ศาลซานฟรานฯ รับฟ้องคดีวิชา รัตนภักดี ชี้หลักฐานเพียงพอเอาผิดข้อหาฆาตกรรม
ผู้สื่อข่าววีโอเอ รายงานจากรัฐแคลิฟอร์เนีย ถึงความคืบหน้าคดีทำร้ายนายวิชา รัตนภักดี ชายไทยวัย 84 ปี จนเสียชีวิตเมื่อเดือนมกราคม พุทธศักราช 2564 โดย ในวันศุกร์ ที่ 17 มิ.ย.ตามเวลาท้องถิ่น ศาลรัฐแคลิฟอร์เนีย เขตซานฟรานซิสโก ได้มีคำสั่งรับคำฟ้อง และชี้ว่า ฝ่ายอัยการมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะดำเนินคดีกับ นายอองตวน วัตสัน ผู้ต้องหาวัย 20 ปี ในข้อหาฆาตกรรมนายวิชา รัตนภักดี
เกือบตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ศาลสูงแห่งซานฟรานซิสโก ใช้เวลาหลายวันในการเริ่มกระบวนการไต่สวนมูลฟ้อง หรือ Preliminary hearing เป็นนัดแรกตั้งแต่วันที่ 14 มิ.ย. โดยเป็นขั้นตอนที่ฝ่ายจำเลยและอัยการ จะนำพยานหลักฐาน เพื่อให้ศาลพิจารณาไต่สวนมูลความผิด
ก่อนในที่สุดผู้พิพากษา ริชาร์ด ดาร์วิน ผู้พิพากษาศาลสูงแห่งซานฟรานซิสโก จะตัดสินว่า พยานหลักฐานฝ่ายสำนักงานอัยการเขตนำเสนอนั้นมีน้ำหนักเพียงพอสำหรับการพิจารณาคดีฆาตกรรม
แม้จะทนายความของฝ่ายจำเลย จะให้การโต้แย้งว่าคดีนี้ควรถูกตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไม่สมัครใจมากกว่า โดยให้เหตุผลว่า นายอองตวน วัตสัน ไม่มีเจตนาที่จะทำให้นายวิชา เสียชีวิต นอกจากนี้ยังพยายามโต้แย้งว่าจำเลยมีความทุกข์ใจและเครียดอยู่ก่อนหน้านี้
นางมณฑนัศ รัตนภักดี ทายาทของนายวิชา ที่ได้เข้าร่วมการพิจารณาคดีในวันศุกร์ กล่าวกับ ผู้สื่อข่าววีโอเอ ว่า รู้สึกโล่งใจมากขึ้น หลังจากเป็นกังวลและค่อนข้างเครียดในช่วงที่ผ่านมา โดยยอมรับว่าเธอสะเทือนใจจนตัวสั่นในระหว่างที่ศาลพิจารณาคดี และในช่วงที่ทนายและอัยการ นำกล่าวถึงรายละเอียดในเหตุการณ์ทำร้ายคุณพ่อของเธอจนเสียชีวิต
นางมณฑนัศ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ทราบว่าผู้ต้องหาเตรียมขอยื่นประกันตัวต่อศาล ในวันพฤหัสบดี ที่ 23 มิถุนายน นี้ แต่ต้องดูว่าศาลอนุญาตให้ประกันตัวหรือไม่ ก่อนที่ในวันที่ 1 กรกฎาคม จะเริ่มขั้นตอนการรับคำสั่งฟ้อง
ขณะที่ขั้นตอนต่อไปในคดีนี้ จะเป็นการกำหนดวันพิจารณาคดีและการเลือกคณะลูกขุน
นายวิชา รัตนภักดี ชายเชื้อสายไทยวัย 84 ปี ถูกคนร้ายวิ่งเข้าไปผลักจนล้มศีรษะฟาดฟื้น ขณะเดินออกกำลังกาย บริเวณบ้านพักในนครซานฟรานซิสโก เมื่อวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2564 โดยมีภาพวงจรปิดจับภาพได้ขณะเกิดเหตุ ก่อนที่นายวิชาจะเสียชีวิตในอีก 2 วันต่อมา และได้ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวจากชุมชนไทย และชุมชนชาวเอเชียในอเมริกาที่เรียกร้องให้ยุติอาชญากรรมความเกลียดชังชาวเอเชีย ลุกลามไปทั่วสหรัฐฯ