อัจฉริยะ เย้ย ส.ส.เต้ อ่อนหัด! เตือนอัยการนนทบุรี อย่าชี้นำสังคมในคดีแตงโม
“อัจฉริยะ” เปิดใจ หลัง ส.ส.เต้ ถอดออกจากที่ปรึกษากฎหมาย ชี้ไม่มีผลเพราะไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค เตือนอัยการนนทบุรี อย่าชี้นำสังคม
วันนี้ (16 มิ.ย.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เปิดเผยภายหลัง นายมงคลกิตต์ สุขสินธารานนท์ หรือ ส.ส.เต้ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ประกาศถอดนายอัจฉริยะออกจากที่ปรึกษากฎหมายหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ว่า ตนไม่เคยเป็นสมาชิกพรรคไทยศรีวิไลย์มาตั้งแต่แรก การแต่งตั้งเป็นการแต่งตั้งขึ้นเอง โดยที่ตนไม่เคยไปเซ็นเอกสารใดๆ และตนก็เคยแถลงชัดเจนที่ กมธ. ไปแล้วว่า ทุกอย่างที่ทำ ตนทำในนามชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ส่วนพรรคไทยศรีวิไลย์มีหน้าที่ดูแลคุณแม่ แยกกันเป็นเอกเทศอย่างชัดเจน
อีกทั้งตนก็ไม่เคยไปแถลงข่าวร่วมกับพรรคเหมือนทนายกฤษณะ ยืนยันว่าไม่เคยสังกัดพรรคการเมือง ไม่มีนโยบายเล่นการเมือง เป็นการที่ ส.ส.เต้ แต่งตั้งเองถอดถอนเอง ตนไม่รู้เรื่อง การที่ ส.ส.เต้ ออกหนังสือถอดถอนดังกล่าว เหมือนกับการเอาทิชชู่ทิ้งลงโถส้วม ไม่มีผลกับตน
ส่วนความสัมพันธ์กับ ส.ส.เต้ ยังคงเป็นเพื่อนกัน ทำงานร่วมกันได้ แต่ไม่ใช่คดีแตงโม ยืนยันไม่ได้ขัดแย้งกัน เพียงแต่ควรต้องให้เกียรติกันตามมารยาท
สำหรับวันนี้ที่ตนเดินทางมาที่ บก.ปปป. ไม่ได้เกี่ยวกับคดีแตงโม แต่มาเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับคดีอื่นเรื่องการทุจริตของนักการเมือง ซึ่งเป็นคดีที่ค้างเอาไว้ช่วงที่ตนไปทำคดีแตงโม โดยขณะนี้ คดีแตงโม ก็รอเพียงแค่ศาลนัดไต่สวนคำถอนฟ้องของคุณแม่ในวันที่ 20 ก.ค.นี้ ส่วนที่เคยมาดำเนินคดีมาตรา 157 กับตำรวจที่ทำคดีแตงโมที่ บก.ปปป. นั้น ตอนนี้เรื่องอยู่ที่ ป.ป.ช. จะนัดตนไปสอบปากคำสัปดาห์หน้า
นอกจากนี้ นายอัจฉริยะ ยังย้ำว่า คดีแตงโมตอนนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตนแล้ว แต่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณแม่ แต่ยืนยันว่าการที่จะขอถอนโดยอ้างว่าตนรับอำนาจมาโดยไม่ชอบนั้น ไม่ถูกต้อง เพราะศาลได้ตรวจหนังสือเอกสารทุกอย่าง และประทับรับฟ้อง ถือว่าชอบด้วยกฎหมายแล้ว และฝากถึง ส.ส.เต้ ว่า คนที่ไม่รู้กฎหมายอย่าง ส.ส.เต้ ยังต้องไปฝึกอีกเยอะ ยังอ่อนประสบการณ์เรื่องกฎหมาย แต่ทุกอย่างที่ตนทำ ตนทำตามกฏหมาย
ทั้งนี้ ประเด็นที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้น ยืนยันว่าจะไม่มีปัญหากับพยานหลักฐานที่ตนยื่นไป เพราะตนไม่ได้ใช้หลักฐานใดของทางพรรคไทยศรีวิไลย์เลย เป็นหลักฐานที่หามาเองทั้งหมดตั้งแต่ต้น และหลักฐานของบังแจ็คนั้นตนก็ไม่ใช้แม้แต่ชิ้นเดียวแน่นอน แต่ตอนนี้มั่นใจว่าหลักฐานของตนที่ยื่นไปมีเพียงพอ หากมีโอกาสได้ไต่สวนในชั้นศาล มั่นใจว่าจะชนะคดีแน่นอน โดยที่ฟ้องมาตรา 288 เพราะพบว่ามีการใช้วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทของแตงโม และที่ฟ้องมาตรา 290 ก็เป็นเรื่องบาดแผลที่ขาข้างขวา แต่เวลาไต่สวนศาลอาจจะรับเพียงข้อหาเดียวก็ได้ แต่ตนก็ฟ้องให้ครอบคลุมไว้ทั้งหมด
นายอัจฉริยะ เน้นย้ำว่า ทุกคนสามารถฟ้องตนได้หมด แต่ต้องคิดให้ดี เพราะตนจะมีการต่อสู้ทางกฎหมายแน่นอน ยืนยันว่าตนทำอะไรต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว อยู่ภายใต้กฎหมาย ส่วนกรณีที่คุณแม่มีการพูดคุยกับคนบนเรือ ตนก็พอทราบมาบ้าง แต่ไม่ไปก้าวล่วงเรื่องส่วนตัว กรณีที่ว่าจะมีการให้เงินกันหรือไม่นั้นตนไม่ทราบ เพราะปกติเวลาจะคุยอะไรกับคุณแม่ ก็ต้องคุยผ่าน ส.ส.เต้ ส่วนความคืบหน้าคดีที่แจ้งความเท็จกับแซน วิศาพัช ขณะนี้รอตำรวจสั่งฟ้องอยู่ ถ้าตำรวจไม่สั่งฟ้องตนจะไปแจ้งความเอาผิดตำรวจในมาตรา 157
ขณะเดียวกัน นายอัจฉริยะ ยังฝากไปถึง นางสาวสุภาภรณ์ นิปวณิชย์ หรือ "อัยการดาว" อัยการจังหวัดนนทบุรี อัยการผู้ดูแลสำนวนคดีแตงโมด้วยว่า อย่าออกมาชี้นำสังคมจากการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ซึ่งตนมองว่าเป็นการล้ำเส้นและชี้นำสังคม ในประเด็นที่ออกมาพูดว่ามีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาคดีแตงโมในข้อหาประมาทเป็นเหตุให้แตงโมถึงแก่ความตาย ซึ่งอยู่ระหว่างอธิบดีอัยการภาค 1 กำลังพิจารณาอยู่ ตนขอเตือนเป็นครั้งสุดท้าย หากไม่หยุด จะไปร้องอัยการสูงสุดให้สอบวินัยอัยการดาวในวันจันทร์ที่ 20 มิ.ย.นี้