2 หนุ่มสาวร้อง ปวีณา ปวีณา หงสกุลช่วยตามพ่อชาวญี่ปุ่น
2 หนุ่มสาววัยรุ่น ขอความช่วยเหลือจากปวีณา ติดตามหาพ่อชาวญี่ปุ่น ที่ไม่พบหน้ากันมานานหลายปี
(19ธ.ค.) เวลา 14.30 น. นายโคทาโร่ บาบะ อายุ 19 ปี นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันแห่งหนึ่งใน กรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยมารดาคือ นางสุภาวิณี ผลพานิชย์ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35 ม.3 ต.โคกช้าง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา และนางดวงใจ ทาซาว่า อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 57 ม.5 ต.วังข่อย อ.ไพสาลี จ.นครสวรรค์ พร้อมด้วยบุตรสาว คือ นางสาวกัลยรัตน์ ทาซาว่า อายุ 15 ปี นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.นครสวรรค์ ได้เดินทางเข้าพบ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เพื่อขอความช่วยเหลือในการติดตามหาพ่อชาวญี่ปุ่น ที่ไม่ได้พบกันมานานหลายปีแล้ว และตอนนี้ครอบครัวของทั้งสองกำลังได้รับความลำบากเป็นอย่างมาก
นายโคทาโร่ บาบะ เปิดเผยว่า บิดาของตนเป็นวิศวกรชาวญี่ปุ่น ชื่อ นายทาคาฮิโร่ บาบะ ซึ่งเมื่อปี 2531 พ่อได้เดินทางมาทำงานที่ประเทศไทย และรู้จักกับแม่ ซึ่งขายอาหารอยู่ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยได้คบหากันในระยะเวลาหนึ่งจากนั้นพ่อก็จึงได้พาแม่เดินทางไปจดทะเบียนสมรสกันที่สถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย หลังจากจดทะเบียนสมรสแล้วไม่นาน พ่อต้องไปทำงานที่ประเทศศรีลังกา พ่อจึงได้ขอความช่วยเหลือจากเจ้านายของบริษัทให้ช่วยเหลือจัดงานแต่งงานให้และพ่อได้พาแม่ไปอยู่ด้วยกันที่ประเทศศรีลังกากระทั่งตั้งท้องตน
ต่อมาเมื่อแม่ท้องแก่ใกล้คลอด พ่อได้ให้แม่กลับมาคลอดที่ประเทศไทย และเมื่อตนอายุได้ 1 ปี 6 เดือน พ่อก็ได้มารับตนกับแม่ไปอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น แต่ตนและแม่อยู่กับพ่อได้เพียง 1 เดือน พ่อก็บอกให้แม่พาตนกลับประเทศไทยเนื่องจากมีปัญหาเรื่องกีดกันจากทางญาติๆและแม่ของพ่อที่ญี่ปุ่น โดยพ่อบอกว่าจะมารับกลับไปภายหลัง แต่หลังจากที่กลับมาเมืองไทยแล้วพ่อก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย
นายโคทาโร่ กล่าวต่อว่า ที่ตนมาขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ ก็เพราะว่าตนอยากเจอพ่อ อยากให้พ่อมาช่วยเหลือตนและแม่บ้าง ทุกวันนี้ตนต้องทำงานเพื่อส่งตัวเองเรียนโดยไปทำงานเสิร์ฟอาหารที่ร้านฮอท พอท สุกี้ และ ร้านไอศครีมสเวนเซ่นส์ ตนเองเรียนวิศวะตามแบบพ่อของตน แต่ก็ไม่เคยมีเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นของตัวเอง บางครั้งตนเลิกงานดึกทำให้ไม่ได้ไปเรียน ครูจึงเรียกไปสอบถามเมื่อครูทราบสาเหตุก็แนะนำให้ตนมาขอความช่วยเหลือที่มูลนิธิปวีณาฯ ตนอยากเจอหน้าพ่ออีกสักครั้งหนึ่งก็พอ เท่าที่ทราบตอนนี้คือพ่อนั้นอยุ่ที่เมืองนางาซากิ
ด้าน นางสาวกัลยรัตน์ คาซาว่า หรือ ไอจัง กล่าวว่า ตนเป็นบุตรของนาย เคนโซ ทาซาว่า เมื่อปี 2533 แม่ของตนเดินทางไปทำงานร้านอาหารที่ประเทศญี่ปุ่น และรู้จักกับพ่อที่เปิดร้านอาหาร พ่อ-แม่ได้คบหากัน และตัดสินใจพากันไปจดทะเบียนสมรสกัน
โดยอยู่ด้วยกันได้ 4 ปี แม่ก็ตั้งท้องตนในปี 2537 และในปีเดียวกันนี้ พ่อและแม่ ได้พากันเดินทางกลับมาที่ประเทศไทย เพื่อจัดการเรื่องานศพของยายและแม่ก็ได้คลอดตนที่ จ.นครสวรรค์ เมื่อตนอายุได้ 1 ปี พ่อก็กลับไปประเทศญี่ปุ่น และไม่ติดต่อกลับมาอีก
โดยแม่ได้ติดต่อพ่อทางจดหมายตลอด แต่ช่วงหลังจากปี 2547 พ่อก็ขาดการติดต่อ ไม่ส่งจดหมายมาอีก เมื่อตนและแม่ส่งจดหมายไปก็ไม่ตอบกลับ ตนจึงเขียนจดหมายมายังมูลนิธิปวีณาฯ เพื่อขอความช่วยเหลือ เพราะขณะนี้ที่บ้านยากจนมาก และอยากเห็นหน้าพ่อบังเกิดเกล้าของตนสักครั้ง รวมทั้งอยากให้พ่อได้ช่วยเหลือส่งเสีย ในเรื่องการเรียน เพราะตนเองนั้นอยากเรียนสูงๆถึงระดับปริญญา แต่ยากจนมาก จึงขอให้พ่อช่วยเหลือตนเองด้วย
นางปวีณา หงสกุล กล่าวว่า ในเบื้องต้นนั้นทางมูลนิธิได้รับจดหมายขอความช่วยเหลือจาก นางสาวกัลยรัตน์ คาซาว่า และในจดหมายยังบอกอีกว่า ครอบครัวยากจนไม่มีเงินเดินทางมาที่มูลนิธิ ตนเองจึงได้ประสานไปยัง พ.ต.อ.คณากร รุ่งขจรกลิ่น ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรไพสาลี จ.นครสวรรค์
โดยทางผู้กำกับ ได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปรับตัวน้องไอจัง และแม่มายังมูลนิธิฯ ส่วนนายโคทาโร่ บาบะ นั้นได้โทรศัพท์มา ตนเองจึงได้นัดหมายให้ทั้งสองคนมาพบในวันเดียวกัน
หลังจากได้สอบถามรายละเอียดจากทั้ง 2 รายแล้ว จะได้ประสานไปยัง นายฉัตรชัย วิริยเวชกุล นักการทูตชำนาญการ กระทรวงการต่างประเทศ โดยนายฉัตรชัย ได้นัดให้นายโคทาโร่ และ น้องไอจัง เข้าพบ นายวิชิต เภาวัฒนสุข นักการทูตชำนาญการ กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ในวันจันทร์ที่ 21 ธันวาคม 2552เพื่อช่วยเหลือต่อไป
โดยทาง "มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี" จะติดตามเรื่องอย่างใกล้ชิด และจะทำหนังสือถึงสถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยเพื่อให้ความช่วยเหลือให้พ่อลูกทั้งสองคู่ได้พบหน้ากันในที่สุดอีกด้วย