ปชป.จี้ตั้งกก.สอบขรก.เอาหนังสือลับให้ ตู่

ปชป. ประณามตู่ บิดเบือนเอกสารลับกต .โฆษกมาร์ค จี้กต.ตั้งกก.สอบขรก.เอาหนังสือชั้นความลับออกมาให้บิดเบือน ชี้ ระบอบทักษิณยังฝังรากลึกในระบบราชการไทย แนะทำเป็นเยี่ยงอย่าง ให้คนที่ยังไม่คิดกลับใจได้เห็น

นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี นายจุตพร พรหมพันธ์ แกนนำนปช. นำเอกสารของกระทรวงการต่างประเทศออกมาเผยแพร่ว่า พรรคประชาธิปัตย์ขอประณามพฤติกรรมของนายจตุพร ที่ไม่เพียงนำเอาข้อมูลที่เป็นผลประโยชน์โดยตรงของชาติมาเปิดเผย ทั้งยังจงใจบิดเบือนสาระสำคัญ และสร้างความเท็จจากเอกสารดังกล่าวเพื่อหวังผลให้เกิดความเข้าใจผิด โดยเฉพาะการดำเนินการดังกล่าวนั้นทำให้ทางรัฐบาลกัมพูชาล่วงรู้ถึงจุดยืนใน การเตรียมการเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า นายจตุพร ได้บิดเบือนข้อมูล ถ้อยคำ 3 เรื่องด้วยกันคือ 1.การที่บอกว่ามีการวางแผนกำหนดกรอบเวลาเพื่อเอาชีวิต พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นั้น ตรงนี้เป็นการบิดเบือนถ้อยความ เพราะในเอกสารดังกล่าวนั้น ไม่มีประโยคใดที่พูดถึงการกระทำที่รุนแรงทุกรูปแบบโดยรัฐบาลไทย แต่นายจตุพรพยายามพูดให้เหมือนสมเด็จฮุนเซน นายกฯกัมพูชา ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อกัมพูชา และที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ลงทวิสเตอร์วานนี้ ทั้งหมดนั้นเพื่อหวังสร้างเรื่องให้เกิดการต่อต้านรุนแรงตามมาจากความเท็จนั้น

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า 2.นายจตุพร โกหกว่าเอกสารนั้นเป็นการประกาศสงครามระหว่างรัฐบาลไทย และรัฐบาลกัมพูชา ซึ่งความจริงแล้วไม่มีข้อความ หรือประโยคใดที่พูดเช่นนั้นเลย เนื้อหาที่มีการเผยแพร่ในสื่อมวลชนบางฉบับนั้น ได้พูดถึงแนวทางการปรับความสัมพันธ์สู่ภาวะปกติ และไม่มุ่งเน้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการแกครองในประเทศที่ถือว่าเป็นมิตร ประเทศ ในขณะเดียวกันก็มีการตอบโต้ที่สมน้ำสมเนื้อ และไม่สร้างแผลในความสัมพันธ์ การที่ระบุถึงความจำเป็นหากมีการกระทำระหว่างพ.ต.ท.ทักษิณ และสมเด็จฮุนเซน ถึงขั้นที่เกิดความสูญเสียต่อชีวิต และทรัพย์สินในวงกว้าง เช่นกรณีเริ่มปรากฏหลักฐานว่าเหตุการณ์เดือนเมษายน หรือ กรณีเหตุที่เกิดขึ้นบริเวณพรมแดน จึงจะมีการใช้มาตรการทหาร ทั้งนี้ก็เป็นไปเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติตามบรรทัดฐานของหลักสากลทุกประการ และ 3.โกหกเรื่องของการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เรื่องนี้ก็มีความพยายามสร้างข้อมูลเท็จโดยอ้างว่ารัฐบาล หรือ ผู้มีบารมีนอกรัฐบาล พยายามแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมนั้น ตนขอยืนยันว่าไม่มีบุคคลหนึ่งบุคคลใด ในหรือนอกรัฐบาลที่พยายามจะแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ไม่เหมือนกับกรณีที่มีความพยายามติดสินบนศาลฎีกาฯ เมื่อครั้งมีการพิจารณาคดีที่ดินรัชดา

"เรื่องนี้ทั้งหมดถือว่าเป็นเอกสาร และเป็นจุดยืนข้อเสนอแนะ ในการรักษาผลประโยชน์ของประเทศ ทุกสาระยึดหลักการฑูตสากลตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศทุกข้อ ไม่มีใจความใดที่พูดถึงการสร้างสถานการณ์กับเพื่อนบ้านเพื่อหวังผลทางการ เมืองเหมือนที่ เครือข่ายของ พ.ต.ท.ทักษิณ พรรคเพื่อไทย กลุ่มนปช. ได้มีพฤติกรรมในการยืมมือเพื่อนบ้านกระทำต่อประเทศ พฤติกรรมโกหกซ้ำซากและนำข้อมูลในประเทศ ไปให้ประเทศอื่นเพื่อหวังผลปลุกระดมในประเทศ และยังเคยมีการพูดว่าจะเกิดสงครามระหว่างประชาชนไทยด้วยกันเอง อยากถามว่าพฤติกรรมดังกล่าวนั้นไม่ได้แตกต่างจากพฤติกรรมของคนที่ทรยศต่อ ชาติที่สร้างความเสียหายให้ประเทศตนเอง" นพ.บุรณัชย์ กล่าว

นพ.บุรณัชย์ กล่าวอีกว่า พรรคประชาธิปัตย์มองว่าการแก้ไขปัญหาต้องมุ่งที่ต้นตอเป็นสำคัญ จากที่อดีตนายกฯไทย 2 คนมีพฤติกรรมยืมมือเพื่อนบ้านเพื่อล้มรัฐบาลของประเทศตัวเองจนเกิดปัญหาจับ กุมคนไทย ตนจึงขอตั้งข้อสังเกตว่าการเปิดเผยข้อมูลความลับในครั้งนี้ เป็นการดำนินการเพื่อตอบแทนที่ทางบางฝ่ายในกัมพูชาได้เคยแลกเปลี่ยนข้อมูล กับกลุ่มคนเสื้อแดง ตามคำให้สัมภาษณ์ของสมเด็จฮุนเซนใช่หรือไม่

ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่นายจตุพรเอาหนังสือของกระทรวงการต่างประเทศเผยแพร่นั้น พรรคเพื่อไทยคงคิดว่านี่คือหมัดเด็ด และเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่จะจัดการนาย กษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ และรัฐบาลได้ แต่ข้อเท็จริงนี่คือหนังสือชั้นความลับของกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ที่รายงานสถานการณ์ทางการเมืองให้กับนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เป็นผู้บริหารสูงสุด ทั้งนี้ หนังสือดังกล่าวไม่ใช่มีแต่เฉพาะกระทรวงการต่างประเทศที่ได้เสนอแนวความคิด การแก้ปัญหาระหว่างประเทศไทย-กัมพูชา แต่ยังมีหนังสือลักษณะเช่นนี้จากหลากหลายที่มาที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง เช่น หนังสือจากสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานข่าวกรอง หรือแม้แต่กองบัญชาการตำรวจสันติบาล ล้วนแล้วแต่เป็นหนังสือความลับทั้งสิ้น

โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดคือ หนังสือเหล่านี้เป็นหนังสือชั้นความลับมากของประเทศเกี่ยวกับความมั่นคงของ ชาติ แต่ยังมีนักการเมืองบางคนที่ยังไม่สำนึกในความเป็นคนไทยจึงได้เอาหนังสือ เหล่านี้ออกมาเผยแพร่ ตนตั้งข้อสังเกตว่าหนังสือฉบับนี้คงถึงมือสมเด็จฮุนเซนแล้ว ซึ่งจะเห็นได้ว่าท่าทีของสมเด็จฮุนเซนในช่วงหลังแข็งกร้าวต่อรัฐบาลไทยมาก ขึ้นเรื่อยๆ ที่นายจตุพรให้สัมภาษณ์เมื่อเช้า (19 ธ.ค.) ที่บอกว่าการล้วงความลับของกระทรวงการต่างประเทศไม่เป็นความผิด เพราะเปรียบเหมือนว่าโจรกำลังจะปล้นบ้านก็ไปล่วงรู้ข้อมูลก่อน ซึ่งตนเห็นว่าคำเปรียบเทียบของนายจตุพรไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เพราะไม่ได้เหมือนกับโจรปล้นบ้านอย่างที่นายจตุพรพูด แต่เป็นเรื่องของคนในบ้าน ที่เอาเรื่องของคนในบ้านไปบอกโจร ไปชี้ช่องทางให้โจรมาปล้นบ้าน นี่ต่างหากคือข้อเท็จจริง

"ผมคิดว่ากระบวนการทั้งหมดชี้ให้เห็นว่าในระบบราชการปัจจุบันยังมีระยอบ ทักษิณแทรกซึมอยู่ในวงการราชไทยอยู่จำนวนมาก 6 ปีของระบอบทักษิณ และ 2 ปีของลิ่วล้อ นอมินีทักษิณที่ครอบครองอำนาจได้ฝังรากลึกมีคนของระบอบทักษิณอยู่ใน ทุกราชการ นี่คือหลักฐานที่ปรากฎชัดว่าคนในระบอบทักษิณได้นำเอาความลับของชาติไปเผย แพร่เพื่อประโยชน์ของพ.ต.ท.ทักษิณเท่านั้น ผมสนับสนุนให้กระทรวงการต่างประเทศตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริง อย่างน้อยได้เป็นเยี่ยงอย่างว่าให้คนในระบอบทักษิณที่ยังฝังตัวอยู่ในหน่วย งานราชการต่างๆ และมีความหวังว่าเจ้านายของตัวเองจะหวนคืนกลับสู่อำนาจอีก ก็เลยรับใช้อย่างสุดชีวิตจิตใจ ได้ทำให้เป็นจริง เพื่อเป็นเยี่ยงอย่างสำหรับคนหลายคนที่ยังไม่คิดกลับเนื้อกลับใจ" นายเทพไท กล่าว

นายเทพไท กล่าวอีกว่า หนังสือฉบับดังกล่าวหากดูในรายละเอียดทั้งหมด นายจตุพรล้วนแล้วแต่บิดเบือนข้อเท็จจริงทั้งสิ้น เพราะเนื้อหาพูดถึงการวิเคราะห์ท่าทีของกัมพูชา พูดถึงแนวทางการดำเนินการ เป้าหมายการทำงาน และข้อเสนอแนะให้กับนายกฯ ในทัศนะของกระทรวงการต่างประเทศ ไม่ได้มีข้อความใดไปเกี่ยวข้องหรือเสนอให้จัดการกับพ.ต.ท.ทักษิณแต่ประการใด ซึ่งตนคิดว่านี่คือกระบวนการหนึ่งที่เป็นการแสดงความชอบธรรมให้กับพ .ต.ท.ทักษิณในการที่ทวิตเตอร์มาตลอดเวลาว่ามีคนจ้องเอาชีวิตตัวเอง ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณคงกลัวไปเอง ทั้งๆ ที่ไม่มีใครคิดที่จะไปเอาชีวิต คนไทยทุกคนเป็นพุทธศาสนิกชน เชื่อในกฎแห่งกรรม บาปบุญคุณไทษ กรรมที่พ.ต.ท.ทักษิณได้ทำกับประเทศชาติ ก็คงจะได้รับกรรมเอง ไม่มีใครไปจัดการหรือไปสร้างเวร สร้างกรรม โดยการเอาชีวิตพ.ต.ท.ทักษิณ ตามที่เขาเข้าใจ