"เบนซ์ ปุณยาพร" เปิดใจถูกดราม่าภาพไม่เหมาะสม เผยมูเตลูขั้นสุดใช้ชีวิตตามหมอดู
นักแสดงสาวมากความสามารถ เบนซ์ ปุณยาพร ที่วันนี้จะมาเปิดใจหลังเจอดราม่าหนักโพสต์ภาพไม่เหมาะสม และเส้นทางสายมูขั้นสุด ใช้ชีวิตบนพื้นฐานของหมอดู พร้อมเผยเหตุการณ์ปรี๊ดแตกกับนักแสดงปริศนา ผ่านทาง รายการคุยแซ่บ Show ทางช่อง วัน31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์, บูม สุภาพร และ อาจารย์เป็นหนึ่ง เป็นพิธีกรดำเนินรายการ
อยู่ในวงการ 20 ปี มีอยู่ช่วงหนึ่งมีดราม่าเข้ามา ดราม่าแรกคือ?
เบนซ์ : "เบนซ์ถ่ายรูปเฉยๆ เอาแบบมาจากเมืองนอกไม่ได้คิดอะไร แค่เอาเท้าไปพาดคอนโซนรถ แล้วช่วงนั้นเป็นช่วงละครออนแอร์ ในแคปชั่นเราก็คิดอะไรไม่ออกด้วยแหละ ก็เลยเขียนโปรโมทละครไป แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็มีกระแสว่าไม่เหมาะสมที่จะเอาไปพาดแบบนั้น เพราะมันมีแม่ย่านางรถ มีอะไรอยู่ แล้วอีกกระแสที่เรารู้สึกเสียใจ รู้สึกว่าทำไมคนถึงคิดในแง่ลบแบบนี้ จะมีการบอกว่าที่เบนซ์ทำแบบนี้ เพราะเบนซ์เงียบไปหรือเปล่า หิวแสงหรือเปล่า"
คำว่าหิวแสงนี่รับไม่ได้เลย?
เบนซ์ : "ไม่ได้ค่ะ เพราะว่าเราทำงานมา 20 ปีแล้ว ผลงานที่ออกมามันก็มีรางวัลการันตีมากมาย ในละครแต่ละเรื่อง เบนซ์ต้องมีครูแอคติ้งคอยบรีฟบท เราอยากจะพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา แต่เราไม่จำเป็นต้องบอกทุกคนให้รู้ว่าละครแต่ละเรื่องเราทำการบ้านหนักมาก แต่สิ่งที่เบนซ์ได้รับกลับมาเบนซ์เสียใจ"
มีเข้าไปตอบโต้บ้างไหม?
เบนซ์ : "ตอนแรกรู้สึกตลก ไม่ได้ตอบโต้อะไร แต่พอมาหลังๆ ข่าวมันเขียนโจมตีเยอะ เราก็เลยรู้สึกว่าต้องออกมาพูดบ้างแล้ว ถ้าเราไม่พูด เรานิ่ง มันก็จะเป็นเหมือนเดิม"
ถึงขั้นอยากปิดไอจีเลยเหรอ?
เบนซ์ : "รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ รู้สึกน้อยใจ ขอปิดเงียบๆ อยู่คนเดียวดีกว่า พอเกิดเหตุการณ์นี้ เรารู้สึกว่าเรายังไม่ได้ทำอะไรเลย แต่กระแสโจมตีเรากลับมา"
อยากจะบอกอะไรกับคนที่ดราม่าเราตอนนั้นไหม?
เบนซ์ : "อยากให้ทุกคนมองภาพที่ถ่ายไปอารมณ์แบบแฟชั่น แล้วก็ไม่ได้คิดอะไรเลย พอรูปนี้ออกมามันจะมีอีกรูปที่เบนซ์ลงเหมือนเป็นสระว่ายน้ำ แล้วทุกคนก็จะแซวว่าวันนี้เบนซ์เหยียบพระธรณีอีกแล้ว ผิดหรือเปล่า คือมันจะเป็นเรื่องขำ เบนซ์คิดในใจว่าทำไมคนมันแบบไปเรื่อยเนอะ คือเหมือนยิ่งพูด ยิ่งเยอะ"
พอเกิดดราม่านี้ปุ๊บ ไอจีของเบนซ์แซ่บหนักมาก?
เบนซ์ : "ที่แซ่บเพราะมันคือละครที่เราได้รับเล่น มันเหมือนเป็นการพลอกบทบาทด้วยแหละ เราโตขึ้นด้วย แล้วด้วยบทบาทที่เราได้รับ เรารู้สึกว่าถ้าเราไม่พลิกตัวเองมันก็จะอยู่ที่เดิม อันนี้มันเป็นเป้าหมายในสิ่งที่เราต้องทำ แต่มันก็แล้วแต่มุมมองของคนว่าจะมองแบบไหน"
แสดงว่าก่อนหน้านี้เบนซ์ไม่ได้แซ่บลงไอจีเลย?
เบนซ์ : "ก่อนหน้านี้บทที่เราได้รับคือเป็นแนวนางเอกร้องไห้เยอะๆ หวานๆ เรียบร้อยตลอดเวลา"
แสดงว่าบทใหม่เราแซ่บกว่าชุดว่ายน้ำมา?
เบนซ์ : "แซ่บกว่าค่ะ แล้วด้วยคาแรคเตอร์ของตัวละครตัวนั้น ที่เป็นได้รับก่อนหน้านี้ มันก็มีเป็นข่าวอีก เล่นกับพี่ออย ธนา ฉากสระว่ายน้ำ มันก็เป็นกระแสขึ้นมา เบนซ์รู้สึกว่าโอเคมันคืองานของเรา เราก็อยากพัฒนาตัวเองไปตรงนั้นด้วย"
ระหว่างเวอร์ชั่นเก่าสายหวาน กับเวอร์ชั่นใหม่สายเซ็กซี่อันไหนเป็นเราที่สุด?
เบนซ์ : "หนูเป็นคนที่ชอบในความเซ็กซี่อยู่แล้วตั้งแต่แรกๆ แต่ตอนนั้นมันยังเด็ก แล้วด้วยคาแรคเตอร์ที่เราได้รับมันจะเป็นแนวแบบเรียบร้อยมาก ไม่ได้พลิกบทบาทแบบนี้ แล้วอีกอย่างตอนนั้นนางเอกจะไม่สู้คน แต่ตอนนี้นางเอกมันจะสู้คนแล้ว มันก็เลยเปลี่ยนไปเป็นอีกแบบ"
อยากบอกอะไรกับคนที่บอกว่าเราถ่ายรูปแซ่บลงไอจี เพื่อสร้างกระแสให้มีงาน?
เบนซ์ : "มันเป็นงานของเบนซ์ ซึ่งสุดท้ายแล้วอยากให้มองถึงการพัฒนาตัวเองมากกว่า ไม่อยากให้มองว่าสร้างกระแส หรือหิวแสงอะไร จริงๆ ทำงานมา 20 ปีแสงมันโดนที่หนูอยู่แล้ว เราไม่จำเป็นต้องทำ เพราะมันทำด้วยผลงานของเราอยู่แล้ว"
เขาบอกว่าเบนซ์ชอบสายมูตั้งแต่ก่อนเข้าวงการ?
เบนซ์ : "ใช่ค่ะ เป็นคนชอบอ่านดวง แล้วก่อนประกวดดัชชี่ ก็จะมีเพื่อนๆ ไปดูดวง แล้วมีเพื่อนแนะนำว่าเนี่ยถ้าแกประกวดดัชชี่นะอาบน้ำแสงจันทร์เลย เดี๋ยวจะได้รางวัลแน่นอน หนูก็ไปนะ แล้วจะมีอาจารย์คนที่ช่วย ต้องไปอาบ 12 วันในเวลานี้ แต่หนูไปกับแม่หนูนะ เพราะหนูไม่รู้ว่ามันน่ากลัวหรือเปล่า"
อาบน้ำแสงจันทร์คือยังไง?
อาจารย์เป็นหนึ่ง : "การอาบน้ำแสงจันทร์ จริงๆ เขาเรียกการอาบน้ำ เพื่อเป็นสิริมงคลกับชีวิต เชื่อว่าการล้างสิ่งที่ไม่ดีออกไป มันจะเสริมสิ่งที่ดีกลับเข้ามา ตำราโบราณจะเชื่อกันว่าคนที่อาบน้ำแสงจันทร์จะเสริมให้มีเสน่ห์ มีความนิยมชมชอบ"
อาบน้ำแสงจันทร์ทำยังไง?
เบนซ์ : "มันก็เหมือนอาบน้ำมนต์นี่แหละแล้วไปรับแสงพระจันทร์แล้วอาบให้ตรงวัน แล้วสวดมนต์อธิฐานขอจิต 1 ข้อว่าเราอยากได้อะไร"
หลังจากอาบน้ำแสงจันทร์ 12 คืนติดกัน ดัชชี่ได้รางวัลที่เท่าไหร่?
เบนซ์ : "ได้รองอันดับ 1 ได้ตำแหน่งมาแบบงงๆ ด้วย ปี 2004 จริงๆ ไปกับเพื่อน คือเพื่อนตั้งใจว่าต้องได้แน่นอน ไม่ค่ะ เพื่อนไม่ได้ตอนนี้เพื่อนไปอยู่อเมริกาสบายใจแล้ว"
นั่นเป็นสาเหตุให้เราเชื่อการมูเลยไหม เพราะว่ามูตอนนั้นแล้วมันได้จริงๆ?
เบนซ์ : "ใช่ก็เชื่อมาตั้งแต่ตอนนั้นเลย มันเลยส่งผลเหมือนจะทำอะไร คือมันแล้วแต่คนนะคะ มันคือความสบายใจในแต่ละวันที่เราได้รับ"
ทุกอย่างที่เบนซ์ต้องทำ ต้องถามหมอดู?
เบนซ์ : "ใช่ ทุกเรื่อง ตอนนี้มีหมอดู 5 ศาสตร์ ศาสตร์แรกคือซินแส คือให้มาดูบ้าน อย่างอาจารย์เป็นหนึ่ง อันที่สองจะดูฤกษ์ในการออกรถ ออกบ้านก็จะเป็นอีกคน งานก็จะเป็นอีกอัน จะเป็นเปิดไพ่ สมมติว่ามีละครเรื่องไหน หนูว่าหนูโรคจิตเหมือนกันนะ สมมติเล่นละครเรื่องไหน เนี่ยอาจารย์อันนี้หนูเล่นดีไหม ถ้าอันไหนเขาบอกว่าไม่ดี หนูก็ไม่เล่น แล้วมีเหตุการณ์หนึ่งหนูอยากจะเจอเขามาก แต่ไม่เคยได้คิวเลย แต่หนูไปเจอเขาตามงานตลอด ช่วยมาดูลายเซ็นให้หน่อย หนูจะทำธุรกิจ เขาบอกว่าแป๊บนึงนะ คิวอย่านู้น อย่างนี้ เบนซ์ก็แบบทำยังไงดีถึงจะแบบจะได้เจออาจารย์ เบนซ์มีพระพิฆเนศอยู่ที่บ้าน ก็ไปไหว้พระพิฆเนศแล้วขอให้หนูได้เปลี่ยนลายเซ็นกับอาจารย์เป็นหนึ่ง อาทิตย์เดียวเท่านั้นได้เจอโดยที่เขาไปงาน แล้วเขามาบ้านหนูด้วย มันเป็นอารมณ์แบบรายการแล้วเขาต้องมาที่บ้าน"
หมอดูในเมืองไทยมีเยอะแยะ ทำไมต้องอยากดูกับอาจารย์เป็นหนึ่ง?
เบนซ์ : "ไม่รู้เขาเหมือนมีพลังบวกอะไรบางอย่างที่น้องดูในไอจี"
อาจารย์เป็นหนึ่ง : "ไปถ่ายรายการบ้านเขา พอไปเจอปุ๊บ โหงวเฮ้งแบบนี้น่าจะวุ่นวาย เพราะลักษณะของเขาเป็นคนที่ทำได้ทุกอย่างในเวลาเดียวกัน เรารู้สึกว่าถ้าเจอเขา เขาคงจะมีคำถามเยอะ พอเจอเขา เขาก็เล่าให้ฟังว่าหนูต้องมูขอพระพิฆเนศเพื่อให้ได้เจออาจารย์ ถึงว่าฉันร้อนรน อยู่ไม่ถูกเลย"
เบนซ์ : "จริงๆ หนูล่อด้วยผู้ชายด้วยแหละ"
อาจารย์เป็นหนึ่ง : "จริงๆ ลักษณะบ้าน ฮวงจุ้ยเขาดี แค่ปรับเล็กน้อย เขาก็จะไม่เวิ่นเว้อ"
เบนซ์ : "ปรับห้องนอน มุมโต๊ะอาหาร"
เปลี่ยนลายเซ็นให้เขาแล้ว อาจารย์ว่าชีวิตเขาดีขึ้นไหม?
อาจารย์เป็นหนึ่ง : "เดิมเนี่ยเราเห็นลายเซ็นของเขามีความยุ่งเหยิง พอปรับเปลี่ยนให้เขา เราแอบดูเขาอยู่ด้านหลัง เราเห็นเขามีเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องอะไรก็ตาม เรามองว่าจุดเปลี่ยนเขาเริ่มมาแล้ว ทุกอย่างเริ่มดีขึ้น แล้วจะดีแบบนี้ต่อไปอีกเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่เปลี่ยนตัวเองแรงจนเกินไป"
พอเขาให้เปลี่ยนลายเซ็นเราเปลี่ยนเลย?
เบนซ์ : "หนูเปลี่ยนเลย แล้วตามอาจารย์เขาจะมีสวดมนต์ หนูก็ทำตามเขา หนูรู้สึกว่าจิตใจหนูนิ่งขึ้น แล้วสงบขึ้น ตอนนี้หนูทำงานเยอะ ส่วนมากหนูจะนอนในรถตู้ มันไม่ได้รู้สึกเหนื่อยกว่าปกติ เมื่อก่อนจะรู้สึกแบบอันนั้นก็ลืม อันนี้ก็ลืม คือมันอะไรไม่รู้ คืออันนี้รู้สึกแบบนิ่งขึ้น ไปทีละสเต็ป คือมันเป็นกราฟที่ดี"
คนนี้เป็นคนเดียวในวงการที่เราไม่เผาผี?
เบนซ์ : "ไม่ดีกว่าค่ะ"
ถ้าเขาไฟไหม้ต่อหน้าช่วยไหม?
เบนซ์ : "อาจจะช่วยก็ได้ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร"
ทำไมอยู่ๆ ถึงมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น?
เบนซ์ : "มันเหมือนมีการเข้าใจผิดกันนิดนึง แต่จริงๆ เรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่ได้เกี่ยวกับเบนซ์ มันเกี่ยวกับเพื่อนอีกทีนึง เราก็คิดว่าจบแล้ว พอเจอหน้ากันโอเคไม่มีปัญหา แต่พอจะมาร่วมงานกัน เขาบอกว่าไม่อยากร่วมงานกับเรา เราก็แบบว่าทำไมไม่อยากร่วมงานกับเรา คืออะไร หนูเป็นคนที่พูดอะไรแล้วต้องพูดให้จบ ให้เคลียร์ ถ้าเจอหน้ากันหนูจะเดินไปถามเลย หนูรู้สึกว่าเราไม่ได้เป็นคนผิด แล้วเรายังเป็นเพื่อนกันได้ก็จบ"
แล้วมันมาถึงจุดที่ไม่เผาผีกันได้ยังไง?
