เจ้าของดารุมะ อ้างธุรกิจขาดสภาพคล่อง ขายคูปองเพื่อหมุนเงิน กลับไทยเพื่อสู้คดี

เจ้าของดารุมะ อ้างธุรกิจขาดสภาพคล่อง ขายคูปองเพื่อหมุนเงิน กลับไทยเพื่อสู้คดี

เจ้าของดารุมะ อ้างธุรกิจขาดสภาพคล่อง ขายคูปองเพื่อหมุนเงิน กลับไทยเพื่อสู้คดี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เจ้าของ "ดารุมะ" ยอมรับธุรกิจขาดสภาพคล่อง เลยขายคูปองเพื่อหมุนเงิน แต่ไปต่อไม่ไหว เดินทางกลับไทยเพื่อมาสู้คดี

วันนี้ (22 มิ.ย.) เมื่อช่วงเวลาประมาณ 14.30 น. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พร้อมคณะทำงาน แถลงจับกุม นายเมธา อายุ 39 ปี ซึ่งเป็นผู้บริหารของดารุมะ ซูชิ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1267/2565 ลงวันที่ 22 มิถุนายน 2565 ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา และเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ

โดยสามารถจับกุมได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ หลังเดินทางกลับจากสหรัฐอเมริกา พร้อมกับตรวจยึดของกลางเป็นเงินสด จำนวน 20,186 ดอลลาร์สหรัฐ (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 710,000 บาท) ตรวจพบในกระเป๋าเดินทางของผู้ต้องหาขณะจับกุมตัว

หลังจากมีประชาชนจำนวนมากได้รับความเสียหายจากการซื้อคูปองรับประทานอาหาร, กิจการแฟรนไชส์ และวัตถุดิบในการปรุงอาหาร ซึ่งต่อมาร้านอาหารดังกล่าวซึ่งปัจจุบันมีสาขา 27 สาขา ทั้งในกรุงเทพและปริมณฑล ได้มีการปิดกิจการและไม่สามารถติดต่อผู้ที่เกี่ยวข้องได้

ผบช.ก. เปิดเผยว่า จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การว่า ทำธุรกิจร้านอาหารมาตั้งแต่ปี 2559 แต่พอมาในช่วงโควิดประสบปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน จึงตัดสินใจขายคูปองบุฟเฟต์ ราคา 199 บาท แต่กิจการ ไม่สามารถไปต่อได้ จึงตัดสินใจที่จะหลบหนีไปที่สหรัฐ และสุดท้ายหลังจากที่เห็นข่าวต่างๆ รวมถึงถูกกดดันจากทุกๆ ทาง จึงตัดสินใจกลับมาที่ประเทศไทย เพื่อจะต่อสู้คดี

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบแล้วพบว่า มีผู้มาแจ้งความแล้วหลักร้อยคน แจ้งความทางระบบออนไลน์ ประมาณ 300 คน และเท่าที่คุยกันกับผู้เสียหาย พบว่ายังมีอีกหลายพันคน ซึ่งหากผู้เสียหายประสงค์จะแจ้งความสามารถมาแจ้งความได้ที่ บก.ปคบ หรือแจ้งความในพื้นที่ต่างๆ ได้ เพราะก่อนหน้านี้ได้เสนอสำนักงานตำรวจแห่งชาติขอรวมคดีเป็นคดีเดียวกัน เพราะมีผู้เสียหายจำนวนมาก

สำหรับแนวทางการสืบสวนนั้น ขณะนี้ทำการตรวจสอบการเงินทุกบัญชีที่เกี่ยวข้อง อยู่ระหว่างการขอเอกสารกับทางธนาคารซึ่งได้มาแล้วบางส่วน หลังจากนี้จะต้องตรวจสอบดูให้ครบทุกธนาคาร พร้อมกับตรวจสอบทรัพย์สินต่างๆ หากพบว่ามีการโอนย้ายถ่ายเทไปที่บุคคลใด ก็จะไปตามกลับมาเพื่อนำเงินมาเฉลี่ยคืนให้กับผู้เสียหาย

อย่างไรก็ตาม ในชั้นตำรวจจะไม่ให้ประกันตัว โดยจะคุมตัวไปฝากขังที่ศาลอาญาในช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้ พร้อมคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากคดีนี้มีผู้เสียหายจำนวนมาก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook