อีกแล้ว! เปิดใจเจ้าสาวถูกเทงานแต่ง ดราม่าสินสอด ถึงวันงานบอกมีเงินแค่ 1.5 หมื่น
เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ใช้เฟซบุ๊กโพสต์ภาพงานแต่งงานงานหนึ่ง พร้อมข้อความระบุว่า "สงสารพี่สาวมาก จัดงานแต่งแต่ผู้ชายไม่มา เคยเห็นแต่คนอื่น ไม่คิดจะเจอกับครอบครัวตัวเอง" และผู้ใช้เฟซบุ๊กอีกราย ซึ่งเป็นเจ้าสาวในภาพชื่อ ธารารัตน์ ไชยนามน ได้แสดงความคิดเห็นว่า "เคยเห็นแต่ในข่าว เจอกับตัวเอง เจ็บโคตรๆๆๆๆๆ ค่ะ"
โดยผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปสอบถามข้อเท็จจริง กับ นางสาวธารารัตน์ ไชยนามน หรือ น้องแพม อายุ 33 ปี ชาวบ้านโนเที่ยง ต.นามน อ.นามน จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งนางสาวธารารัตน์ เปิดเผยว่า ภาพและบุคคลในภาพดังกล่าว เป็นภาพงานแต่งงาน ระหว่างตนกับเจ้าบ่าวจริง ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา โดยเป็นภาพบรรยากาศการแต่งงานที่ไม่มีเจ้าบ่าวมาร่วมพิธี ส่วนสาเหตุนั้นเนื่องจากทางฝ่ายเจ้าบ่าว ไม่มาแต่งงาน ทราบว่าสินสอดไม่ครบ ตามที่ตกลงกันไว้ในวันที่มาสู่ขอและหมั้นหมาย
นางสาวธารารัตน์ กล่าวว่า ตนกับเจ้าบ่าวเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน พบรักกันที่กรุงเทพฯ ประมาณ 2 ปี ก่อนที่จะกลับบ้านทำพิธีหมั้นหมายตามประเพณี เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2565 สำหรับสินสอดที่ตกลงกันไว้คือ 149,999 บาท ทองหนัก 2 บาท โดยมอบให้ในวันหมั้นไว้ 1 บาท กำหนดจัดพิธีแต่งงานวันที่ 26 พฤษภาคม 2565 แต่ช่วงนั้นคนในครอบครัวติดโควิด-19 จึงเลื่อนมาเป็นวันที่ 18 มิถุนายน 2565 ทั้งนี้ก่อนถึงวันแต่งงาน ก็มีการตระเตรียมทุกอย่างได้พร้อมสรรพ ทั้งจัดห้องหอ สถานที่ ของชำร่วยมอบให้กับญาติผู้ใหญ่และแขกที่จะมาร่วมงาน รวมทั้งว่าจ้างวงดนตรี ล้มวัว โต๊ะจีน รวมค่าใช้จ่ายประมาณ 160,000 บาท ซึ่งตนก็สอบถามทางเจ้าบ่าวตลอดว่าเงินสินสอดและทองพร้อมหรือยัง เจ้าบ่าวก็ยืนยันว่าพร้อมทุกอย่าง เงินครบทุกบาททุกสตางค์แล้ว แต่พอวันแต่งงานในช่วงเช้า ก็มีญาติทางเจ้าบ่าวมาพูดกับพ่อแม่ตนว่าเงินสินสอดไม่พอ ตอนนี้รวบรวมได้แต่ 15,000 เท่านั้น เมื่อได้ยินดังนั้น ตนและญาติทุกคนรู้สึกชาไปหมด ได้ยินญาติคุยกันว่าเมื่อเงินสินสอดไม่พอ ก็ไม่ต้องมาแต่ง
นางสาวธารารัตน์ กล่าวอีกว่า เมื่อถึงฤกษ์มงคล เวลา 09.09 น.ที่จะเข้าพิธีแต่งงาน ตนซึ่งแต่งตัวเจ้าสาวพร้อมแล้วจึงเข้าพิธีสู่ขวัญบายศรี เหมือนเข้าพิธีแต่งงานตามประเพณี ซึ่งเป็นการแต่งงานโดยไม่มีเจ้าบ่าว ขณะที่ตนเองรู้สึกเสียใจจนร้องไห้ ที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกับตน แทนที่จะเป็นการสู่ขวัญบายศรีงานแต่งงาน กลับเป็นการสู่ขวัญปลอบใจที่งานแต่งไร้เงาเจ้าบ่าว อย่างไรก็ตามหลังเหตุการณ์เจ้าบ่าวเทงานแต่ง ทางเจ้าบ่าวไม่ได้ติดต่อมาอีกเลย และต่อไปนี้ความสัมพันธ์ก็คงจะสิ้นสุดกัน ไม่มีวันหวนกลับมาคืนดีกันแน่นอน ซึ่งหลังเกิดเหตุตนก็ได้เดินทางไปแจ้งความสภ.นามน แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานเท่านั้น และบอกว่าให้ไปตกลงกันก่อน ซึ่งครอบครัวของตนเรียกร้องให้เจ้าบ่าวมาชดใช้ค่าจัดงานด้วย
อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับ นายปิยะราช อายุ 35 ปี หรือ แฮ็ก เจ้าบ่าว ซึ่งปัจจุบันเดินทางไปทำงานที่กรุงเทพฯ โดยนายปิยะราช ระบุว่าเหตุที่ตนไม่เข้าพิธีแต่งงานกับเจ้าสาวนั้น เนื่องจากก่อนเริ่มพิธีทางญาติผู้ใหญ่ฝ่ายตนแจ้งว่า ทางญาติฝ่ายเจ้าสาวเรียกค่าสินสอดเพิ่ม จากเติมที่เคยตกลงกันไว้ 149,999 บาท กับทองหนัก 2 บาท พอถึงวันแต่งงานกลับเรียกเพิ่มเป็น 200,000 บาท ซึ่งไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ และหากมีไม่ครบก็ไม่ต้องแต่ง ซึ่งตนได้เตรียมสินสอดไว้ 149,999 บาทเท่านั้น ตนจึงไม่แห่ขันหมากไปงานแต่ง ทั้งนี้ที่บ้านของตนก็มีการจัดเตรียมงานและเสียค่าใช้จ่ายเช่นกัน ซึ่งหลังเกิดเหตุไม่ได้ติดต่อกัน พร้อมกลับมาทำงานที่กรุงเทพฯ ตั้งใจทำมาหากิน ซึ่งเรื่องดังกล่าวตนก็เสียใจ ไม่มีใครอยากให้เกิด และคิดว่าคงไม่กลับไปคบกันเหมือนเดิมอีกแล้ว
อัลบั้มภาพ 10 ภาพ