เบนซ์ : "คือเขาเดินออกไปเลย แล้วเขาไม่คุยกับหนู แค่นั้น หนูก็เลยโอเคจบ ถ้าคุณไม่คุยแบบนี้ เราก็ไม่ต้องคุยกันอีกเลย เอาแบบนี้ดีกว่า อย่าใช้คำว่าเผาผี เดี๋ยวเป็นเรื่อง เอาเป็นว่าห่างๆ กันดีกว่า ไม่เจอก็ไม่เจอ"
เรื่องนี้กี่ปีแล้ว?
เบนซ์ : "ประมาณ 10 กว่าปีแล้ว ตั้งแต่เด็กๆ เลย"
ยังคาใจอยู่ทุกวันนี้?
เบนซ์ : "ใช่ค่ะ ไม่เคลียร์ก็คือไม่เคลียร์"
แล้วทุกวันนี้เขารู้ไหม?
เบนซ์ : "เขาน่าจะรู้แหละ แต่ด้วยความที่เขาไม่สนใจก็เฉยๆ ไป ซึ่งเขาก็ยังอยู่ในวงการ คือตัวเบนซ์เองอยากจะบอกลักษณะนิสัยของตัวเองว่า ถ้าพูดอะไรก็พูดให้จบ ให้เคลียร์ แล้วเราจะกลับมาเป็นเพื่อนกันได้ แต่ไม่ได้เป็นเด็กที่ก้าวร้าวนะ คุยด้วยเหตุและผล"
ถ้าเขาดูรายการ แล้วโทรมาเคลียร์ บอกว่ากลับไปเป็นเพื่อนกันได้ไหม?
เบนซ์ : "ให้ได้ๆ ไม่ติดๆ คือถ้าต้องเจอกัน ก็เจอได้แต่อาจจะไม่ได้คุยกัน ห่างๆ กัน"
ถ้าเขาดูอยู่ อยากบอกอะไรเขา?
เบนซ์ : "อยากจะบอกว่าทุกอย่างมีการเข้าใจผิดกัน อีกอย่างเรื่องมันจบไปนานแล้ว ถ้าจะกลับมาเป็นเพื่อน เป็นอะไรก็เป็นได้"
ย้อนกลับไป 10 กว่าปีไม่เจอกันเลยเหรอ?
เบนซ์ : "ไม่เจอกันเลยค่ะ ไม่ได้เล่นละครด้วยกัน เพราะเราออกมาแล้ว"
เบนซ์พบจิตแพทย์ทำไม?
เบนซ์ : "หลังๆ เบนซ์ได้รับบทมันหนัก ดราม่า ร้องไห้เยอะ มันมีอยู่ช่วงหนึ่งที่จิตมันหลุดไม่ค่อยได้นั่งสมาธิด้วย ร้องไห้ตลอดเวลา ขึ้นรถมาอยู่ดีๆ รู้สึกทำไมมันเศร้าจัง แล้วก็ไปนั่งคุยกับหมอ"
หมอว่าไง?
เบนซ์ : "หมอให้ฝึกสมาธิ เขาไม่ได้ให้กินยาอะไรนะ ให้ปรับวิธีการคิดใหม่ ปล่อยวาง"
ตอนนั้นกลัวว่าจะเป็นโรคซึมเศร้าไหม?
เบนซ์ : "กลัวมาก แต่พอพูดกับหมอไปเรื่อยๆ หมอก็บอกว่าไม่เป็นหรอก เพราะพูดมาก ตอนนี้อาการดีขึ้น ไม่ได้พบคุณหมอแล้ว แค่ตอนนั้นไปเปิดใจแล้วไปคุยกันว่ามันเกิดจากสาเหตุอะไร เราเป็นเด็กที่ไม่ค่อยปิด เราจะพูดไปเลย ว่าเรารู้สึกแบบนี้ เป็นแบบนี้นะ"
ติดตามชมรายการคุยแซ่บ Show ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mamaod
อัลบั้มภาพ 17 ภาพ