11 รมต. เจอจับขึ้นเขียงซักฟอก! ฝ่ายค้านยื่นญัตติ คาดได้อภิปรายกลางเดือน ก.ค.
ฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ พ่วงอีก 10 รัฐมนตรี มาครบทั้ง 3 ป. และแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล เน้นหนักที่ "ลุงตู่" ซัดเละจนไม่มีชิ้นดี ทั้งไม่ซื่อสัตย์-ไร้ภูมิปัญญา-ไร้องค์ความรู้-ไร้จิตสำนึกรับผิดชอบ
วันนี้ (15 มิ.ย.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้าน ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 ต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ เนื้อหาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ระบุว่า ขอเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ตามรายนาม ดังต่อไปนี้
- พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
- นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
- นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
- พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี
- พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
- นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
- นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
- นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
- นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
- นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
- นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
โดยมีพฤติการณ์และเรื่องที่จะอภิปราย ดังนี้
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ตลอดระยะเวลาร่วมแปดปีที่บริหารประเทศมาในฐานะนายกรัฐมนตรี ผิดพลาดล้มเหลว ไม่สามารถแก้ปัญหาต่างๆ ให้กับประเทศ ไม่สามารถสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและความอยู่ดีกินดีให้กับประชาชนได้เลย ในทางตรงกันข้ามกลับกลายเป็นต้นตอที่ทำให้ปัญหาที่มีอยู่มีความซับซ้อน ขยายวงกว้างและรุนแรงยิ่งขึ้นทั้งปัญหาด้านเศรษฐกิจ การเมือง อาชญากรรม ยาเสพติด การทุจริตคอรัปชั่น ประชาชนในชาติแตกแยกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายขยายวงกว้างขึ้นมากกว่าเดิม
โดยเฉพาะปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันในยุคของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นับว่ามีสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยแพร่กระจายไปทุกอณูของสังคม เป็นยุคที่ทุจริตเฟื่องฟู ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจรั้งท้ายของอาเซียน ทั้งนี้เป็นผลมาจากการที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ไร้ภูมิปัญญา ไร้องค์ความรู้ ไร้ความสามารถ ไร้ประสิทธิภาพ ไร้จิตสำนึกรับผิดชอบ ขาดภาวะความเป็นผู้นำที่จะเป็นหัวหน้ารัฐบาล เป็นผู้นำที่พิการทางความคิด ยึดติดแต่อำนาจ ไม่เคารพหลักนิติรัฐนิติธรรม ไร้คุณธรรมจริยธรรม ทำให้การบริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว ผิดพลาด บกพร่องเสียหายอย่างร้ายแรงทุกด้าน ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจและสังคม
มีพฤติกรรมปล่อยปละละเลยให้บุคคลแวดล้อมและพวกพ้องของตนแสวงหาผลประโยชน์บนความทุกข์ยากของพี่น้องประชาชน ไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย โดยละเว้นเพิกเฉยต่อการทุจริตในภาครัฐเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่ตนเองและพวกพ้อง การใช้จ่ายงบประมาณมิได้คำนึงถึงวินัยการเงินการคลัง มุ่งแต่ก่อหนี้เพื่อแสวงหาคะแนนนิยมทางการเมือง โดยไม่สนใจต่อภาระหนี้สาธารณะและหนี้สินต่อหัวของประชาชน จนเรียกได้ว่า “เป็นยุคก่อหนี้มหาศาลเพื่อนำมาผลาญโดยไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศและประชาชน”
ไม่ปฏิบัติตามนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา ไม่ใส่ใจและไม่ดำเนินการแก้ไขข้อบกพร่องในการบริหารราชการแผ่นดินตามข้อกล่าวหาและคำแนะนำของสภา จงใจปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ขาดจิตสำนึกในความเป็นประชาธิปไตย ไร้การเคารพซึ่งสิทธิเสรีภาพของประชาชน มุ่งใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือทางการเมืองปิดปากประชาชนและปิดกั้นเสรีภาพของสื่อมวลชน ละเมิดสิทธิมนุษยชน ใช้งบประมาณเพื่อการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ที่ไม่มีความจำเป็นต่อภารกิจของประเทศในภาวะที่ประเทศมีปัญหาด้านเศรษฐกิจที่รุนแรง ไม่กำกับดูแลการใช้งบประมาณแผ่นดินให้เป็นไปโดยมีประสิทธิภาพ มีประสิทธิผล ไม่รักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน
ผลจากการบริหารประเทศของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นับวันจะทำให้ประเทศถอยหลัง เศรษฐกิจของประเทศดิ่งเหว ประชาชนที่ยากจนอยู่แล้วยิ่งยากจน ลงเรื่อยๆ ความเหลื่อมล้ำระหว่างคนจนกับคนรวยขยายวงกว้างมากขึ้น ผู้คนตกงานและบัณฑิตจบใหม่ไม่มีงานทำเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ธุรกิจย้ายฐานการผลิตไปประเทศอื่น นักลงทุนใหม่ก็เข้ามาลงทุนน้อยลง ขณะที่ปัญหาสังคมทั้งยาเสพติด อาชญากรรมโดยเฉพาะอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่เพิ่มมากขึ้นสร้างความเสียหายและความเดือดร้อนให้กับประชาชนโดยที่ภาครัฐไม่สามารถป้องกันและแก้ปัญหาดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ภายใต้สถานการณ์ความเดือดร้อนและความทุกข์ยากของประชาชนดังกล่าว พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับปล่อยให้พวกพ้องและบุคคลแวดล้อมของตนเองกระทำการทุจริต และประพฤติมิชอบอย่างกว้างขวาง ไม่ใส่ใจที่จะป้องกันและปราบปราม มีการใช้เงินและการต่อรองผลประโยชน์เพื่อความอยู่รอดทางการเมืองของตนเอง อันเป็นการทำลายระบบรัฐสภาและหลักการประชาธิปไตย จนทำให้ระบบรัฐสภาตกต่ำสั่นคลอน และกลไกในระบบรัฐสภาเสียหาย
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
มีพฤติกรรมฉ้อฉล ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ รู้เห็นเป็นใจหรือปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตในองค์กรหรือหน่วยงานในกำกับดูแล สร้างความเสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ แสวงหาผลประโยชน์สำหรับตนเองและพวกพ้อง ไม่ระงับยับยั้ง ละเลยไม่ติดตามแก้ไขปัญหาการทุจริตเพื่อให้มีการชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่รัฐ ล้มเหลวและไร้ความรู้ความสามารถในการบริหารราชการของกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงในกำกับดูแล
ปล่อยให้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคสูงขึ้นจนกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนและการดำเนินธุรกิจของภาคเอกชน จนส่งผลกระทบต่อประชาชนทุกหย่อมหญ้า จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ไร้คุณธรรมจริยธรรม ไร้จิตสำนึกของการเป็นนักการเมืองที่ดี มีพฤติกรรมทำลายระบบการเมืองด้วยการรู้เห็นเป็นใจ สนับสนุนการใช้เงินและผลประโยชน์เพื่อมุ่งดึง ส.ส.จากพรรคการเมืองอื่นเข้าสังกัดกลุ่มการเมืองของตนโดยไม่คำนึงถึงหลักการประชาธิปไตย และคุณธรรมทางการเมือง ทำให้ระบบการเมืองถอยหลังไปสู่ยุคการใช้เงินและผลประโยชน์สร้างฐานอำนาจทางการเมือง อันถือเป็นธุรกิจการเมืองที่ทำลายอุดมการณ์ประชาธิปไตย เปลี่ยนจากระบบคุณธรรมนำการเมืองเป็นใช้เงินและผลประโยชน์นำการเมือง
นายอนุทิน ชาญวีรกูล ยังล้มเหลวผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง ไร้ความรู้ความสามารถในการบริหารราชการของกระทรวงสาธารณสุข มีการใช้งบประมาณแผ่นดินเกินความจำเป็นและไม่เกิดประโยชน์ เกิดความเสียหายแก่งบประมาณของประเทศ มุ่งเอื้อประโยชน์ให้เพื่อนพ้องบริวาร แสวงหาประโยชน์จากตำแหน่งและหน้าที่ของตน จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย
พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี
จงใจไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มุ่งสร้างความมั่งคั่งในตำแหน่งหน้าที่ รู้เห็นเป็นใจหรือปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตและแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่เกิดกับประเทศ ไร้จิตสำนึกและไร้ความรับผิดชอบต่อตำแหน่งหน้าที่ ไม่เป็นแบบอย่างที่ดีในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต แต่กลับทำตนเป็นแบบอย่างของการหลีกเลี่ยงการปฏิบัติตามกฎหมายที่มีวัตถุประสงค์ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต เมื่อพบเห็นการทุจริตกลับปกป้องและไม่ดำเนินการแก้ไข
พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ขาดซึ่งธรรมาภิบาล บริหารราชการแผ่นดินผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง ใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตของหน่วยงานในกำกับดูแลอย่างกว้างขวาง เมื่อรู้ว่ามีการทุจริตกลับไม่ระงับยับยั้ง แต่กลับรู้เห็นยินยอมให้มีการกระทำดังกล่าวจนทำให้การทุจริตเป็นเรื่องปกติของการปฏิบัติหน้าที่ราชการ ทำให้ระบบราชการและประเทศชาติได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ บริหารราชการแผ่นดินโดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมของชาติ มีพฤติกรรมใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่เพื่อแสวงหาประโยชน์ให้กับตนเองและพวกพ้อง ดำเนินนโยบายโดยไม่คำนึงถึงความคุ้มค่าในด้านการใช้จ่ายงบประมาณ มีการใช้งบประมาณจำนวนมากโดยไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจและประโยชน์สาธารณะ ทำให้ประเทศสูญเสียโอกาสและงบประมาณจำนวนมหาศาล
ใช้สถานะหรือตำแหน่งกระทำการโดยทางตรงและทางอ้อม อันเป็นการก้าวก่ายแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐในกระทรวงคมนาคม เพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง และพรรคการเมืองที่ตนสังกัด
ละเว้นไม่ดูแลให้มีการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดจนเกิดความเสียหายต่อแผ่นดิน ไม่ดูแลให้เกิดการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม มีผลประโยชน์ทับซ้อนและกระทำการขัดกันแห่งผลประโยชน์ จงใจปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายเพื่อให้ตนเองมีส่วนได้รับประโยชน์จากโครงการต่างๆ ของรัฐ ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
บริหารราชการแผ่นดินล้มเหลวบกพร่องอย่างร้ายแรง ปล่อยปละละเลยให้เกิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่ทำลายระบบเศรษฐกิจและสร้างความเสียหายต่อประชาชนอย่างกว้างขวางแพร่หลาย และเพิ่มจำนวนมากขึ้นโดยไม่สนใจ และขาดความรู้ความสามารถที่จะป้องกันและปราบปราม สนใจเอาผิดแต่เฉพาะกับกลุ่มบุคคล นักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือทางการเมือง ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้กับตนเอง บริวาร และพวกพ้อง
นอกจากนี้ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ยังมีพฤติการณ์จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย มีความประพฤติเสื่อมเสียทางศีลธรรมอันดี ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ล้มเหลว ไร้ความรู้ความสามารถในการดูแลงานด้านพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ปล่อยให้ประชาชนขาดไร้ซึ่งที่อยู่อาศัย และค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพ ขณะที่การใช้งบประมาณแผ่นดินกลับมุ่งเพื่อแสวงหาประโยชน์สำหรับตนเองและพวกพ้อง ทำให้คุณภาพชีวิตของประชาชนตกต่ำ ขาดโอกาสในการพัฒนาศักยภาพของตนเอง
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีพฤติกรรมทุจริตต่อหน้าที่ ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตและแสวงหาประโยชน์ในหน่วยงานที่กำกับดูแล เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชน ไม่ดูแลรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
ไร้ความรู้ความสามารถในการบริหารราชการแผ่นดิน มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ปล่อยปละละเลย รู้เห็น สนับสนุนให้มีการทุจริตและแสวงหาผลประโยชน์ภายในหน่วยงานในกำกับดูแล ไม่ดำเนินการตรวจสอบ ระงับ ยับยั้ง และป้องกันการทุจริตจนทำให้เกิดความเสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีพฤติการณ์ส่อไปทางทุจริตและประพฤติมิชอบต่อหน้าที่ กระทำการอันเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้กับตนเองและพวกพ้อง จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย ปล่อยปละละเลยให้มีการแสวงหาผลประโยชน์จากการนำแรงงานต่างด้าวเข้าประเทศ เอื้อประโยชน์ให้เอกชนรายใหญ่ในการใช้ประโยชน์จากแรงงานโดยผิดกฎหมาย ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
ผลจากการบริหารราชการแผ่นดินและพฤติกรรมต่างๆ ของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา และรัฐมนตรีรวม 11 คน ข้างต้น ได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติอย่างใหญ่หลวง ประเทศชาติประสบความตกต่ำอย่างถึงที่สุดในทุกด้าน ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ประชาชนสูญเสียโอกาสที่จะได้คุณภาพชีวิตและหลักประกันการดำรงชีพที่ดี เดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า เกิดภาวะ “รวยกระจุก จนกระจาย” และ “ค่าครองชีพสูง คุณภาพชีวิตต่ำ”
หากปล่อยให้พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา และรัฐมนตรีดังกล่าวยังคงบริหารราชการแผ่นดินต่อไป ย่อมนำมาซึ่งความเสียหายแก่ประเทศชาติและประชาชนจนยากที่จะเยียวยาแก้ไขได้
อย่างไรก็ตาม นพ.ชลน่าน กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากยื่นญัตติแล้ว ประเมินว่าเวลาที่ใช้ในการอภิปรายเบื้องต้นอยู่ที่ 5 วัน โดยคาดว่าน่าจะอยู่ในช่วงวันที่ 18-22 ก.ค. ที่จะถึงนี้