เหยื่อ "เวาเชอร์ทิพย์" ร้านบุฟเฟต์แซลมอนดัง ร้องทนายรัชพล ช่วยเร่งคดี

เหยื่อ "เวาเชอร์ทิพย์" ร้านบุฟเฟต์แซลมอนดัง ร้องทนายรัชพล ช่วยเร่งคดี

เหยื่อ "เวาเชอร์ทิพย์" ร้านบุฟเฟต์แซลมอนดัง ร้องทนายรัชพล ช่วยเร่งคดี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กลุ่มผู้เสียหายรวมตัวกันเข้าร้องเรียนกับ นายรัชพล ศิริสาคร ทนายความชื่อดัง หลังร้านอาหารญี่ปุ่น บุฟเฟ่ต์แซลมอนชื่อดัง ปิดกิจการอย่างกะทันหัน โดยมีข่าวว่า ผู้บริหารและเจ้าของบุฟเฟ่ต์ดังกล่าว บินหนีออกนอกประเทศไปแล้ว

นางสาวจิรัชยา อายุ 25 ปี ตัวแทนกลุ่มผู้เสียหายจากการซื้อเวาเชอร์บุฟเฟ่ต์แซลมอน ระบุว่า ก่อนหน้านี้เมื่อ 2 ปี ที่แล้ว ตนก็เป็นผู้บริโภค ก่อนจะเริ่มหันมาซื้อคูปองและนำมาขายต่อ จนปัจจุบันมีฐานลูกค้าในกลุ่มของตนเองกว่า 31,000 คน ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ทำมา 2 ปี ก็สามารถเข้าไปใช้บริการได้ตามปกติ

โดยตนเองจะใช้วิธีการซื้อคูปองมาเก็บไว้ในช่วงที่มีโปรโมชั่นผ่านทางเว็บหน้าเพจของร้าน แล้วนำมาขายต่อให้ลูกค้าในกลุ่มตนเอง ตั้งแต่โปรแรกๆคือ ซื้อ 4 ใบ แถม 1 ใบ ก่อนจะมีการปรับโปรโมชั่นมาเรื่อยๆ จนมาถึบโปรปัจจุบัน ที่ล่าสุดเมื่อต้นเดือน ตนได้ซื้อคูปอง จำนวน 2,628 ใบ ราคาใบละประมาณ 212 บาท เป็นเงินประมาณ 550,000 บาท และนำมาขายใบละ 240 บาท ได้กำไรต่อใบประมาณ 27 บาท

จนมาล่าสุดเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ได้ทราบจากคนรู้จักที่ทำงานอยู่กับร้านดังกล่าวว่า เจ้าของร้านได้บินหนีออกไปนอกประเทศแล้ว ส่งผลให้ต้องปิดกิจการทั้งหมดกว่า 27 สาขา ลงไปโดยปริยาย

ซึ่งในส่วนของตนเอง ได้ทำการประกาศให้ลูกค้าของตนทราบและทำการโอนเงินคืนให้กับทุกคนที่ทำการจองซื้อคูปองกับตนทั้งหมด 41 คน ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนตัวสาเหตุที่ไว้ใจและซื้อคูปองกับร้านนี้ คือ ทางร้านดังกล่าวได้เปิดขายมาหลายปีและเห็นผู้ที่ชื่นชอบกินปลาแซลมอนต่อแถวกันกินเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังมีการขยายกิจการหลายสาขา เป็นรูปแบบแฟรนไชส์ ทำให้ตนขยับจากผู้บริโภคมาเป็นผู้ทำธุรกิจขายคูปอง เพราะอยากให้ทุกคนได้กินในราคาถูก

โดยต่อจากนี้ก็จะปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมายไป หวังว่าผู้เสียหายทั้งหมดจะรวมตัวกันเข้าร้องเรียนต่อร้านอาหารญี่ปุ่นดังกล่าว

ด้านทนายรัชพล ระบุว่า ผู้เสียหายสามารถร้องเรียนได้ที่ ปคบ. หรือ สคบ. หรือ สน.ใกล้บ้าน โดยการดำเนินคดี จะเข้าข่ายอาญาหรือไม่ ต้องรอการสอบปากคำว่ามีเจตนา หรือตั้งใจฉ้อโกงหรือไม่ ซึ่งหากตั้งใจหรือเข้าข่าย ก็จะผิดฐานฉ้อโกงประชาชน มีโทษจำคุก 5 ปี ปรับ 1 แสนบาท โดยแยกเป็นต่างกรรม ต่างวาระ ส่วนการดำเนินคดีทางแพ่ง หากเข้าเงื่อนไขคดีอาญาก็จะสามารถร้องขอต่อศาลให้นำทรัพย์ของผู้ต้องหามาแบ่งชดใช้ได้ เมื่อคดีสิ้นสุด

ต่อจากนี้ตนเองจะรวบรวมผู้เสียหายทั้งหมดที่มาร้องเรียนกับตน และปรึกษาหารือกันว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ คาดว่าในวันพรุ่งนี้เวลาประมาณ 15 นาฬิกาจะเดินทางพร้อมผู้เสียหายไปแจ้งความที่ ปคบ.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook