโยชน์ทั้งสองฝั่ง เพราะปีแรกเป็นปีที่เขาทำความเข้าใจ
เป็นคดีที่สามารถอนได้ ไม่ได้เป็นคดีอาญาแผ่นดิน?
ไพบูลย์ : ใช่ครับ เป็นความผิดส่วนตัวมีโทษเล็กน้อย ยกเว้นเราถ่ายข้อมูลทางเพศ หรือข้อมูลเกี่ยวกับความพิการ หรือข้อมูลสุขภาพ อันนั้นจะมีโทษทางอาญา จำคุก 1 ปี หรือปรับ 1 แสนถึง 1 ล้านบาท แต่กรณีคลิปทำร้ายร่างกายนี่ไม่เข้าเรื่องโทษร้ายแรง ถ้ามีก็ไปฟ้องทางแพ่งกันเอง ซึ่งก็ไม่คุ้มค่าใช้จ่ายอยู่แล้ว และศาลคงไม่ไปใช้ดุลยพินิจพิจารณา การหลุดค่าเสียหายก็ค่อนข้างลำบาก อีกวิธีไปร้องคณะกรรมการก็ต้องดูว่าไกล่เกลี่ยได้มั้ย แต่ไกล่เกลี่ยได้ก็จบ แต่สิ่งที่คุณต้องทำคือถ้าเขาติงมาก็ต้องลบครับ
ต่อให้ลบไปแล้วความผิดเกิดขึ้นแล้ว เขายังไม่ได้ถอน?
ไพบูลย์ : ยอมความได้ ไม่มีปัญหา ส่วนมีข้อพิพาท ถ้าเป็นคลิปทำร้ายร่างกาย เราถ่ายได้ แต่พอดำเนินคดีอาญา มันไม่ได้ผิดอาญา เพราะไม่ได้เกี่ยวกับทางเพศ หรือข้อมูลอ่อนไหวก็ไม่ผิด ก็ไปฟ้องแพ่งหรือร้องคณะกรรมการคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคล คณะกรรมการก็มีคำสั่งเรียกพิจารณาและสั่งให้ลบออก ถ้าไม่ลบก็มีโทษปรับ
ฝั่งตาลอาจผิดที่พลาดเอาคลิปไปลงโซเชียล แล้วเห็นหน้าเขา ฝั่งนี้ถ้าเป็นไปได้อย่าเพิ่งตัดรอนว่าไม่ถอน ลองไปปรึกษากันก่อน คุณแอมเข้ามาซัปพอร์ตดูแล เป็นเพื่อนกัน เป็นผู้มีพระคุณ วันเกิดเหตุเขารู้สึกว่ามีคำพูดบางคำที่พูดด้อยค่า รวมทั้งเมาเหล้า ก็เลยตีเขา ส่วนตาลกับโฟมลงไปช่วยและถ่ายคลิปเอาไว้ ตื่นเช้าขึ้นมา แอมก็โทรไปขอให้เอาคลิปออกได้มั้ย ไม่อยากให้พ่อแม่รู้ ไม่อยากให้คนอื่นเห็น แต่ทางนี้บอกว่ายังเอาออกไม่ได้เพราะไม่รู้คืออะไร ฝั่งเคนไปไหว้ ไปกราบขอโทษพ่อฝ่ายหญิง มีการพูดคุยกับฝั่งตาลว่าขอเอาคลิปตัวเองลงคนเดียว คลิปผู้หญิงให้ตัดเพราะเขาเป็นเหยื่อไปแล้ว ไม่อยากให้เป็นเหยื่อสังคมอีก เวลาไปไหนมาไหน โดนผู้ชายตีนี่หว่า น่าอับอาย สองฝั่งมองต่างมุมกัน ฝ่ายนี้ก็ไปแจ้งความ ฝั่งแอมก็แจ้งความแล้วทั้งสองคน โดนทั้งคู่ คุณเคนทำร้ายร่างกาย คุณตาลละเมิด แต่เราจะหาทิศทางไหนดี กันมองยังไง?
กัน : ตั้งแต่เกิดเรื่องผมก็คุยกับน้อง พยายามหาทางพูดคุยกับน้องเคน เราไกล่เกลี่ยกัน เชื่อว่าเจตนาน้องหวังดี ถ้าวันนั้นน้องไม่ลงไปอาจรุนแรงกว่านั้นด้วยซ้ำ ลงไปด้วยเจตนาดี แต่วันนี้มีกฎหมายตัวใหม่ขึ้นมา น้องอาจโดนดำเนินคดี ซึ่งพลเมืองดีสำหรับผมก็ไม่สมควรมีคดีตามมา ผมรับหน้าที่เป็นคนกลาง ผมยินดีพาน้องสองคนนี้ไปนั่งคุยและปรับความเข้าใจกับน้องที่จะแจ้งความ เพราะน้องเขาเจตนาดีจริงๆ แต่ถ้าเป็นไปไม่ได้จริงๆ ไม่อยากคุย ไม่ได้จริงๆ ผมที่เข้ามาตั้งแต่วันแรก ก็ยินดีจัดตั้งทีมทนายช่วยเหลือน้องตั้งแต่ต้นยันจบครับ